ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รวมไอเดียเขียน "เรียงความวันแม่"


Lifestyle

สันทัด โพธิสา

แชร์

รวมไอเดียเขียน "เรียงความวันแม่"

https://www.thaipbs.or.th/now/content/1491

รวมไอเดียเขียน "เรียงความวันแม่"

 

หวนกลับมาอีกครั้ง สำหรับ “วันแม่แห่งชาติ” ซึ่งทุก ๆ ปีเหล่าบรรดาลูก ๆ จะได้แสดงความรัก รวมถึงการแสดงความกตัญญูที่มีต่อคุณแม่ และหนึ่งใน “สัญลักษณ์” ของการแสดงความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อคุณแม่ นั่นคือ การเขียนเรียงความในวันแม่

ใครเคยเขียน "เรียงความวันแม่" กันบ้าง? ไม่มากก็น้อย หลายคนคงเคยมีประสบการณ์การถ่ายทอดถ้อยคำที่อยากบอกกับคุณแม่ แต่ในคราวเดียวกัน คงมีอีกหลายต่อหลายคนที่ไม่ถนัดในการถ่ายทอดด้วยภาษาเขียนเป็นเรียงความ บางคนอาจรู้สึกว่าเขียนแล้วมันไม่ค่อยมีใจ ฟังดูเก็งๆ หรือเหมือนๆ กับที่คนอื่นเขียน บางคนอาจนั่งจ้องกระดาษเปล่าๆ นานเป็นชั่วโมง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนเรียงความอย่างไร

การเขียนเรียงความวันแม่ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรักและความกตัญญู แต่ยังเป็นการบันทึกความทรงจำและความรู้สึกที่มีค่า เป็นของขวัญที่จับต้องได้และสามารถเก็บไว้ได้นาน นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสให้เราได้ทบทวนและซาบซึ้งในพระคุณของแม่อย่างลึกซึ้ง แม้ว่าในยุคปัจจุบันเราจะมีเทคโนโลยีมากมาย สามารถส่งข้อความ แชต หรือโทรคุยกันได้ทุกเมื่อ แต่การเขียนยังคงมีพลังพิเศษที่สามารถสัมผัสใจและสร้างความประทับใจที่ยาวนาน

เรียงความนั้นเป็นงานเขียนประเภทร้อยแก้วที่ผู้เขียนใช้ถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้ ความคิด และทัศนคติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยใช้ถ้อยคำและสำนวนที่เรียบเรียงอย่างมีลำดับและสละสลวย สำหรับเรียงความวันแม่ เราสามารถปรับให้มีความเป็นกันเองและอบอุ่นมากขึ้น เพื่อสื่อถึงความรู้สึกที่แท้จริง

วันนี้เรามีวิธีง่ายๆ ในการ "เขียนเรียงความวันแม่" ไม่ต้องเป็นนักเขียน ก็เขียนบอกรักแม่ได้ เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานของเรียงความ ไปจนถึงเคล็ดลับพิเศษจากนักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่ชื่อ "อริสโตเติล" ผู้ที่คิดค้นหลักการสื่อสารที่โดนใจมาตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีก่อน แต่ยังใช้ได้ผลเจ๋งมากจนถึงทุกวันนี้

เพราะการเขียนเรียงความที่ดีไม่ได้อยู่ที่ความซับซ้อนหรือการใช้คำศัพท์หรูหรา แต่อยู่ที่ความสามารถในการสัมผัสใจผู้อ่าน การทำให้พวกเขารู้สึกตาม เชื่อตาม และประทับใจในสิ่งที่เราเขียน ไม่ว่าจะเป็นความจริงใจที่เปล่งออกมา ความรู้สึกที่สามารถถ่ายทอดได้ หรือเหตุผลที่น่าเชื่อถือ

ลองมาเริ่มต้นการเดินทางในการเขียนเรียงความวันแม่ที่ไม่ได้เป็นแค่การบ้านที่ต้องส่งครู แต่จะกลายเป็นจดหมายรักที่เต็มไปด้วยความหมาย สร้างความประทับใจให้กับแม่ และอาจจะทำให้แม่น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งกันเถอะ

รู้จักความหมายของ “การเขียนเรียงความ” เสียก่อน

การเขียน เรียงความวันแม่ ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรักและความกตัญญู แต่ยังเป็นการบันทึกความทรงจำและความรู้สึกที่มีค่า เพราะเรียงความนั้นของขวัญที่จับต้องได้และสามารถเก็บไว้ได้นาน นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสให้เราได้ทบทวนและซาบซึ้งในพระคุณของแม่อย่างลึกซึ้ง เมื่อเราใช้เวลานั่งเขียนเรียงความ เราจะได้หยุดคิด หยุดทบทวนถึงความทรงจำดีๆ ที่มีกับแม่ และอาจค้นพบสิ่งที่เราไม่เคยสังเกตุมาก่อน เช่น ความเสียสละเล็กๆ น้อยๆ ที่แม่ทำในชีวิตประจำวัน หรือคำพูดที่แม่เคยบอกเราเมื่อเราท้อแท้

