วันนี้ (6 มิ.ย.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมกับ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่ง พร้อมตัวแทนเหล่าทัพ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมร่วมกันแถลงข่าวสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมจับตามาตรการกดดัน เปิดพื้นที่พูดคุยวันที่ 14 มิ.ย.นี้ คาดลดเวลาการเปิดปิดด่านถาวร-จุดผ่อนปรน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการประชุมและพูดคุยกันเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่าทุกหน่วยงานได้ปรึกษากันก่อนดำเนินการใด ๆ
สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมด ไม่อยากให้เกิดกระแสปลุกปั่นว่า รัฐบาลกับกองทัพมีปัญหากัน เพราะไม่ได้มีปัญหาและทำงานสนับสนุนกันโดยตลอด แบ่งอำนาจหน้าที่ชัดเจน เคลียร์กันในเนื้องานทั้งหมด ยังไม่ได้มีความรุนแรงที่ขยายมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ขั้นตอนการเจรจา และจากที่นายภูมิธรรม ได้เข้าพบ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ เป็นไปด้วยดี ขณะที่ในส่วนกองทัพได้ออกมายืนยันแล้วว่าเตรียมพร้อมทุกรูปแบบทุกสถานการณ์ ซึ่งหน้างานเป็นการตัดสินใจของกองทัพ ยืนยันใช้สันติวิธีให้มากที่สุด

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า วันนี้ได้พูดคุยบนหลักการที่ไทยต้องปกป้องอธิปไตยของประเทศ และดำรงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด หลักสำคัญ 3 ด้าน คือ ด้านต่างประเทศ ด้านกองทัพ และด้านการสื่อสาร โดยได้ปรับให้ชัดเจนและร่วมกันทำงานให้มากขึ้น
ยืนยันกองทัพเราพร้อมในการรักษาเอกราชและอธิปไตยของประเทศ และดุลยภาพเหนือดินแดน
ส่วนการสื่อสารได้ตกลงกันแล้วว่ากระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพหลัก โดยประสานโฆษกการต่างประเทศ กองทัพบกและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมด้วย เพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศที่ยากลำบากในการเจรจา ขณะที่ความสัมพันธ์ชายแดน อยากให้จำกัดวงความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด
นายภูมิธรรม ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีจะมีการปิดด่านหรือไม่ ว่า ที่ประชุมพิจารณาทุกมาตรการ แต่ทุกอย่างเตรียมความพร้อมทั้งหมดสำหรับรองรับสถานการณ์ในแต่ละขั้น โดยมีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจมาดูแล
นอกจากนี้ ทางฝ่ายไทยได้ขอให้กัมพูชาปรับกำลังไปเช่นเดียวกับปี 2567 ซึ่งมีกำลังที่วางอยู่ในจุดดังกล่าวโดยไม่มีปัญหา
ขณะนี้ทุกอย่างยังอยู่ปกติ การมาเจอกันเมื่อวานของกองทัพ ในฐานะที่เราเป็นคนคุมกำลังของกองทัพและอาวุธอยู่ อยากหาทางสันติและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าให้ได้มากที่สุด ขณะนี้ทุกฝ่ายยังไม่อยากให้เกิดสงคราม เพราะสงครามยังเป็นปัญหาอยู่
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้เสนอให้ใช้กลไกทวิภาคี เพราะที่ผ่านมานับ 20 ปีก็เป็นประโยชน์มาโดยตลอด ทั้งความร่วมมือปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ยาเสพติด ค้ามนุษย์ การสร้างเศรษฐกิจและสร้างสะพาน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทางทหารมีหน้าที่โดยตรงต้องปกป้องอธิปไตยของประเทศ ไม่ได้วางเฉยและได้ตรึงกำลัง ส่วนรัฐบาลจะใช้กลไกทางสันติวิธี แต่ได้ตกลงแล้วหากในอนาคตมีเหตุการณ์ปัญหาใดให้แจ้ง ซึ่งได้กำหนดผู้ที่เกี่ยวข้องในพิจารณาตัดสินใจใช้มาตรการในสถานการณ์ต่าง ๆ ไว้หมดแล้ว ซึ่งบรรยากาศที่คุยกันเมื่อวานนี้ เป็นไปด้วยดี ทุกคนสบายใจกับข้อสรุป

ประชุม JBC 14 มิ.ย.เน้นปมจุดปะทะ
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การต่างประเทศและการทหารต้องไปด้วยกัน เป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างยาวนาน เห็นพ้องกันว่าการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาต้องใช้กลไกทวิภาคีเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยตั้งแต่ต้นในการใช้การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ซึ่งเป้าหมายของการเจรจาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ต้องเน้นในเรื่องของจุดปะทะ เพื่อแก้ปัญหาการกระทบกระทั่งกันเป็นหลักก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ยังจะไม่ให้ความสำคัญ ณ ขณะนี้
ส่วน JBC ที่จะเจรจาเรื่องเขตแดน ก็จะดำเนินการไปพร้อมกัน แต่สิ่งแรกคือลดความรุนแรงและบรรยากาศที่จะมีการกระทบกระทั่งกัน
ขณะนี้จะพูดในเรื่องของการแก้ปัญหาที่มีการเผชิญหน้า และลดความตึงเครียดในกรอบของกำลังทหาร

"กองทัพ" สนับสนุน แนวทางรัฐบาล
พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ของชี้แจงใน 3 ประเด็นคือ 1.กองทัพสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและคลี่คลายสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยสันติวิธี 2.กองทัพปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ในการรักษาอธิปไตย และคุ้มครองปกป้องประชาชน ตามแนวชายแดนซึ่งได้ดำเนินการมาโดยตลอด และ 3.ในการประชุม ผบ.เหล่าทัพ วันนี้ เป็นการประชุมตามวงรอบปกติในทุก 2 เดือน แน่นอนว่าจะมีการพูดคุยถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ในลักษณะที่สนับสนุนแนวทางของรัฐบาล และแนวทางตามที่ สมช.ได้พูคุยวันนี้ โดยหลังการประชุมจะมีการแจ้งข่าวต่อไป
สาเหตุที่ไม่ได้เชิญนักข่าวเพราะต้องทำงานแบบมืออาชีพ ในหลายเรื่องและอยากให้มีการสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน คือ รัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ และกลาโหม ฉะนั้นกองทัพในฐานะผู้ปฏิบัติงานขออนุญาตสงวนการให้ข้อมูล
อ่านข่าว :
"ผบ.เหล่าทัพ" ประชุมวาระเฉพาะกิจ คาดปมชายแดนไทย-กัมพูชา
ทร.พร้อมสนับสนุนภารกิจ ทบ. ปกป้องอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา
"ภูมิธรรม" เผยหารือ "เตีย เซยฮา" เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ 200 เมตร
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
- ชายแดนไทย-กัมพูชา
- ชายแดนกัมพูชา
- ชายแดนไทย
- ข้อพิพาทไทยกัมพูชาล่าสุด
- พื้นที่พิพาทไทยกัมพูชาสงคราม
- สงครามไทยกัมพูชา 2568
- ข้อพิพาทไทยกัมพูชา
- ความขัดแย้งไทยกัมพูชา
- ช่องบก
- อุบลราชธานี
- สามเหลี่ยมมรกต
- ทหารไทย
- ทหารกัมพูชา
- กัมพูชา
- ข่าวการเมืองวันนี้
- ข่าววันนี้
- ข่าวล่าสุด
- ข่าวล่าสุดวันนี้
- กองทัพบก
- สถานการณ์ไทย-กัมพูชา
- สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
- ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา