EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: ความเชื่อ “นอนบนแผ่นสังกะสี-ทรายกลบ-กรอกเหล้าขาว” ช่วยชีวิตคนถูกไฟฟ้าดูด อันตรายห้ามทำเด็ดขาด

10 ก.ย. 6819:45 น.
สังคมและสุขภาพ#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: ความเชื่อ “นอนบนแผ่นสังกะสี-ทรายกลบ-กรอกเหล้าขาว” ช่วยชีวิตคนถูกไฟฟ้าดูด อันตรายห้ามทำเด็ดขาด

สารบัญประกอบ

Thai PBS Verify ตรวจสอบกรณีผู้โพสต์เฟซบุ๊กอ้างช่วยคนถูกไฟดูดด้วยสังกะสี กลบทราย และกรอกสุราขาว พบว่าแนวทางดังกล่าวไม่มีหลักฐานทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์รองรับ ด้านแพทย์ชี้ การช่วยชีวิตที่ถูกต้องควรใช้การปฐมพยาบาลและทำ CPR อย่างทันท่วงที เตือนความเชื่อผิดอาจทำให้เสียโอกาสในการช่วยชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Thai PBS Verify ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยอ้างอิงข้อมูลจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ พบว่า แนวทางดังกล่าวไม่มีหลักฐานทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์รองรับ ขณะที่การช่วยชีวิตที่มีประสิทธิภาพในกรณีผู้ถูกไฟฟ้าดูดจำเป็นต้องอาศัยการปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก : Facebook

จากกรณีเพจ Facebook รายหนึ่งลงโพสต์พร้อมภาพประกอบว่า คนงานถูกไฟดูด เพื่อนร่วมงานจึงใช้วิธีการช่วยเหลือชีวิตแบบโบราณ คือการรีบวางตัวของคนถูกไฟดูดไว้บนแผ่นสังกะสี และเอาทรายกลบทั้งตัวพร้อมกับเอาเหล้าขาวกรอกปาก สุดท้ายรอดตายราวปาฏิหาริย์ โดยปรากฏยอดถูกใจ 322 ครั้ง 

โดยระบุข้อความว่า

#หมอโบราณ

เหลือเชื่อคนงานถูกไฟดูดเพื่อนร่วมงานรีบวางบนแผ่นสังกะสีก่อนเอาทรายกลบทั้งตัวสุดท้ายรอดตายราวปาฏิหาริย์

.

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 กันยายน 68 ศูนย์กู้ชีพปราการ ได้รับแจ้งจากสายด่วน 1669 ว่ามีคนงานชายคนหนึ่ง ถูกไฟดูดจนหมดสติ เหตุเกิดภายในสถานที่ก่อสร้างของโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพจากโรงพยาบาลบางเสาธงและกู้ภัยบางพลีไปตรวจสอบ

.

พอเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงก็พบว่ามีเพื่อนคนงานต่างชาติพากันมุ่งดูจำนวนมาก ขณะที่ผู้บาดเจ็บคือ นาย สีหนาท อายุ 32 ปี กู้ภัยต้องตกตะลึง เมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือผู้ป่วยรายนี้ นอนอยู่บนแผ่นสังกะสี โดยมีทรายจำนวนมากถูกเทกลบจนมิดตัวเหลือเพียงช่วงศีรษะและใบหน้าเท่านั้น เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยจึงเข้าปฐมพยาบาล ตรวจวัดชีพจรและระบบการหายใจ ซึ่งพบว่าคนไข้รายนี้กลับมามีชีพจรอีกครั้ง จึงเคลื่อนย้ายพาตัวส่งโรงพยาบาลบางเสาธง

.

จากการสอบถามเพื่อนคนงานถึงสาเหตุที่เอาผู้ป่วยรายนี้มาวางบนแผ่นสังกะสีและนำทรายมาเทกลบจนมิดตัวนั้น เนื่องจากเป็นความเชื่อของคนงานด้วยกันตามความเชื่อของคนโบราณ ที่มีความเชื่อหากมีคนถูกกระแสไฟฟ้าดูให้รีบนำตัวมาวางบนแผ่นสังกะสีแล้วนำทรายมาเทกลบร่าง โดยเชื่อว่าจะสามารถดึงกระแสไฟจากภายในร่างกายออกมาได้ ซึ่งก็ได้ผลจริง ๆ ก่อนที่ทีมกู้ชีพและกู้ภัยจะมาถึง

.

