ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ผ่อนรถไม่ไหวไม่ต้องกลัว คืนรถถูกวิธี-รักษาเครดิต-ไม่เสียหนี้เพิ่ม

เศรษฐกิจ
13:44
490
ผ่อนรถไม่ไหวไม่ต้องกลัว คืนรถถูกวิธี-รักษาเครดิต-ไม่เสียหนี้เพิ่ม
อ่านให้ฟัง
11:34อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
หนี้รถยนต์ในไทยพุ่ง 2.6 แสนล้านบาท ท่ามกลางวิกฤตหนี้ครัวเรือน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2565 เปิดทางให้ผู้เช่าซื้อคืนรถให้ไฟแนนซ์โดยไม่ต้องจ่ายค่าส่วนต่าง หากชำระครบทุกงวดและนำรถคืนเอง ช่วยลดภาระและรักษาอนาคตทางการเงิน

วันนี้ (12 มิ.ย.2568) สถานการณ์หนี้ครัวเรือนของคนไทยยังคงเป็นเรื่องน่ากังวล ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยเฉพาะหนี้รถยนต์ที่เป็นหนี้เสียได้พุ่งสูงถึง 260,000 ล้านบาท ในปี 2567 ผู้คนจำนวนมากเริ่มมองหาวิธีจัดการกับภาระการผ่อนรถที่ไม่ไหว และหนึ่งในทางออกที่ได้รับความสนใจคือการนำรถไปคืนไฟแนนซ์

ข่าวดีคือ ปัจจุบันมีคำพิพากษาศาลฎีกาใหม่ที่ให้สิทธิ์แก่ผู้เช่าซื้อสามารถนำรถไปคืนไฟแนนซ์ได้ โดยไม่ต้องจ่ายส่วนต่างที่เหลืออีกต่อไป แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่สำคัญ 

ทำความเข้าใจ "การคืนรถให้ไฟแนนซ์"

การซื้อรถยนต์โดยผ่านสัญญาเช่าซื้อนั้น ผู้เช่าซื้อจะยังไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง จนกว่าจะชำระค่างวดครบถ้วนตามสัญญา

หากผ่อนต่อไม่ไหว การคืนรถให้ไฟแนนซ์คือ การแจ้งความประสงค์เพื่อยกเลิกสัญญาเช่าซื้อก่อนกำหนด ในอดีต วิธีการนี้มักจะทำให้ผู้เช่าซื้อยังคงต้องรับผิดชอบในส่วนต่างของยอดหนี้คงเหลือที่ยังค้างอยู่ หากไฟแนนซ์นำรถไปขายทอดตลาดแล้วได้ราคาไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมหนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้มี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2565 ซึ่งได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ที่สำคัญ

คำพิพากษาดังกล่าวระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หากผู้เช่าซื้อได้นำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปคืนแก่ไฟแนนซ์ ในขณะที่ไม่มีหนี้ค้างชำระแม้สักงวดเดียว และไม่ได้ถูกไฟแนนซ์เป็นฝ่ายยึดรถเอง กรณีนี้จะถือว่าผู้เช่าซื้อได้ใช้สิทธิ์บอกเลิกสัญญาตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.573

การบอกเลิกสัญญาในลักษณะนี้จะส่งผลให้สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ระหว่างผู้เช่าซื้อกับไฟแนนซ์สิ้นสุดลงทันที นับตั้งแต่วันที่ผู้เช่าซื้อส่งมอบรถคืน ภายใต้เงื่อนไขนี้ ผู้เช่าซื้อจะไม่ต้องรับผิดชอบในค่าส่วนต่าง หรือค่าขาดราคาที่อาจเกิดขึ้นจากการนำรถไปขายทอดตลาดเลยแม้แต่บาทเดียว

สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ แม้ผู้เช่าซื้อจะเคยลงชื่อในเอกสารที่ไฟแนนซ์จัดเตรียมไว้ เพื่อยอมรับภาระค่าส่วนต่างที่อาจเกิดขึ้นจากการบอกเลิกสัญญา แต่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อหลัก เป็นเพียงหลักฐานการส่งมอบรถคืน และไม่มีผลบังคับใช้ หากผู้เช่าซื้อไม่ได้มีการประพฤติผิดสัญญาและไม่มีมูลหนี้ค่าขาดราคาต่อกันอยู่ก่อนแล้ว

นอกจากนี้ ไฟแนนซ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการรับรถคืน ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อมีประวัติการชำระที่ดีเยี่ยมและเป็นฝ่ายนำรถมาคืนเอง หากไฟแนนซ์ปฏิเสธ ผู้เช่าซื้อสามารถนำรถไปวางไว้ที่สำนักงานบังคับคดีได้ ซึ่งจะทำให้ภาระความรับผิดชอบสิ้นสุดลงทันที

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

เงื่อนไขสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อคืนรถโดยไม่เสียส่วนต่าง

