ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สกัด “กัมพูชา” ภัยคุกคาม ปิดด่านยาว ฉีกเป๋าตังค์ “ฮุน เซน”

อาชญากรรม
16:14
393
สกัด “กัมพูชา” ภัยคุกคาม ปิดด่านยาว ฉีกเป๋าตังค์ “ฮุน เซน”
อ่านให้ฟัง
09:08อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

“จุดยืนของกัมพูชาจะไม่เปลี่ยน และกัมพูชาจะไม่ยอมลดตัวไปขอให้ไทยเปิดด่านชายแดนเด็ดขาด ต่อให้ไทยปิดต่อไปอีก 100 ปี ก็ไม่ทำให้กัมพูชาล่มสลาย ...ผมอยากขอบคุณไทยด้วยซ้ำ เพราะการปิดพรมแดนฝ่ายเดียว ทำให้สินค้าไทยนำเข้าไม่ได้ กลายเป็นแรงผลักดันให้สินค้าที่ผลิตในกัมพูชาเติบโตอย่างมาก” ข้อความตอนหนึ่งของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่โพสต์ผ่าน เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 ก.ย.2568

การสื่อสาร ผ่านโลกโซเชียลของ ฮุน เซน เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากไทย ฯ มีรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนวชายแดนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 1 อยู่ในอำนาจของกองทัพ

ในขณะที่การเคลื่อนไหวของกองทัพกัมพูชายังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ในช่วงค่ำวันที่ 24 ก.ย.ทหารกัมพูชาประกาศให้ชาวบ้านจ.อุดรมีชัย และจ.พระวิหารเร่งอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ โดยแจ้งเป็นความมั่นด้านการทหาร

วันเดียวกันรายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ตรวจพบ เขมรได้ติดตั้งเครื่องแอนตี้โดรน 3 จุด บริเวณช่องกร่าง พื้นที่ตรงกลางระหว่างปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย ด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์พบสัญญาณการบินโดรน 2 ครั้ง เหนือเนิน 527 และพบรถบัสต้องสงสัย 1 คัน คาดเป็นการลำเลียงพลเพิ่มเติมเข้ามาในพื้นที่ พื้นที่บางจุดยังมีการปรับปรุงฐานที่มั่นอย่างต่อเนื่อง

ตลอดคืนวันที่ 24 ก.ย.2568 กัมพูชายังมีการละเมิดข้อตกลง ยิงปืนยั่วยุ มีเสียงระเบิด มีการเข้าใกล้รั้วลดหนาม และยิงเช็คระยะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2

“กำลังพลต่าง ๆที่ ทางฝั่งกัมพูชาเข้ามากดดันตามชายแดนของเรา หากไม่มีการเคลื่อนย้ายออกไป เราก็ยังคุยอะไรไม่ได้จะปิดด่านต่าง ๆ จนกว่าความเป็นภัยจากกัมพูชาจะหมดลงไป” อนุทิน กล่าวหลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

และย้ำว่าการที่กัมพูชาขนอาวุธหนักและมีโดรนบินเข้ามในชายแดนผิดข้อตกลงยิ่งทำเช่นนี้การเจรจาก็จะไม่เกิดขึ้นและคงจะมีมาตรการที่เขมข้นเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เราแค่ปิดด่านและอาจจะไปถึงเรื่องอื่น ๆ เช่นเรื่องการให้บริการสาธารณูปโภคต่าง ๆ

ตลอดระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงแล้วแล้วก็ตาม แต่ฝั่งกัมพูชาก็พยายามแหกทุกกฎข้อตกลง โดยเฉพาะการนำมวลชนเข้ามาปะทะกับตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ฝั่งบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตรงข้ามจ.บันเตียนเมียนเจย กัมพูชา และยังคงเข้ามาสร้างสถานการณ์ยั่วยุอยู่เนือง ๆ

ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ยังไม่มีข้อยุติการปิดด่านชายแดนตลอดแนวพื้นที่ 7 จังหวัด อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีษะเกษ สุรินทร์ ตราด จันทบุรีและสระแก้ว ไม่มีการติดต่อ-ซื้อขายสินค้าระหว่างกัน แม้ ฮุน เซน อ้างว่า ตลอดเวลากว่า 3 เดือนที่ไม่มีการนำเข้าสินค้าไทย ตลาดในกัมพูชายังมีเสถียรภาพ สินค้าอุปโภคบริโภคมีเพียงพอและเงินเฟ้อยังคงต่ำในภาพรวมระดับมหภาคและการบริหารเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ข้อเท็จจริง คือ กัมพูชากำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก จากประเด็นความขัดแย้งและความตึงเครียดที่เกิดขึ้น จากเดิมเศรษฐกิจกัมพูชาเติบโตปีละ 5-6% แต่ผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงเหลือ 3-4% เนื่องจากราคาสินค้าแพงขึ้น เพราะมีสินค้าไทยอยู่ในตลาดกัมพูชาถึง 30% จึงส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจาก 3% เป็น 5%