ขณะที่นางสมหมาย แม่บุญธรรมของผู้ป่วย รายนี้ บอกว่า ลูกชายตนทำงานเป็นคนงานก่อสร้างที่นี่ และมีหน้าที่ขึ้นไปมุ่งหลังคา ตอนเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่ด้วย แต่ทราบภายหลังจากเพื่อนร่วมงานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ลูกชายลากไฟฟ้าฟ้าเพื่อมาต่อสายไฟอีกเส้นแต่ไม่ทันระวังจึงถูกไฟฟ้าดูดจนหมดสติไป พอมาถึงก็พบว่าเพื่อนคนงานช่วยกันเอาทรายกลบและเทเหล้าขาวกรอกปากและพยามปั้มหัวใจจนกลับมาหายใจอีกครั้ง ก่อนทีมกู้ชีพและกู้ภัยเดินทางมาถึง

โดนไฟดูดแล้วให้นอนบนแผ่นสังกะสีแล้วกลบด้วยทราย ช่วยได้จริงหรือแค่ความเชื่อ?

Thai PBS Verify ได้สอบถามไปยัง ผศ.นพ.อินทนนท์ อิ่มสุวรรณ สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่องความเชื่อเกี่ยวกับการช่วยชีวิตคนถูกไฟดูดด้วยการนอนบนแผ่นสังกะสีและเอาทรายกลบนั้น มีข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันได้หรือไม่ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน กล่าวว่า ไม่ใช่ข้อเท็จจริง เป็นเพียงความเชื่อที่ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟดูดหรือไฟช็อต กระแสไฟฟ้าจะยังหลงเหลืออยู่ในร่างกาย ซึ่งโดยปกติเมื่อกระแสไฟฟ้าถูกตัดจากแหล่งไฟต้นทาง (เช่น จากการดึงเบรกเกอร์ลง) กระแสไฟฟ้าจะออกจากร่างกายของมนุษย์ทันที

ผศ.นพ.อินทนนท์ อิ่มสุวรรณ สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อันตรายที่เกิดจากโดนไฟดูด

ขณะที่การถูกไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้าช็อต อาจทำให้เกิดภาวะ กล้ามเนื้อหดเกร็ง ซึ่งอาจนำไปสู่ ภาวะกล้ามเนื้อสลาย ส่งผลให้ระดับเอนไซม์ในเลือดสูงผิดปกติ และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ ภาวะไตวายเฉียบพลัน 

นอกจากนี้ กระแสไฟฟ้ายังอาจรบกวนระบบการทำงานของหัวใจ ทำให้เกิด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

แนวทางการช่วยเหลือผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตอย่างถูกวิธี

  • ถ้าเกิดว่าเราพบผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อต สังเกตบริเวณที่เกิดเหตุว่ามีน้ำหรือไม่ ห้ามช่วยเหลือด้วยการสัมผัสตัวโดยตรง ป้องกันไม่ให้ผู้ที่เข้าไปช่วยโดนไฟช็อตไปด้วย
  • ปิดหรือดึงเบรกเกอร์ตัดแหล่งไฟที่อยู่บริเวณนั้นก่อนเพื่อป้องกันอันตรายที่ไม่ให้กระแสไฟฟ้าเข้าสู่ตัวคน และนำตัวผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตออกจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้าให้เร็วที่สุด ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือควรใส่รองเท้ายาง หรือมีอุปกรณ์ที่เป็นฉนวนกันไฟฟ้าได้
  • เมื่อสามารถนำผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตออกจากบริเวณอันตรายได้แล้ว ควรให้ผู้ป่วยนอนบนพื้นราบและแข็ง เพื่อประเมินอาการเบื้องต้น โดยทำการ ตบบ่าและเรียกชื่อผู้ป่วย เพื่อตรวจสอบว่ารู้สึกตัวหรือไม่

