วันนี้ ( 4 มิ.ย.2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในยุคที่โลกเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งโลกร้อน โรคระบาด ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และการกีดกันทางการค้า ไทยเห็นความสำคัญของความร่วมมือในเวทีพหุภาคี เพื่อสร้างระบบการค้าที่เป็นธรรมและยั่งยืน โดยเฉพาะในภาคเกษตร ซึ่งกระทบต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคทั่วโลก

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มแครนส์ (Cairns Group Ministerial Meeting) ครั้งที่ 44 ที่สำนักงานองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กรุงปารีส ฝรั่งเศส
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มแครนส์ (Cairns Group Ministerial Meeting) ครั้งที่ 44 ที่สำนักงานองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กรุงปารีส ฝรั่งเศส
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มแครนส์ (Cairns Group Ministerial Meeting) ครั้งที่ 44 ที่สำนักงานองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กรุงปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งจัดขึ้นควบคู่กับการประชุมใหญ่ OECD โดยมีรัฐมนตรีจากประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรเข้าร่วมอย่างคับคั่ง เพื่อหารือแนวทางการปฏิรูปกติกาการค้าสินค้าเกษตรโลกให้มีความเป็นธรรม โปร่งใส และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
การประชุมครั้งนี้ เป็นเวทีสำคัญที่ประเทศสมาชิกกลุ่มแครนส์ได้ร่วมกันแสดงจุดยืนผ่านแถลงการณ์ร่วม เพื่อเร่งผลักดันการเจรจาภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ให้มีความก้าวหน้า โดยเฉพาะใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การเปิดตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงของสินค้าเกษตรจากประเทศผู้ส่งออก 2.การลดการอุดหนุนภายในประเทศ ที่บิดเบือนกลไกการค้า 3. การแข่งขันด้านการส่งออกอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส ซึ่งเป้าหมาย คือ ให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมในการประชุมรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 14 ที่จะจัดขึ้นในเดือน มี.ค.2569 ที่สาธารณรัฐแคเมอรูน

การประชุมรัฐมนตรีกลุ่มแครนส์ (Cairns Group Ministerial Meeting) ครั้งที่ 44 ที่สำนักงานองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กรุงปารีส ฝรั่งเศส
การประชุมรัฐมนตรีกลุ่มแครนส์ (Cairns Group Ministerial Meeting) ครั้งที่ 44 ที่สำนักงานองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กรุงปารีส ฝรั่งเศส
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือแนวทางการทำงานเชิงรุกของกลุ่มแครนส์ในอนาคต เน้นการสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีผลประโยชน์ร่วม เช่น กลุ่มแอฟริกา เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิรูปที่สมดุล ครอบคลุม และตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ วิกฤติอาหาร ความมั่นคงทางโภชนาการ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สำหรับกลุ่มแครนส์เป็นการรวมตัวของ 20 ประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรชั้นนำของโลก ได้แก่ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ชิลี โคลอมเบีย คอสตาริกา กัวเตมาลา อินโดนีเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ปารากวัย เปรู ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ อุรุกวัย เวียดนาม ยูเครน และไทย มีเป้าหมายร่วมกันเพื่อผลักดันให้เกิดระบบการค้าสินค้าเกษตรที่เสรี เป็นธรรม และสร้างผลประโยชน์ที่แท้จริงให้กับเกษตรกรและผู้บริโภคทั่วโลก

การประชุมรัฐมนตรีกลุ่มแครนส์ (Cairns Group Ministerial Meeting) ครั้งที่ 44 ที่สำนักงานองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กรุงปารีส ฝรั่งเศส
การประชุมรัฐมนตรีกลุ่มแครนส์ (Cairns Group Ministerial Meeting) ครั้งที่ 44 ที่สำนักงานองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กรุงปารีส ฝรั่งเศส
ในปี 2563–2567 มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรและอาหารของโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 7.12 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยกลุ่มแครนส์มีมูลค่าการค้ารวมเฉลี่ยปีละ 754,995 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 10.6% ของการค้าสินค้าเกษตรโลก
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกลุ่มแครนส์ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า การส่งออก ไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังสมาชิกกลุ่มแครนส์เฉลี่ยปีละ 8,121.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 19.57% ของมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรของไทย
ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย สัดส่วน 34.20% มาเลเซีย สัดส่วน 16.36% เวียดนาม สัดส่วน 11.70% สินค้าสำคัญ ได้แก่น้ำตาล ข้าว อาหารสัตว์ เครื่องดื่ม และซอสปรุงรส และไทยนำเข้าสินค้าเกษตรจากกลุ่มแครนส์เฉลี่ยปีละ 8,131.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 42.46% ของมูลค่านำเข้าของไทยในกลุ่มสินค้าเกษตรแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ บราซิล สัดส่วน 15.52% ออสเตรเลีย 5.32% เวียดนาม สัดส่วน 4.74% สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง ข้าวสาลี นมผง มะพร้าว เมล็ดกาแฟ และผลิตภัณฑ์
อ่านข่าว:
การค้าโลกป่วนอีกรอบ "ศาลสหรัฐฯ" พลิกคำสั่ง อนุมัติ “ทรัมป์” เก็บภาษีต่อ
เศรษฐกิจซึม "โรงเรียนนานาชาติในไทย" ยังติดเทรนด์ กลุ่มมั่งคั่งสูง
“พิชัย” หวังสูงเป้าส่งออกไปปีนี้โต4 % สั่งทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลกเร่งหาตลาดเสริมทัพ