ตรวจสอบแล้ว: คลิปทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธ เป็นภาพสร้างจาก AI
การเมือง#ข่าวปลอม
ตรวจสอบคลิปกองทัพกัมพูชาที่แชร์ในโซเชียล พบเป็นภาพปลอมจาก AI บิดเบือนสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา
พบบัญชี Facebook โพสต์คลิปเกี่ยวกับกองกำลังทหารพร้อมอาวุธของกัมพูชา ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งโพสต์ดังกล่าว มีการแชร์จำนวนมาก และคอมเมนต์ส่วนใหญ่พาดพิงถึงกัมพูชา
จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็นข่าวปลอม ที่บิดเบือนข้อมูล โดยมีข้อเท็จจริง คือ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาที่ช่องบก และข้อมูลเท็จคือ ข้อมูลที่สร้างจาก AI เกี่ยวกับกองกำลังทหารและอาวุธของกัมพูชา
Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก : Facebook
จากการตรวจสอบความโปร่งใสของบัญชี Facebook ชื่อบัญชี Ham Tith เป็นเฟซบุ๊กส่วนบุคคลมีจำนวนผู้ติดตาม 14,000 คน สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2562 ยังไม่ได้รับเครื่องหมายรับรองยืนยันตัวตนจาก Facebook และเนื้อหาส่วนใหญ่ไลฟ์สไตล์ของคนในกัมพูชา และไลฟ์สไตล์ทหารกัมพูชา โดยคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ไทย – กัมพูชาตึงเครียด
ภาพคลิปวิดีโอ AI กองทัพทหารพร้อมอาวุธ จากบัญชี Ham Tith
เมื่อทำการตรวจสอบผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ wasitai พบว่า ภาพในคลิปถูกสร้างขึ้นจาก AI

นอกจากคลิปดังกล่าวแล้ว เรายังพบการแชร์คลิปที่ถูกสร้างด้วย AI ถูกโพสต์ในโซเชียลมีเดียของชาวกัมพูชา ในช่วงที่มีข่าวการเสริมกำลังของทหารตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาอีกด้วย (ลิงก์บันทึก)
จากการสังเกตภาพในคลิปวิดีโอดังกล่าว เราพบความผิดปกติของคลิป โดยเฉพาะจังหวะที่ทหาร สามารถเดินผ่านต้นไม้ โดยที่ต้นไม้ไม่ขยับแต่อย่างใด


ชมคลิปที่นี่
นอกจากคลิปดังกล่าวแล้ว เรายังพบการแชร์คลิปที่ถูกสร้างด้วย AI ถูกโพสต์ในโซเชียลมีเดียของชาวกัมพูชา ในช่วงที่มีข่าวการเสริมกำลังของทหารตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาอีกด้วย (ลิงก์บันทึก)
- ตรวจสอบความโปร่งใสของบัญชี พบว่า บัญชียังไม่ได้รับเครื่องหมายรับรองยืนยันตัวตนจาก Facebook และเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ ทหารในประเทศกัมพูชา
- การตรวจสอบภาพและวิดีโอผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ wasitai พบว่า ภาพดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจาก AI
- เมื่อสังเกตภาพในคลิปวิดีโอ จะเห็นว่าทหารสามารถเดินทะลุต้นไม้ได้ โดยที่ต้นไม้ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือปฏิกิริยาใด ๆ ซึ่งเป็นลักษณะที่ผิดธรรมชาติ
ผลกระทบของข้อมูลนี้
- ความน่าเชื่อถือของข้อมูลลดลง
บัญชีทั้ง Facebook และ TikTok ยังไม่ได้รับเครื่องหมายยืนยันตัวตน (Verification Badge) ทำให้ยากต่อการยืนยันตัวตนเจ้าของบัญชีที่แท้จริง และการใช้ภาพที่ถูกสร้างจาก AI อาจสร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นภาพจริงจากเหตุการณ์จริง
2. ก่อให้เกิดการเข้าใจผิดในสังคม
เนื้อหาเกี่ยวข้องกับ ทหารกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นที่อ่อนไหว อาจถูกตีความผิด หรือใช้เพื่อปลุกปั่นทางอารมณ์หรือความขัดแย้ง
3. ความเสี่ยงด้านข่าวปลอม (Fake News)
การใช้ภาพหรือวิดีโอจาก AI โดยไม่ระบุแหล่งที่มาชัดเจน อาจถูกนำไปใช้เพื่อเผยแพร่ข่าวปลอม หรือสร้างภาพลักษณ์เทียมของเหตุการณ์
4. ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางข้อมูล (Information Security)
บัญชีที่นำเสนอภาพทหารและสถานการณ์ในกัมพูชา หากข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อาจมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง
5. ผลกระทบต่อการรับรู้ของประชาชน
ผู้ติดตามที่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเนื้อหาเป็นของจริงหรือสร้างขึ้น อาจถูกชักจูงหรือโน้มน้าวโดยเนื้อหาที่ไม่เป็นความจริง
ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?
- หลีกเลี่ยงการแชร์ต่อทันที
อย่าแชร์หรือส่งต่อข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบก่อน เพราะอาจเป็นการช่วยขยายข่าวปลอมโดยไม่รู้ตัว
- ตรวจสอบแหล่งข้อมูล
ค้นหาข้อมูลจากแหล่งข่าวจากหน่วยงานรัฐ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
- พิจารณาบริบทของบัญชี
บัญชีที่ไม่มีเครื่องหมายยืนยันตัวตน และเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประเด็นอ่อนไหว เช่น ความมั่นคงหรือกองทัพ ควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล
- ตั้งข้อสงสัยภาพ/วิดีโอดูแปลก
หากภาพมีลักษณะผิดธรรมชาติ หรือไม่ตรงกับบริบท เช่น ไม่มีแหล่งข่าวรองรับ ควรตรวจสอบด้วยเครื่องมือ AI image detection หรือ reverse image search หรือสังเกตป้ายกำกับด้วย AI ในคลิป
- แจ้งแพลตฟอร์ม
หากพบว่าเป็นข้อมูลปลอม หรือภาพจาก AI ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ควรแจ้งไปยัง Facebook หรือ TikTok เพื่อดำเนินการตรวจสอบและจัดการ

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยเตรียมส่งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เข้าร่วมประชุมกับฝ่ายกัมพูชา ณ กรุงพนมเปญ ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการจัดทำและสำรวจเส้นเขตแดนทางบกระหว่างสองประเทศให้ชัดเจนและเป็นทางการ ป้องกันความขัดแย้งในอนาคต คณะผู้แทนไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำพนมเปญ โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานด้านความมั่นคง กองทัพ และหน่วยงานด้านแผนที่และอุทกศาสตร์ โดยภายใน 1-2 วันนี้ ฝ่ายไทยจะจัดประชุมภายในแบบวงเล็กที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมข้อมูลและประเด็นสำคัญสำหรับการเจรจาในเวทีใหญ่ครั้งนี้