หากผู้ป่วย ไม่ตอบสนอง หรือหมดสติ ให้รีบสังเกตว่า หายใจอยู่หรือไม่หากไม่หายใจ มีแนวโน้มว่าอาจเกิดภาวะ หัวใจเต้นผิดจังหวะร่วมกับหมดสติ ซึ่งในกรณีนี้ ต้อง โทรแจ้งสายด่วนฉุกเฉิน (1669) เพื่อขอความช่วยเหลือโดยทันที

นอกจากนี้แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินแนะนำว่า หากบริเวณใกล้เคียงมี เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (AED) ให้รีบนำมาใช้ และในระหว่างรอความช่วยเหลือ ต้องเริ่มทำการปั๊มหัวใจ (CPR) ทันที โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่

“การทำ CPR ภายใน 4 นาทีแรก มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรอดชีวิต เนื่องจากสมองจะเริ่มขาดออกซิเจนหากเลือดไม่สามารถสูบฉีดได้ในช่วงเวลาดังกล่าว”

หากผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ก็ควรนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อให้แพทย์ตรวจประเมินภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ โดยละเอียด

ความเข้าใจผิดที่ควรหลีกเลี่ยง

หลายคนมีความเชื่อผิดว่า หากถูกไฟช็อตเพียงเล็กน้อยและไม่มีแผลภายนอก ก็ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ซึ่งเป็นแนวคิดที่อันตราย ในความเป็นจริง กระแสไฟฟ้าอาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งอย่างรุนแรง จนเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายได้ แม้ไม่มีแผลภายนอกชัดเจน ความร้อนจากไฟฟ้าสามารถทำลายเนื้อเยื่อลึกภายในร่างกาย จึงจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจจากแพทย์ทุกครั้ง หลังถูกไฟฟ้าช็อต

รวมถึงการนำ แผ่นสังกะสีมาคลุมร่างผู้ป่วย เป็นความเชื่อที่ ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ และอาจทำให้เสียเวลาในการช่วยเหลืออย่างถูกต้อง การทำ CPR และขอความช่วยเหลือทางการแพทย์สำคัญที่สุดในนาทีวิกฤต

เพราะเมื่อกระแสไฟฟ้าถูกตัดแล้ว จะไม่มีกระแสไฟฟ้าค้างอยู่ในตัวผู้ป่วย สิ่งที่หลงเหลืออาจเป็นเพียงความร้อนในร่างกายเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีใด ๆ เพื่อนำกระแสไฟฟ้าออกจากร่างกายผู้ถูกไฟฟ้าช็อต เบื้องต้นควรตัดกระแสไฟฟ้าจากต้นทาง

ข้อควรระวังเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้า

  • ควรตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดี หากพบว่า สายไฟชำรุด ฉนวนหลุด หรือมีน้ำรั่วซึม ควรเปลี่ยนทันที
  • หากพบไฟหรือสายไฟอยู่ในน้ำท่วม ให้ อยู่ห่างจากเสาไฟฟ้าหรือสายไฟอย่างน้อย 1-2 เมตร
  • หากมีความจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่น้ำท่วม พื้นต้องแห้ง สะอาด และปลอดกระแสไฟฟ้า
  • ก่อนใช้ เครื่อง AED ต้อง เช็ดหน้าอกหรือตัวผู้ป่วยให้แห้งสนิททุกครั้ง

