ดูจากแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ของรัฐบาลไทย และแถลงการณ์ล่าสุดของทางการกัมพูชา มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องการประชุมเจบีซี 14 มิ.ย. ที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ โดยรัฐบาลพนมเปญระบุชัดว่า จะไม่มีเรื่องพื้นที่ขัดแย้งช่องบก เข้าสู่วาระการหารือ ทั้งอ้างถึงเรื่องปราสาทอีก 3 แห่ง ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และประสาทตาควาย จะไปที่ศาลโลกเท่านั้น
ขณะที่ฝ่ายไทย ยังปฏิเสธเรื่องอำนาจศาลโลก จะยึดกรอบเจบีซีเป็นเวทีแก้ปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา และเชื่อมั่นว่า การเจรจาจะนำไปสู่สันติภาพ เสถียรภาพ และการเคารพซึ่งกันและกัน
สะท้อนรัฐบาลไทยยังชูเรื่องสันติวิธีเป็นธงนำ และเน้นภาษาทางการทูตอย่างระมัดระวัง แต่ดูเหมือนจะไปเพิ่มความฮึกเหิมให้กับทางกัมพูชา ราวกับว่ามีแต้มต่อในมือ และยังคงกล่าวหาทหารไทย บุกรุกพื้นที่กัมพูชา และเป็นฝ่ายยิงใส่ทหารกัมพูชาก่อน
ในแถลงการณ์ของรัฐบาลไทย ทั้งฉบับ 1 และ 2 ไม่ได้ระบุเรื่องทหารกัมพูชาล่วงรุกพื้นที่อ้างสิทธิ์ของไทยเลย ทั้งที่แม่ทัพภาค 2 พูดชัดเจนว่า ทหารกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ไทยขุดคูเลต และสร้างฐานที่มั่นจริง
เรื่องบุกรุกพื้นที่ยังเป็นประเด็นที่นายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ปะทะคารมกับนักข่าว เมื่อถูกถามกรณีทหารกัมพูชาบุกรุกชายแดนไทย โดยย้อนถามกลับว่า ไปดูหน้างานหรือยัง เสมือนหนึ่งต้องการสื่อว่า อย่าสงสัยอะไรมาก ทั้งที่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะสื่อ และเป็นเรื่องอธิปไตยของประเทศ
นายกฯ ได้ขอร้องไม่ให้แบ่งฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เพราะเป็นเรื่องของประเทศ ไม่ควรสงสัยว่ารัฐบาลทำงานดีหรือไม่ดี และทหารทำงานดีหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่คนไทยต้องสามัคคีกัน ซึ่งความจริงถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสถานการณ์ปกติ เพียงแต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ควรต้องมีมาตรการเสริมควบคู่ไปด้วยได้หรือไม่
ที่สำคัญ เป็นโอกาสที่นายกฯ สามารถแสดงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำได้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ท่ามกลางความกังวลและไม่สบายใจของคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่เห็นตรงกันว่า ฝ่ายไทยดูจะเกรงใจกัมพูชามากเกินไป ทั้งที่ทหารและกองทัพ ยืนยันพร้อมปกป้องอธิปไตย
หากเทียบกับสมเด็จฮุนเซ็น อดีตผู้นำที่ยังเป็นศูนย์กลางของอำนาจ ออกโรงวิพากษ์โจมตีไทยอย่างเข้มข้น อ้างเป็นภารกิจสำคัญคือต้องปกป้องพื้นที่พรมแดนของกัมพูชาที่ถูกรุกล้ำ ทั้งสำทับว่า กัมพูชาได้เชิญประเทศไทยเข้าร่วมยื่นคำร้องต่อศาลโลก เพื่อยุติข้อพิพาทอย่างสันติ แต่ไทยกลับเลี่ยง แสดงชัดว่ามีบางอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
สวนทางกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้อย่างมีนัย หวังแสดงให้เห็นเพาเวอร์ของตนว่า ได้พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน และเคลียร์กันจบแล้ว เนื่องจากผู้ใหญ่ 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดี และปกติคุยกับสมเด็จฮุนเซ็นเป็นประจำอยู่แล้ว และตอนนี้ได้เปลี่ยนจากยิงกันให้มาเตะตะกร้อแทนแล้ว
กลายเป็นพูดคนละคีย์กับสมเด็จฮุนเซ็น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 คน ถือว่ามีความสัมพันธ์แนบแน่นมานาน ไม่เพียงช่วงที่ นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย และมีหลายโครงการที่รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือกัมพูชา แม้แต่ช่วงที่นายทักษิณถูกรัฐประหาร ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ นายทักษิณก็เคยเดินทางเล่นสงกรานต์ที่ สปป.ลาว และร่วมงานวันคล้ายวันเกิดสมเด็จฮุนเซ็น โดยมีมวลชนคนเสื้อแดงจากไทย ไปร่วมร้องเพลงสดุดีสมเด็จฮุนเซ็นอย่างล้านหลาม
ไม่เพียงเท่านั้น สมเด็จฮุนเซ็นยังแต่งตั้งนายทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของกัมพูชาด้วย