เพื่อให้ผู้เช่าซื้อสามารถใช้สิทธิ์ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2565 และไม่ต้องรับผิดชอบค่าส่วนต่าง ควรปฏิบัติตามเงื่อนไขหลักดังนี้

  • ประวัติการชำระเงินดี ต้องเป็นผู้ที่ชำระค่างวดตรงตามกำหนดมาโดยตลอด ไม่เคยค้างชำระแม้แต่งวดเดียว
  • เป็นฝ่ายนำรถไปคืนแก่ไฟแนนซ์ด้วยตนเอง ไม่ได้ปล่อยให้ค้างชำระจนไฟแนนซ์มายึดรถ
  • สภาพรถดี ไม่มีร่องรอยความเสียหายจากการชนหนัก หรือการซ่อมแซมครั้งใหญ่ จะช่วยให้ไฟแนนซ์สามารถนำรถไปขายทอดตลาดหรือประมูลได้ในราคาที่เหมาะสม
  • มูลค่าตลาดรถสูง หากตัดสินใจคืนรถในช่วงที่รถรุ่นนั้นยังมีราคาตลาดมือสองที่ดี หรือเป็นที่ต้องการสูง จะเพิ่มโอกาสที่ไฟแนนซ์จะขายรถได้ในราคาที่เพียงพอต่อยอดหนี้ที่ค้างอยู่

กรณีที่ยังคงต้องรับผิดชอบค่าส่วนต่าง "ไม่ใช่ทุกกรณี" ที่ผู้เช่าซื้อจะสามารถคืนรถโดยไม่เสียค่าส่วนต่างได้ หากเข้าข่ายสถานการณ์ดังต่อไปนี้ ผู้เช่าซื้ออาจยังคงต้องรับผิดชอบในภาระค่าส่วนต่าง

  • ค้างชำระค่างวด หากผู้เช่าซื้อมีประวัติค้างชำระค่างวดหลายงวดติดต่อกันก่อนที่จะแจ้งคืนรถ หรือมีการค้างชำระเกิน 3 เดือนและไฟแนนซ์เริ่มติดตามทวงถามหรือดำเนินการยึดรถไปแล้ว
  • รถถูกยึดโดยไฟแนนซ์ เนื่องจากมีการค้างชำระเกินกำหนด ผู้เช่าซื้อจะเสียสิทธิ์ในการคืนรถแบบไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง และต้องรับผิดชอบค่าขาดราคา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามเพิ่มเติม
  • มูลค่ารถลดลงอย่างมาก หากรถเป็นรุ่นที่ไม่ได้รับความนิยม มีอายุการใช้งานนาน หรือมีสภาพความเสียหายอย่างหนัก ทำให้มูลค่าเมื่อนำไปขายทอดตลาดต่ำกว่ายอดหนี้ที่ค้างอยู่มาก ผู้เช่าซื้ออาจถูกเรียกเก็บค่าส่วนต่าง
    ภาพประกอบข่าว

    ภาพประกอบข่าว

    ภาพประกอบข่าว

คืนรถจะติดเครดิตบูโรหรือไม่ ?

  • ไม่เสียเครดิต หากผู้เช่าซื้อมีประวัติการชำระดีมาโดยตลอด ไม่เคยค้างชำระ และแจ้งคืนรถตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จะไม่ส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิตบูโร
  • เสียเครดิต หากมีการค้างชำระก่อนคืนรถ (แม้เพียง 1-2 งวดก็อาจมีการบันทึกในเครดิตบูโร) หรือปล่อยให้รถถูกยึด และมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น จะส่งผลเสียต่อประวัติเครดิตบูโรอย่างแน่นอน ซึ่งจะกระทบต่อการขอสินเชื่อในอนาคต และต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูประวัติเครดิต

ขั้นตอนการคืนรถให้ไฟแนนซ์โดยไม่เสียส่วนต่าง

เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ผู้เช่าซื้อควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ติดต่อไฟแนนซ์เพื่อแจ้งความประสงค์ ในการคืนรถล่วงหน้า สอบถามเงื่อนไข รวมถึงเอกสารที่จำเป็น
  2. เคลียร์ค่างวดที่ค้าง (ถ้ามี) เพื่อลดโอกาสการเกิดค่าส่วนต่าง
  3. เตรียมเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญาเช่าซื้อฉบับจริง, บัตรประจำตัวประชาชน, ทะเบียนรถยนต์, พ.ร.บ.รถยนต์, ภาษีรถยนต์, ใบเสร็จค่างวดล่าสุด (โดยเฉพาะ 2 งวดสุดท้ายก่อนคืนรถ) และหลักฐานการติดต่อกับไฟแนนซ์
  4. ตรวจสอบสภาพรถและถ่ายภาพเก็บไว้ ทำความสะอาดทั้งภายใน ภายนอกให้เรียบร้อย หากมีการซ่อมแซมเล็กน้อยควรดำเนินการให้แล้วเสร็จ ควรถ่ายภาพสภาพรถและเลขไมล์เก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อยืนยันว่าได้คืนรถในสภาพที่ดี
  5. นัดหมายและส่งมอบรถ ไปตามนัดหมายพร้อมเอกสารทั้งหมด และควรอยู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตลอดการตรวจสอบสภาพรถ เพื่อตรวจทานบันทึกความเสียหาย (ถ้ามี) ให้ถูกต้องตรงกัน
  6. ขอใบรับรองหรือเอกสารยืนยันการคืนรถ เมื่อส่งมอบรถเรียบร้อยแล้ว และสัญญาเช่าซื้อได้สิ้นสุดลง เพื่อเป็นหลักฐานป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  7. ติดตามผลการขายรถ หลังจากไฟแนนซ์นำรถไปขายทอดตลาด ควรติดตามผล เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีส่วนต่างเหลือค้าง
    ภาพประกอบข่าว