ข้อห้ามในการช่วยเหลือคนโดนไฟดูด-ช็อต

จากกรณีที่โพสต์ดังกล่าวอ้างว่าเพื่อนของคนงานได้นำเหล้าขาวกรอกปากเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีสตินั้น  แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินกล่าวว่า ในการช่วยเหลือผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตหรือไฟดูด ห้ามให้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำในระหว่างการช่วยเหลือเนื่องจากผู้ป่วยอาจมีอาการหมดสติ มึนงงขณะโดนไฟดูด การให้ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารในช่วงนี้อาจทำให้เกิดการสำลักอาหารหรือน้ำเข้าสู่ทางเดินหายใจ และเสี่ยงต่อการเกิด ปอดอักเสบจากการสำลัก ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนหลังจากป้อนอาหารขณะช่วยเหลือ และย้ำว่าห้ามให้ดื่มสุราโดยเด็ดขาด กรณีที่มีความเข้าใจผิดว่า การให้ดื่มสุรา เช่น เหล้าขาว จะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นนั้น ถือเป็นความเชื่อที่ผิดและอันตรายอย่างยิ่ง เหล้าขาวเป็นแอลกอฮอล์เข้มข้น มีคุณสมบัติเป็นสารพิษทางพิษวิทยา ซึ่งทำให้เกิดอาการมึนงงมากขึ้น ส่งผลให้การประเมินอาการทางการแพทย์ทำได้ยากขึ้น 

นักวิทย์ฯ ยืนยันรอดชีวิตจากไฟดูดได้ เพราะ CPR ไม่ใช่เพราะทราย-สังกะสี

ทางด้าน รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ผ่าน Facebook ส่วนตัวที่ให้ข้อเพิ่มเติมจากกรณีดังกล่าวว่าสาเหตุที่รอดชีวิตคือได้รับทำ CPR ไม่ใช่เพราะทรายหรือสังกะสี


“ที่รอดชีวิตจากไฟดูดได้ เพราะ CPR ครับ ไม่ใช่เพราะทราย/สังกะสี”

มีข่าวจากจังหวัดสมุทรปราการ พาดหัวข่าวว่า คนงานถูกไฟดูดหมดสติ เพื่อนทำตามความเชื่อโบราณ กลบทรายบนสังกะสี รอดตายปาฏิหาริย์ !?

โดยในรายงานข่าว ระบุว่า คนงานก่อสร้างได้ลากสายไฟฟ้า เพื่อมาต่อสายไฟอีกเส้น แต่พลาดถูกไฟฟ้าดูด จนหมดสติ .. แล้วเพื่อนคนงาน ที่เป็นชาวต่างชาติ ช่วยกันเอาตัวไปวางบนแผ่นสังกะสี แล้วเอาทรายมาเทกลบจนมิด ตามความเชื่อคนโบราณ เพื่อให้ดึงกระแสไฟฟ้าออกจากร่างกาย .. ตลอดจนมีการเทเหล้าขาว กรอกปาก และพยายามปั๊มหัวใจ จนกลับมาหายใจได้ มีชีพจรอีกครั้ง !?

ซึ่งจะเห็นว่า จริง ๆ แล้ว ที่คนงานคนนี้รอดตายได้ ไม่ใช่ว่าเพราะทำตามความเชื่อโบราณแต่อย่างไร แต่เป็นเพราะได้รับการปฐมพยาบาล ซีพีอาร์ ปั๊มหัวใจผายปอดทันทวงทีต่างหากครับ

ข่าวทำนองนี้ ได้เคยโพสต์เตือนไปหลายที เพราะที่ผ่าน ก็เสียชีวิตกันไปหลายรายได้ ดังนั้น ถ้าเจอผู้ได้รับอุบัติเหตไฟฟ้าดูด ก็อย่าไปเสียเวลา เอาไปฝังทราย หรือไปวางบนแผ่นสังกะสี อย่างที่มีเชื่อกันครับ ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย เสียเวลาในการปฐมพยาบาลเปล่าๆ

เพราะจริงๆ กระแสไฟฟ้าที่ดูดนั้น มันไหลออกจากร่างกายไปแล้วแทบจะทันทีที่โดนไฟดูด โดยได้ทำลายระบบการทำงานของหัวใจและอวัยวะต่างๆ ไปแล้วด้วย ซึ่งอาจจะถึงขั้นที่ทำให้หัวใจหยุดเต้น หมดสติ และเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ พวกความเชื่อพื้นบ้านกันว่า ถ้ากินเห็ดพิษ หรือของมีพิษเข้าไป แล้ว ก็ให้ไปทำวิธีการพื้นบ้านพวกนั้น เพื่อถอนพิษออกได้ .. ซึ่งก็ไม่จริงนะครับ ไม่ได้ช่วยอะไรเช่นกัน

สิ่งที่ต้องทำคือ รีบย้ายผู้ป่วยออกจากการถูกไฟดูด แล้วถ้าหยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้น ก็ให้รีบทำ CPR ปั๊มหัวใจ ผายปอดทันที  พร้อมๆ กับรีบโทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 เพื่อนำส่งแพทย์โดยเร็ว

ทางรายการ “ชัวร์ก่อนแชร์” ของช่อง 9 อสมท สำนักข่าวไทย ก็เคยทำรายการอธิบายเรื่องนี้ไว้เหมือนกันครับ ว่าไม่ควรเชื่อ (ดู https://youtu.be/whDiDgoaJP4)

โดยทางรายการได้ไปสัมภาษณ์ อาจารย์ดุสิต สุขสวัสดิ์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า สถาบันฯพระจอมเกล้าลาดกระบัง ซึ่งอาจารย์บอกว่า

“การเอาไปวางบนสังกะสี เทน้ำนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไฟที่ดูด เพราะเมื่อกระแสไฟถูกตัดแล้ว ประจุไฟฟ้ามันก็ออกไป ร่างกายคนเราไม่ใช่ตัวเก็บประจุ เก็บประจุไม่ได้ ไม่มีประจุตกค้างในร่างกายอยู่แล้ว

หัวใจของเรา ทำงานโดยมีระบบไฟฟ้าที่อ่อนมาก เมื่อเจอสนามไฟฟ้าที่แรงกว่า ทำให้เกิดการช็อคหัวใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะ และหยุดเต้นในที่สุด ผู้ที่เสียชีวิตจากถูกไฟดูด ก็เกิดจากการที่หัวใจหยุดเต้นจนทำให้สมองขาดเลือด แล้วอวัยวะต่างๆ ระบบหายใจ หยุดทำงาน

ความรุนแรงจากไฟดูด จึงอยู่ที่ว่ากระแสไฟผ่านร่างกายเราไปอย่างไร อย่างเช่น เวลาถูกไฟดูดโดยการไปจับด้วยมือขวา กระแสไฟก็จะวิ่งผ่านแขนขวา มาลำตัว แล้วทำให้เกิดการยึดเกร็งของกล้ามเนื้อร่างกายซีกขวา  แต่หัวใจที่อยู่ในร่างกายซีกซ้ายยังปลอดภัย ยังไม่รุนแรงเท่าไหร่ เราอาจจะใช้สะโพกบิดตัวให้หลุดได้

ไม่เหมือนกับกรณีที่อันตราย อย่างเช่น หลังเราพึงกับผนังปูน มือซ้ายไปจับโดนไฟดูด กระแสไฟวิ่งมาตามแขนซ้าย ผ่านหัวใจ ไปออกผนังปูน ทำให้เราถึงกับหมดสติได้ แถมเกิดคว่ำหน้าลงไปหาพวกตัวนำไฟฟ้า ก็ยิ่งมีโอกาสตายสูงมากเพราะหมดสติไปแล้ว

ดังนั้นในการทำงานที่มีความเสี่ยงสูงกับไฟฟ้า จะใช้มือขวาซึ่งอยู่ห่างหัวใจมากกว่า และเอาหลังมือแตะเช็คก่อน เผื่อถ้ามีไฟรั่วจะได้ไม่เกร็งจนกำมือจับวัตถุที่ไฟรั่วไว้ เหมือนการแตะด้วยฝ่ามือ “

วิธีการของการไฟฟ้านครหลวง แนะนำเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกไฟดูด 