หลังกลับประเทศไทย และได้เข้าเกณฑ์พักโทษออกจากชั้น 14 รพ.ตำรวจ สมเด็จฮุนเซ็นได้เดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นคนแรก หลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้เดินทางไปกัมพูชาพบกับสมเด็จฮุนเซ็น และฮุนมาเน็ต บุตรชายที่สืบทอดอำนาจต่อ ถึง 2 หน สะท้อนความสัมพันธ์ของ 2 คนใหญ่ จาก 2 ประเทศ
แต่แทนที่ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นตั้งแต่รุ่นพ่อถึงรุ่นลูก จะนำไปสู่การประสานเจรจา หรือช่วยผ่อนคลายสภานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาขณะนี้ กลายเป็นว่า ฝ่ายหนึ่งดูจะไม่สนใจความสัมพันธ์ที่ผ่านมา จะขยายผลเรื่องปมขัดแย้งนี้ไปยังศาลโลก ขณะที่อีกฝ่ายไทย ดูจะเกรงใจจนแทบไม่กล้าแตะต้องอะไร
หรือเป็นเพราะเรื่องของประเทศชาติสำคัญกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือเพราะบารมีบางคนเสื่อมถอย
เพราะท่าทีการแสดงออกของสมเด็จฮุนเซ็น ในมุมของผู้ที่อยู่ใต้อาณัติและอิทธิพลทางการเมืองที่ยาวนานของสมเด็จฮุนเซ็น ย่อมต้องยกย่องในฐานะผู้นำคนสำคัญ ที่ทำเพื่อประชาชนของประเทศ ต้องการปกป้องพรมแดนและพื้นที่ของกัมพูชา
แต่สำหรับกูรูการเมือง และคอการเมืองพันธุ์แท้ของไทย ต่างดูออกว่าเป็นเรื่องของการปลุกกระแสชาตินิยม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้นำคนนี้ถนัด และมักหยิบยกมาใช้ในทุกครั้งที่เกิดปัญหาภายในประเทศ หรือช่วงเวลาการเลือกตั้ง
ครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่ล้มเหลว ผิดพลาดของผู้นำประเทศ ที่เป็นทายาททางการเมืองโดยตรง ส่วนหนึ่งจากเหตุเปิดช่องให้กลุ่มนักลงทุนจีนเข้าไปลงทุนในหลายกิจการ รวมทั้งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย หวังดึงดูดเงินจากท่องเที่ยวและนักเสี่ยงโชค แต่ปัจจุบันถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า ไม่เพียงแค่ที่ สีหนุวิลล์ กระทบภาพพจน์และศักยภาพของผู้นำรัฐบาลคนใหม่
นายทรงฤทธิ์ โพนเงิน นักวิชาการเชี่ยวชาญกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง เป็นหนึ่งในนักวิชาการที่ตอกย้ำระบุเรื่องนี้ชัดเขน และระบุว่า เป็นเป้าหมายสำคัญของสมเด็จฮุนเซ็น ที่หวังเบี่ยงเบนประเด็นความล้มเหลวในการบริหารประเทศ จึงใช้เรื่องขัดแย้งไทย-กัมพูชา สำหรับการโฆษณาชวนเชื่อปลุกเร้าชาตินิยมสำหรับชาวกัมพูชาอีกครั้ง และหวังยื้อลากดึงไปถึงศาลโลก
ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ หรือ สนช. ตั้งข้อสังเกตว่า จุดเริ่มต้นและต่อเนื่องจากกรณีขัดแย้งที่ช่องบก จนเกิดการปะทะ และขยายผลถึงขณะนี้ เป็นไปอย่างเป็นขั้นตอน แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้น แต่ผ่านการวางแผนล่วงหน้า จึงมีความเป็นไปได้ว่ามาจากหลายปัจจัย
ไม่เพียงอาจเกิดจากปัญหาภายในของกัมพูชาเอง จนต้องสร้างเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อนแล้ว ยังสามารถมองเพิ่มเติมในมิติภูมิรัฐศาสตร์ ที่มีผลต่อการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศที่ 3 ได้ เพราะโดยความพร้อมและประสิทธิภาพด้านรบแล้ว กัมพูชายังไม่น่าจะสู้กับไทยได้ แต่อาจได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจบางประเทศ ที่ต้องการขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้
เหล่านี้ เป็นปัจจัยประกอบส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้คลี่ปมหาสาเหตุ และแนวทางในการแก้ปัญหาข้อพิพาทช่องบก ที่ถูกอ้างถึงได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น แต่ถึงอย่างไร เชื่อว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มขึ้นเท่านั้น ยังจะมีจุดพลุและเติมเชื้อไฟให้ลุกลามเพิ่มขึ้นอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
และอาจต้องรอถึง 14 มิ.ย. วันนัดหมายประชุมเจบีซี จึงจะพอรู้ว่า ปมขัดแย้งจะส่อเค้ายุติลง หรือบานปลายไปมากกว่านี้
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "ปิดด่านชายแดน" ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย-กัมพูชา เสี่ยงถูกคู่แข่งแย่งตลาด
วิเคราะห์ทฤษฎีสมคบคิด กับจุดยืนรัฐบาลไทยปมชายแดนกัมพูชา
"AIS - GULF - JAS" คว้าลิขสิทธิ์ ยิงสดไทยลีก 4 ปี มูลค่ารวม 2,000 ล้าน