หากย้อนกลับไปดูรายได้ของกัมพูชา พบว่าในปี 2567 มีรายได้จากการท่องเที่ยวจำนวน 3.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ จากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาว ไทย เวียดนาม และจีน จำนวน 6.7 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักในฐานะลูกค้าสำคัญในภาคอุตสาหกรรมการพนัน ซึ่งเข้ามาใช้บริการในรีสอร์ทแบบครบวงจรที่รองรับการเล่นคาสิโน เกมการพนันและความบันเทิงระดับวีไอพี

นอกจากนี้ ยังพบจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เยือนกัมพูชา ในปี 2567 จำนวน 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 5.54 ล้านคนในปี 2566 หรือคิดเป็นร้อยละ 22.9 และสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 3.36 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.8 จาก 3.08 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปีก่อนหน้า

และในปี 2571 กัมพูชา ตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 7 ล้านคนเข้ามา สร้างรายได้ กระตุ้นการใช้จ่ายช่วยในภาคอุตสาหกรรมการพนัน หลังกฎหมายการพนันฉบับใหม่ที่ของกัมพูชาบังคับให้ผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมการพนันจะต้องเน้นการลงทุนในรูปแบบรีสอร์ทแบบครบวงจร มีปลายทางเป็นยักษ์ใหญ่แห่งการพนันใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเยือนกัมพูชา ในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวเข้าไป 5.54 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 อย่างเห็นได้ชัดทำให้กัมพูชามีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 3.36 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 17.8 จาก 3.08 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐจากปีที่แล้ว”

ข้อมูลจากคณะกรรมการบริหารการพนันเชิงพาณิชย์แห่งกัมพูชา (CGMC) ชี้ว่า ในปี 2567 รัฐบาลกัมพูชาได้รับรายได้ภาษี 63.1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐจากคาสิโนและจำนวนผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมการพนันเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวไทย เข้าไปในกัมพูชาสูง เป็นอันดับ 1 หรือ ร้อยละ 30.9, รองลงมาคือ เวียดนาม ร้อยละ 14.0, และจีนคิดเป็นร้อยละ 11.1 ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนของกัมพูชาทั้งหมด ซึ่งการเติบโตของอุตสาหกรรมการพนันอาจสอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและเวียดนามที่เพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เข้าไปส่วนใหญ่เป็นนักพนัน ซึ่งเป็นฐานลูกค้ารายใหญ่ที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตามจากข้อมูลพบว่า ในปี 2568 กัมพูชามี “กาสิโน” จำนวน 224 แห่ง

ส่วนใหญ่สถานที่ตั้งกาสิโนมักกระจายตัวและหนาแน่นมากที่สุดอยู่ตามแนวชายแดนไทย จำนวน 107 แห่ง เฉพาะที่มืองท่าทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา “สีหนุวิลล์” มีกาสิโนถึง 87 แห่ง ,ที่จ.ปอยเปต มี 23 แห่ง จ.ไพลิน 9 แห่ง และจ.เกาะกงอีก 5 แห่ง

การปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่เพียงทำให้การค้าขายหยุดชะงัก แต่ยังทำให้นักพนันชาวไทยซึ่งเป็นลูกค้าอันดับ 1 ของเขมรไม่สามารถเดินทางข้ามพรมแดนไปเล่นการพนันเสี่ยงโชคได้ ถือเป็นวิกฤตสำคัญของอนาคตอุตสาหกรรมการพนันและรายได้จากการท่องเที่ยวและภาษีการพนันของรัฐบาลกัมพูชาจำนวนมหาศาลที่สูญเสียไป

และนั่น หมายถึง รายได้ในกระเป๋าตังค์ของ “ตระกูลฮุน” ที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่าพันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อปี ย่อมต้องสูญเสียไปด้วย

อ่านข่าว 

จับไต๋ “ฮุน มาเนต” ฟ้องโลกกลบความจริง สร้าง “กาสิโน” ล้ำไทย

ระเบิดเวลา “ตระกูลฮุน” ชะตากรรมคนเขมร กลับบ้าน “ไม่มีงานทำ”

"เขมร" การละคร ส่งม็อบป่วน "หนองหญ้าแก้ว" ฟ้องโลกถูกรังแก