  1. อย่าใช้มือเปล่าแตะต้องตัวผู้ที่ติดอยู่กับกระแสไฟฟ้า หรือตัวนำที่เป็นต้นเหตุให้เกิดอันตรายเป็นอันขาดเพื่อป้องกันมิให้ถูกกระแสไฟฟ้าจนได้รับอันตรายไปด้วยอีกผู้หนึ่ง
  2. รีบหาทางตัดกระแสไฟฟ้าโดยฉับไว จะด้วยการถอดปลั๊กหรืออ้าสวิตซ์ออกก็ได้
  3. ใช้วัตถุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า เช่น ผ้า ไม้แห้ง เชือกที่แห้ง สายยาง หรือพลาสติกที่แห้งสนิท ถุงมือยาง หรือผ้าแห้งพันมือให้หนาแล้วถึงผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบอันตรายให้หลุดออกมาโดยเร็ว เขี่ยสายไฟให้หลุดออกจากตัวผู้ประสบอันตราย
  4. หากเป็นสายไฟฟ้าแรงสูงให้พยายามหลีกเหลี่ยง แล้วรีบแจ้งการไฟฟ้านครหลวงให้เร็วที่สุด (ดูข้อควรระวังจากสายไฟฟ้าแรงสูงขาด)
  5. อย่าลงไปในน้ำกรณีที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่ในบริเวณที่มีน้ำขัง ต้องหาทางเขี่ยสายไฟฟ้าออกให้พ้นหรือตัดกระแสไฟฟ้าก่อนจึงค่อยไปช่วยผู้ประสบอันตรายอย่าแตะตัวผู้ถูกไฟดูด เพราะอาจเกิดอันตรายกับตัวเราได้

(จาก https://www.mea.or.th/elect…/electricity-tariffs/fVJ0XONet )

เรื่องจริงเป็นอย่างไร ?

Thai PBS Verify ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากโพสต์บน Facebook ที่อ้างว่า การช่วยชีวิตผู้ถูกไฟดูดด้วยการวางบนแผ่นสังกะสี กลบร่างด้วยทราย และกรอกเหล้าขาวช่วยให้รอดชีวิต โดยสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินและนักวิทยาศาสตร์ พบว่าแนวทางดังกล่าว ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์รองรับ เป็นเพียงความเชื่อที่ผิด อาจอันตรายถึงชีวิต

กระบวนการตรวจสอบ

สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญทั้งจากแวดวงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่าผู้รอดชีวิตในกรณีดังกล่าว เกิดจากการ ปั๊มหัวใจ (CPR) อย่างทันท่วงที ไม่ใช่เพราะทรายหรือสังกะสี

ผลกระทบจากการได้รับข้อมูลเท็จนี้

  • ทำให้เข้าใจผิดในวิธีช่วยชีวิต โดยอาจหลงเชื่อวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพ และละเลยแนวทางที่ถูกต้อง
  • เสียเวลาในการปฐมพยาบาลและการทำ CPR หากใช้วิธีการช่วยเหลือที่ผิด อาจทำให้เสียเวลาในการช่วยเหลือผู้ป่วยกรณีที่หมดสติ อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
  • ทำให้ผู้ช่วยชีวิตตกอยู่ในอันตราย เช่น ใช้วิธีไม่ปลอดภัย หรือละเมิดหลักปฏิบัติฉุกเฉิน เช่น การกรอกสุราให้ผู้หมดสติ
  • เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในวงกว้าง โดยเฉพาะหากข้อมูลถูกแชร์ในโลกออนไลน์โดยไม่มีการตรวจสอบ

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  1. หยุดแชร์ทันที หากพบว่าเนื้อหานั้นยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง
  2. ตรวจสอบกับแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  3. ข้อมูลที่ถูกต้องคือการใช้วิธีปฐมพยาบาลตามมาตรฐาน เช่น
    • ปิดแหล่งจ่ายไฟ
    • ใช้อุปกรณ์ที่ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าเมื่อต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
    • ตรวจเช็กการหายใจและสัญญาณชีพจร
    • ทำ CPR ทันทีหากไม่มีสัญญาณชีพจร
    • โทร 1669 ขอความช่วยเหลือจากแพทย์ฉุกเฉิน
  4. อย่าป้อนน้ำ อาหาร หรือสุรา แก่ผู้หมดสติ เพราะเสี่ยงสำลักและเสียชีวิต
  5. ส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดในสังคม

สารบัญประกอบ