EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว : ข่าวอ้างท้องผูกนานจนอุจจาระดันทะลุหัวใจ แพทย์ยืนยันแล้ว อุจจาระในลำไส้ไม่สามารถแทงขึ้นไปบนช่องอกได้

5 มิ.ย. 6817:02 น.
1
สังคมและสุขภาพ#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว : ข่าวอ้างท้องผูกนานจนอุจจาระดันทะลุหัวใจ แพทย์ยืนยันแล้ว อุจจาระในลำไส้ไม่สามารถแทงขึ้นไปบนช่องอกได้

สื่อออนไลน์หลายสำนักเผยแพร่ข้อมูลสาวไต้หวันวัย 23 ปี ท้องผูก 17 วัน จนลำไส้ทะลุถึงช่องอก ตรวจสอบแล้วเป็นข้อมูลบิดเบือน แพทย์ยืนยันว่าอุจจาระไม่สามารถดันทะลุช่องอกได้

จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็น “ข่าวปลอม” ที่มีลักษณะบิดเบือน และถูกเผยแพร่ต่อโดยสื่อข่าวออนไลน์หลายสำนัก ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าชาวไต้หวันท้องผูกไม่ขับถ่ายนาน ทำให้อุจจาระทะลุถึงช่องอก หัวใจ ปอด และเสี่ยงติดจนเสียชีวิต จึงต้องรีบเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นบล็อกของชาวไต้หวัน ที่ขอคำแนะนำเรื่องรักษาอาการท้องผูกและเธอกังวลเรื่องลำไส้ที่ดูยาวผิดปกติเหมือนจะเคลื่อนตัวสูงไปช่องปอด อย่างไรก็ตาม ในบล็อกดังกล่าว ไม่ได้ระบุว่าเธอเคยเข้ารับการผ่าตัดลำไส้แต่อย่างใด

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาจาก : Facebook

Thai PBS Verify ตรวจสอบพบโพสต์จาก Facebook ที่ใช้ชื่อว่า หมอที่ดีที่สุดคือตัวคุณเอง by Saranruss ระบุว่า “มีสาวไต้หวันวัย 23 ปีท้องผูก นานถึง 17 วัน จนอุจจาระสะสมจนดันลำไส้ใหญ่ ทะลุขึ้นไปถึงช่องอกเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง ชีวิตเกือบไม่รอด โชคดีที่ได้เข้ารับการผ่าตัดทันเวลา แต่ต้องสูญเสียบางส่วนของลำไส้ไปตลอดชีวิต”

สาวไต้หวันไม่ได้ระบุว่าเธอเคยได้เข้ารับการผ่าตัดลำไส้ตามที่กล่าวอ้าง

เราตรวจสอบจากโพสต์ต้นทางของชาวไต้หวันรายดังกล่าว ที่โพสต์ผ่านแอปพลิเคชัน dcard เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2020 ระบุว่า 

“ฉันอยากขอคำแนะนำเนื่องจากเป็นคนขับถ่ายยากมาตั้งแต่เด็ก ๆ ต่อให้รับประทานอาหารตามที่คนอื่นแนะนำ ก็ไม่สามารถรักษาอาการท้องผูกได้ จนกระทั่งไปเอกซเรย์ ฉันพบว่าตัวเองมีลำไส้ที่ยาวมาก จนคิดว่าจะชนหัวใจหรือไม่ จึงอยากตัดลำไส้ให้สั้นลง อยากขอความคิดเห็นว่า มีใครมีวิธีไหนแนะนำอีกไหม หรือมีใครเคยตัดลำไส้มาก่อนหรือไม่”

โดยข้อความจากบล็อกของชาวไต้หวันดังกล่าว ไม่มีการระบุถึงว่าเธอติดเชื้อรุนแรงและเคยได้เข้ารับการผ่าตัด หรือระบุว่าแพทย์วินิจฉัยให้ตัดลำไส้แต่อย่างใด เป็นเพียงโพสต์ขอคำแนะนำเรื่องท้องผูกและขนาดของลำไส้ยาวเท่านั้น (ลิงก์บันทึก)

ขณะเดียวกันมีสื่อออนไลน์ในไทยได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จนี้ออกไปอย่างแพร่หลายในลักษณะพาดหัวข่าวว่า สาวไต้หวันท้องผูกนานจนอุจจาระสามารถทะลุขึ้นไปบนช่องอกได้ จนเกือบเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็น

  • เดลินิวส์ พาดหัวข่าว ระบุว่า “ท้องผูกนานจนอุจจาระไต่ขึ้นอกและแทงทะลุช่องอก”
  • คมชัดลึก พาดหัวข่าว ระบุว่า “สาวไต้หวัน 23 ท้องผูกนาน 17 วัน อุจจาระสะสมดันไปถึงช่องอก”
  • อีจัน  พาดหัวข่าว ระบุว่า “ทำเป็นเล่นไป ! สาวไต้หวันท้องผูกนาน 17 วันขรี้แทงทะลุถึงช่องอก”

  • Bright TV พาดหัวข่าว ระบุว่า “สาวต้องผ่าตัดลำไส้ด่วน หลังท้องผูกนาน 17 วัน เจออุจจาระสะสม ดันลำไส้ทะลุถึงช่องอก”
  • WeR News พาดหัวข่าว ระบุว่า “สาวท้องผูกนาน 17 วัน อึดันลำไส้ทะลุถึงช่องท้อง”
  • Sanook  พาดหัวข่าวว่า “สาวท้องผูกไม่ยอมถ่าย 17 วันจน อุจจาระดันขึ้นอก”
  • Coconews พาดหัวข่าว ระบุว่า “อุทาหรณ์สาวท้องผูก17วัน อึดันถึงอก ผ่าตัดด่วนช่วยชีวิต
  • tnews   พาดหัวข่าว ระบุว่า “สาวไต้หวันวัย 23 ต้องผ่าตัดด่วน หลังอุจจาระสะสมจนลำไส้ทะลุถึงช่องอก”

