มัทฉะ (Matcha) ไม่ได้เป็นแค่ชาเขียวบดละเอียดสีเขียวละมุน ที่หลายคนหลงรัก แต่ยังอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น EGCG และ L-Theanine ที่ช่วยเสริมสมาธิและลดความเครียด และลดไขมันในเลือด ไม่แปลกใจที่หลายคนยกให้มัทฉะเป็นเครื่องดื่มคู่ใจ ยิ่งวันไหนเหนื่อยๆ แค่ได้จิบก็เหมือนได้รีเฟรชหัวใจ แต่เดี๋ยวก่อน ดื่มทุกวันจะดีจริงหรือไม่ หรือมีอะไรที่ควรรู้ก่อนจะหลงรักมัทฉะจนถอนตัวไม่ขึ้น
"มัทฉะ " คืออะไรแตกต่างจาก "ชาเขียว" อย่างไร
ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ผู้อำนวยการหลักสูตรโภชนศาสตร์บูรณาการในเชิงสมุทัยเวชศาสตร์ ได้อธิบายไว้ในรายการ The Resources วิจัยใกล้ตัว ทางไทยพีบีเอส ชี้ชัดว่า "มัทฉะ" มีประโยชน์มากมาย แต่การดื่มอย่างถูกวิธี คือกุญแจสำคัญสู่การได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ
มัทฉะ เชื่อว่าชื่อนี้ใครๆก็เคยได้ยิน มัทฉะ - ชาเขียว ต่างกำเนิดจาก "ใบชาเขียว" เหมือนกัน แต่ "ชาเขียว" ที่ดื่มกันโดยทั่วไปเป็น "ใบชาแห้ง" ขณะที่ "มัทฉะ" จะเป็นใบชาที่ "ผ่านกระบวนการทำให้ละเอียดเป็นผง" อีกหนึ่งสิ่งที่แตกต่างคือ "ปริมาณคาเฟอีน" ในมัทฉะจะสูงกว่าชาเขียว และที่โดดเด่นคือ สารสำคัญในมัทฉะ โดยเฉพาะ EGCG และกรดอะมิโน L-Theanine มีปริมาณสูงกว่าในชาเขียวทั่วไป ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่า มัทฉะใช้ปริมาณเพียงไม่มาก จะมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ สูงกว่าชาเขียวที่แช่น้ำ หรือแบบชาเขียวที่พร้อมดื่ม ซึ่งสารสำคคัญอาจถูกเจือจางไป

มัทฉะ-ชาเขียว มีสารสำคัญ 2 ชนิดที่ดีกับร่างกาย
-สารแคทีชิน (Catechin) ซึ่งอยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ในสารแคทีชินยังมีกลุ่มสารแยกย่อยออกมาอีกมากมาย โดยเฉพาะสารที่มีชื่อว่า (EGCG : Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง
-แอล-ธีเอนีน (L-theanine) เป็นสารที่อยู่ในกรดอะมิโน ซึ่งมีฤทธิ์โดดเด่นในการไปเพิ่มคลื่นสมองอัลฟา (Alpha Wave) ช่วยทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ลดความเครียด
สารพัดประโยชน์ของมัทฉะ ที่งานวิจัยรับรอง มัทฉะได้รับการศึกษาและวิจัยอย่างกว้างขวางถึงคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ยกตัวอย่างได้ดังนี้
- ต้านอนุมูลอิสระและชะลอความเสื่อม สาร EGCG ในมัทฉะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ช่วยชะลอความเสื่อม ความแก่ และการกลายพันธุ์ของเซลล์ต่างๆ
- ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมในร่างกาย เช่น ผู้ที่มีภาวะอ้วน อย่างไรก็ตาม การดื่มมัทฉะควรควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด งานวิจัยพบว่าชาเขียว โดยเฉพาะมัทฉะที่มีสาร EGCG เข้มข้น สามารถช่วย ลดไขมัน LDL คอเลสเตอรอลในเลือด และยังช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลในเลือดได้
- ส่งเสริมสุขภาพลำไส้ สาร EGCG ในมัทฉะยังช่วย ส่งเสริมการเจริญเติบโตของโปรไบโอติก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ทำให้ลำไส้และสุขภาพโดยรวมดีขึ้น
- กรด L-Theanine ที่พบในมัทฉะช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ลดความเครียดและความวิตกกังวล