    ภาพประกอบข่าว

    ภาพประกอบข่าว

ผ่อนไม่ไหว แต่ยังต้องใช้รถ ควรทำอย่างไร ?

ทางเลือกอื่นสำหรับผู้ที่ผ่อนรถไม่ไหวแต่ยังจำเป็นต้องใช้รถ หากผ่อนรถไม่ไหวแต่ยังมีความจำเป็นต้องใช้รถ มีหลายทางเลือกที่สามารถพิจารณาได้ ก่อนที่จะตัดสินใจคืนรถ

  • ปรับโครงสร้างหนี้ เข้าเจรจากับไฟแนนซ์เพื่อขอปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ เช่น ขยายระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้น ลดค่างวดต่อเดือน หรือขอพักชำระหนี้ชั่วคราว การดำเนินการนี้ควรทำตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณปัญหาทางการเงิน
  • รีไฟแนนซ์รถยนต์ เป็นการยกเลิกสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเดิม เพื่อไปทำสัญญากับสถาบันการเงินแห่งใหม่ ซึ่งอาจช่วยลดภาระค่างวดต่อเดือน ปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรืออาจได้รับเงินก้อนเพิ่มเติมหากมูลค่ารถสูงกว่าหนี้คงเหลือ
  • เปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อ (ขายดาวน์) เป็นการโอนสิทธิ์และภาระการผ่อนชำระให้แก่บุคคลอื่น ซึ่งผู้รับโอนจะผ่อนชำระต่อ หรือจ่ายเงินสดเพื่อปิดยอดหนี้ทั้งหมด
  • ขายรถกับเต็นท์รถมือสอง โดยเต็นท์รถจะดำเนินการติดต่อไฟแนนซ์เพื่อปิดยอดหนี้ทั้งหมดให้เอง ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วสำหรับผู้ที่ต้องการเงินด่วน
  • ปิดไฟแนนซ์ก่อนขาย หากมีเงินก้อน สามารถปิดยอดหนี้ทั้งหมดกับไฟแนนซ์เพื่อรับส่วนลด และนำรถไปขายต่อได้ทันที
  • ประเมินตนเองก่อนตัดสินใจ พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าจะคืนรถหรือหาทางออกอื่น
  • พิจารณาความจำเป็นในการใช้รถยนต์ ยังจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือการประกอบอาชีพมากน้อยเพียงใด หากจำเป็นมาก ควรพิจารณาทางเลือกอื่นก่อนตัดสินใจคืนรถ
  • สถานการณ์ทางการเงินปัจจุบัน-อนาคตอันใกล้ ตรวจสอบรายรับ รายจ่ายในแต่ละเดือนอย่างละเอียด หากพบว่าการเงินตึงเครียดและมีแนวโน้มจะแย่ลง การคืนรถอาจเป็นทางออกที่ดี
  • รวบรวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถ นอกจากค่างวดรถแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึง เช่น ค่าน้ำมัน ค่าประกันภัยรถยนต์ ค่าบำรุงรักษา ค่าต่อภาษี และ พ.ร.บ. ซึ่งรวมกันแล้วเป็นภาระที่ไม่น้อย
    ภาพประกอบข่าว

    ภาพประกอบข่าว

    ภาพประกอบข่าว

ทั้งนี้ การตัดสินใจจัดการกับปัญหาผ่อนรถไม่ไหวนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการแสดงออกถึงการบริหารจัดการการเงินอย่างชาญฉลาด สิ่งสำคัญคือการรีบดำเนินการแก้ไขปัญหาตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณเตือนทางการเงิน เพื่อรักษาประวัติเครดิตที่ดี และหลีกเลี่ยงภาระหนี้ที่อาจตามมาในอนาคต

ที่มาข้อมูล : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคอินชัวร์เวิร์ส

อ่านข่าวอื่น : 

ตร.ขยายผลเคส "คลิปวางยาลักหลับ" โยงซื้อยา "พ.ต.อ.หญิง" หรือไม่

"สมศักดิ์" ชี้แจง วีโต้แพทยสภาปมชั้น 14 บอก 15 นาทีน้อยไปแต่จะทำให้ดีที่สุด