(ลิงก์บันทึก เดลินิวส์ คมชัดลึก อีจัน Bright TV WeR News Sanook Coconews และ tnews    )

แพทย์ยืนยันอุจจาระในลำไส้ไม่สามารถทะลุขึ้นช่องอกได้

นพ. วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร แพทย์เฉพาะทาง สาขาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร ศูนย์อายุรกรรมเฉพาะทาง โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ยืนยันกับทาง Thai PBS Verify ว่าลำไส้ใหญ่ของมนุษย์เราไม่สามารถทะลุช่องอกได้ เนื่องจาก ร่างกายคนเรามีกะบังลมกั้นอยู่ และการท้องผูกสะสมเป็นระยะเวลานานจนทำให้อุจจาระสะสมจนแทงทะลุหัวใจ ปอดนั้น โอกาสเกิดขึ้นยากมาก

ภาพฟิล์มเอกซเรย์ของชาวไต้หวัน ที่เผยแพร่ในบล็อกส่วนตัวทางแอปพลิเคชัน dcard

“โดยปกติช่องท้องและอก มีกล้ามเนื้อกะบังลมที่หนามากกั้นอยู่ ดังนั้น ลำไส้ไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ หากจะทะลุขึ้นไปลำไส้ต้องแตกก่อน ตามภาพฟิล์มเอกซเรย์ดังกล่าว เป็นลักษณะของลำไส้ปกติ และเป็นการเคลื่อนขึ้นที่ขึ้นไปปกติของลำไส้ ไม่ได้เป็นลักษณะลำไส้ของคนท้องผูกแต่อย่างใด ไม่มีอุจจาระค้าง และทั้งอุจจาระและลำไส้คนเราไม่สามารถทะลุขึ้นอก ขึ้นหัวใจ ขึ้นสมองได้”

นอกจากนี้ นพ. วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร ยังกล่าวว่า โดยปกติแล้วอาการท้องผูกเกิดจากการที่อุจจาระถูกกักเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่ โดยเริ่มสะสมจากปลายทวารหนัก หากปล่อยไว้นานโดยไม่ขับถ่าย ประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเริ่มมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ความอึดอัด หรือเกิดแผลกดทับจากก้อนอุจจาระที่แข็งขึ้น เนื่องจากลำไส้ใหญ่ดูดน้ำกลับทำให้อุจจาระแข็งมากขึ้น ทำให้การขับถ่ายลำบากยิ่งขึ้น 

วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร แพทย์เฉพาะทาง สาขาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร ศูนย์อายุรกรรมเฉพาะทาง โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

เคสที่ไม่ถ่ายนานถึง 17 วัน ถือเป็นกรณีรุนแรง (extreme case) ซึ่งพบไม่บ่อย โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องและมารับการรักษาก่อนหน้านั้น โดยแนวทางการรักษามักเริ่มจากการให้ยาระบาย หรือในบางกรณีอาจต้องส่องกล้องเพื่อช่วยในการขับถ่าย 

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะทำให้เกิดการเสียชีวิตตามที่กล่าวอ้าง ต้องมีภาวะผิดปกติของลำไส้ เช่น มะเร็ง แผล หรือรอยโรค อาจทำให้เกิดการอุดตันของลำไส้ ส่งผลให้อุจจาระค้าง จนทำให้มีโอกาสลำไส้รั่วแตกและติดเชื้อ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้

 

กระบวนการตรวจสอบ

  1. ตรวจสอบแหล่งที่มา โดยใช้ Google Lens ค้นหาภาพที่ในข่าวที่เผยแพร่นำมาใช้ เพื่อหาแหล่งที่มาต้นฉบับว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร 
  2. ตรวจสอบโดยการสัมภาษณ์ข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญ สอบถามแพทย์เฉพาะทาง เพื่อตรวจสอบว่ากรณีดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่

ผลกระทบจากการได้รับข้อมูลเท็จนี้

  1. สร้างความตื่นตระหนกและเข้าใจผิดเกี่ยวกับสุขภาพ
    ผู้คนอาจเข้าใจว่าอาการท้องผูกธรรมดาสามารถนำไปสู่อาการรุนแรงจนทะลุช่องอกได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดจากข้อเท็จจริงทางการแพทย์
  2. ทำให้สื่อมวลชนขาดความน่าเชื่อถือ
    หากสื่อเผยแพร่โดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มาหรือข้อเท็จจริง จะส่งผลให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในสื่อโดยรวม
  3. เกิดความเข้าใจผิดในแนวทางการรักษา
    ผู้ป่วยอาจหลีกเลี่ยงการรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยาระบายหรือการปรึกษาแพทย์ และหันไปหาวิธีการรักษาที่ผิด ๆ จากความกลัวที่สร้างขึ้นโดยข่าวเท็จ

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  1. หยุดและตรวจสอบก่อนแชร์
    อย่ารีบแชร์ข้อมูลทันที ให้ตรวจสอบแหล่งที่มา ความน่าเชื่อถือ และมีข้อมูลยืนยันทางการแพทย์หรือไม่
  2. เปรียบเทียบกับแหล่งข้อมูลทางการหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    ตรวจสอบกับแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบันทางการแพทย์, หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
  3. อย่าตัดสินใจรักษาตนเองจากข้อมูลในโซเชียลมีเดีย
    หากมีอาการคล้ายกับที่กล่าวในข่าว ควรปรึกษาแพทย์