ดื่มมัทฉะ อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพและปลอดภัย
แม้จะมีประโยชน์แต่การดื่มมัทฉะเพื่อสุขภาพที่ดี ก็มีข้อควรระวังที่ต้องให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม นั้นคือ การบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลต่อผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ทำให้หัวใจบีบตัวมากขึ้น หรือมีอาการนอนไม่หลับ ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มมัทฉะ หลัง 15.00 น. นั้นเพราะคาเฟอีนที่แฝงอยู่ โดยเฉพาะผู้ที่ประสบปัญหานอนไม่หลับ รวมถึงควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรดื่มเกิน 1-2 แก้วต่อวัน
หากกินแล้วมีสึกว่ามีรสฝาดและรสขมนั้นเพราะมีสารแทนนินที่อาจจะมีผลทำให้ได้รับแคสเซียมหรือธาตุเหล็ก ขัดขวางการดูดซึมของแร่ธาตุซึ่งไม่ดี ฉะนั้นมัทฉะที่ดีไม่ควรมีรสขม และควรหลีกเลี่ยงมัทฉะที่มีสีเขียวผิดธรรมชาติ ซึ่งอาจมีการแต่งสีควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี หรือเป็นแบบออร์แกนิก เพื่อหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อนที่เคยพบในงานวิจัย
ผศ.ดร.เอกราช ระบุว่า การเติมน้ำตาลในชาเขียวจะลดฤทธิ์การต่อต้านอนุมูลอิสระลง เพราะน้ำตาลจะไปบล็อกฤทธิ์ของชาเขียว ดังนั้น การดื่มมัทฉะที่ดีที่สุดคือ "ไม่ควรใส่น้ำตาลเลย" การเติมสารแทนความหวานหรือนมอาจขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียมและธาตุเหล็ก
สารสำคัญในมัทฉะบางชนิดอาจมีปฏิกิริยากับยาบางประเภททำให้ยาออกฤทธิ์ได้ลดลง หรือเพิ่มผลข้างเคียง ผู้ที่มีโรคประจำตัวและต้องรับประทานยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และแนะนำให้เลี่ยงการดื่มมัทฉะใกล้เคียงกับมื้อที่รับประทานยา
มัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกดื่มอย่างถูกวิธีและใส่ใจในคุณภาพ เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
การดื่มมัทฉะแบบเพียว (ไม่ผสมน้ำตาล นม หรือสารปรุงแต่ง) จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระในใบชาเต็มที่
"เพียวมัทฉะ" (Pure Matcha) คือ ผงชาเขียวแท้ 100% ที่ได้จากการบดใบชาชั้นดี จนละเอียดเป็นผง โดยไม่มีการผสมสารอื่น เช่น น้ำตาล นม หรือผงชาเขียวทั่วไปที่ผ่านการแต่งกลิ่น/สี ซึ่งนิยมใช้เพียวมัทฉะ ทั้งการชงดื่มแบบ มัทฉะร้อน หรือมัทฉะลาเต้, ใช้ใน ขนมเบเกอรี่ เช่น มัทฉะชีสเค้ก มัทฉะคุกกี้, ใส่ใน สมูทตี้หรือโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ก็ได้

มาถึงตรงนี้ใครที่ยังไม่เคยลองดื่มมัทฉะ ลองเปลี่ยนจากกาแฟมาดื่มสักแก้ว อาจค้นพบสมดุลใหม่กับร่างกายและใจ และใครจะเลือกกิน ชาเขียว หรือ มัทฉะ ก็แล้วแต่ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละคน "สายสดชื่น" เบาๆ สบายท้อง เลือก "ชาเขียว" เหมาะกับวันที่อยากรีเฟรชแบบเบาๆ ดื่มง่าย สดชื่น "สายเข้มข้น พลังมาเต็ม" ต้อง "มัทฉะ" ได้ประโยชน์แน่นๆ ในหนึ่งแก้ว
แม้ทั้งคู่จะดีต่อสุขภาพ แต่ก็มีสไตล์ต่างกัน ทั้ง วิธีชง และปริมาณสารอาหาร สุดท้ายแล้วจะเลือกดื่มอะไร ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความต้องการของแต่ละคนของแต่ละคน
สุดท้าย มัทฉะ คือผงชาที่อัดแน่นด้วยความเข้มข้น ทั้งในด้านรสชาติ คาเฟอีน และสารต้านอนุมูลอิสระ หากกำลังมองหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ให้พลังงานยาวนานและเต็มไปด้วยคุณค่าจากใบชา มัทฉะคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด แต่หากต้องการชาเบาๆ ดื่มง่าย สดชื่นได้ทุกวัน ชาเขียวแบบชงทั่วไปก็ยังเป็นเพื่อนคู่ใจที่ดีไม่แพ้กัน
อ้างอิงข้อมูล : The Resources วิจัยใกล้ตัว, Podcast Thaipbs , องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน
อ่านข่าว : รู้ทัน "มือเท้าปาก" ภัยใกล้ตัวลูกในหน้าฝน ที่พ่อแม่ต้องรู้
แท็กที่เกี่ยวข้อง: