วันนี้ (10 ก.ค.2568) ทหารพรานชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 จับกุมนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟจากประเทศกัมพูชากลับเข้ามาในฝั่งประเทศไทย หลังยอมรับว่า เพิ่งไปสแกนใบหน้าที่ฝั่งปอยเปต
จากการสอบสวน นายอภิรักษ์ ยอมรับว่า คนที่ชักชวนให้ไปเปิดบัญชีม้าคือแม่แท้ ๆ ของตนเอง แม้จะป่วยเป็นโรคปอด ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ประกอบกับไม่มีงานทำ จึงตัดสินใจข้ามแดนไปสแกนใบหน้า

ขณะเดียวกัน แม้ผู้นำฯ ของกัมพูชาจะชักชวนแรงงานให้กลับไปทำงานในประเทศ แต่สถานการณ์ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาติดกับ จ.สระแก้ว ทหารพรานยังจับกุมชาวกัมพูชาได้ 15 คน โดยเป็นแรงงาน 9 คน ยอมรับว่า หลังจากกลับไปอยู่บ้านที่กัมพูชาก็ไม่มีงานทำ จึงตัดสินใจกับลักลอบข้ามแดนเข้าไทย ด้วยการเดินเท้ามาตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อกลับทำงานตลาดโรงเกลือ

ส่วนแรงงานกัมพูชาอีก 6 คน ถูกจับกุมพร้อมเด็กเล็กวัย 2 ขวบ ขณะลักลอบข้ามแดน พื้นที่ ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ ยอมรับว่าเคยค้าขายอยู่ในตลาดโรงเกลือ ตัดสินใจลักลอบข้ามแดน เพราะต้องการกลับเข้ามาดูร้านค้าและข้าวของ โดยต้องจ้างผู้นำพาถึงหัวละ 4,000 บาท

กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาดำเนินมาตรการผ่อนผันให้แรงงานสัญชาติกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้กำหนด 5 มาตรการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้
- ผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการทำงานได้อีก 6 เดือน หรือจนกว่าสถานการณ์จะเป็นไปตามปกติ รวมทั้งยกเว้นโทษปรับ หากอยู่เกินกำหนด
- ให้ยื่นคำขออนุญาตทำงาน พร้อมเอกสารหลักฐานตามแนวทางที่กรมการจัดหางานกำหนด
- เปลี่ยนและเพิ่มนายจ้างได้ไม่เกิน 3 ราย ภายในจังหวัดที่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน
- ต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุก 30 วัน รายงานตัวครั้งแรกภายในวันที่ 30 ก.ค.2568
- เมื่อสถานการณ์ชายแดนปกติ ให้อยู่ต่อได้อีก 7 วัน เพื่อเตรียมตัวกลับประเทศ
ทั้งนี้ แนวทางทั้ง 5 ข้อดังกล่าวนั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2568 เป็นต้นไป

อ่านข่าวเพิ่ม :