โดยเรียงความนั้นเป็นงานเขียนประเภทร้อยแก้วที่ผู้เขียนใช้ถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้ ความคิด และทัศนคติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยใช้ถ้อยคำและสำนวนที่เรียบเรียงอย่างมีลำดับและสละสลวย แต่สำหรับเรียงความวันแม่ เราไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาที่เคร่งครัดหรือสำนวนที่ซับซ้อน เราสามารถปรับให้มีความเป็นกันเองและอบอุ่นมากขึ้น เพื่อสื่อถึงความรู้สึกที่แท้จริง เหมือนกับการเขียนจดหมายถึงคนที่เรารักมากที่สุด

การเขียนเรียงความวันแม่จึงเป็นมากกว่าการทำการบ้านหรืองานเขียนเรียงความธรรมดา มันเป็นการสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างหัวใจของเรากับหัวใจของแม่ ผ่านตัวอักษรที่เรียงเรียงกัน แต่ละคำ แต่ละประโยคจะกลายเป็นสื่อกลางในการส่งผ่านความรัก ความขอบคุณ และความภูมิใจที่เรามีต่อแม่ และเมื่อแม่ได้อ่านเรียงความที่เราเขียน เธอจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความรักที่เราอยากจะส่งให้

นอกจากนี้ การเขียนเรียงความยังเป็นการฝึกฝนทักษะการใช้ภาษา การคิดวิเคราะห์ และการแสดงออกทางอารมณ์ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญไม่เพียงแต่ในการเรียน แต่ยังเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน การทำงาน และการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง การรู้จักใช้คำพูดเพื่อสื่อสารความรู้สึกได้อย่างชัดเจนและสัมผัสใจคือทักษะที่ล้ำค่ามาก

สิ่งที่พิเศษของเรียงความวันแม่คือ มันไม่มีแบบแผนตายตัว ไม่มีสูตรสำเร็จที่ต้องทำตาม เพราะแต่ละคนมีความสัมพันธ์กับแม่ที่แตกต่างกัน มีเรื่องราวและความทรงจำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้น เรียงความวันแม่ของแต่ละคนจึงมีเสน่ห์และความงามในแบบของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับใคร เพียงแค่เขียนออกมาจากใจจริง ก็จะกลายเป็นชิ้นงานที่มีค่าและความหมายอย่างยิ่งแล้ว

องค์ประกอบของเรียงความ มีอะไรบ้าง ?

เรียงความมีส่วนประกอบหลัก ๆ อยู่ 3 ส่วนคือ 

คำนำ เป็นส่วนเปิดเรื่องของตัวเรียงความที่ดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน ในกรณีของเรียงความวันแม่ อาจเริ่มด้วยความทรงจำที่ประทับใจหรือข้อคิดเกี่ยวกับความรักของแม่ เช่น การเล่าถึงช่วงเวลาพิเศษกับแม่ หรือการตั้งคำถามที่น่าสนใจ เพื่อให้ผู้อ่านอยากติดตามเรื่องราวต่อไป

เนื้อเรื่อง เป็นส่วนสำคัญที่สุดและก็ยังเป็นส่วนที่มีความยาวมากที่สุด ใช้ขยายความคิดหลักและเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่แสดงถึงความรักและความกตัญญูที่มีต่อแม่ อาจแบ่งเป็นหลายย่อหน้า โดยแต่ละย่อหน้าของเรียงความควรมีใจความหลักที่ชัดเจน เช่น ย่อหน้าหนึ่งเล่าเรื่องการเสียสละของแม่ อีกย่อหน้าเล่าเรื่องการสอนและให้คำแนะนำ

สรุป มักเป็นย่อหน้าสุดท้าย ใช้สรุปความคิดและความรู้สึกทั้งหมด อาจจบด้วยข้อความที่ประทับใจหรือคำสัญญาที่จะทำให้แม่ภูมิใจ เป็นการปิดท้ายที่ทิ้งความประทับใจและสะท้อนถึงความรักที่มีต่อแม่

3 เคล็ดลับเขียนเรียงความวันแม่ให้โดนใจ จากนักปรัชญา "อริสโตเติล"

ใครบ้างที่กำลังนั่งจ้องกระดาษเปล่าๆ อยู่ พร้อมกับคิดว่า "จะเขียนเรียงความวันแม่ยังไงดีนะ?" หรือเคยรู้สึกว่าเขียนแล้วมันไม่ค่อยมีใจ ฟังดูเก็งๆ หรือเหมือนๆ กับที่คนอื่นเขียน? วันนี้เรามีเคล็ดลับพิเศษมาฝากกัน แต่ว่าเคล็ดลับการเขียนนี้ไม่ใช่มาจากครูหรือนักเขียนยุคใหม่นะ แต่มาจากนักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่ชื่อ "อริสโตเติล" ที่คิดค้นเคล็ดลับการสื่อสารที่โดนใจมาตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีก่อนแล้ว!

อริสโตเติลเป็นครูของอเล็กซานเดอร์มหาราช และเขาค้นพบ "สูตรลับในการสื่อสาร" ในการทำให้คนฟังหรือคนอ่านรู้สึกตาม เชื่อตาม และประทับใจในสิ่งที่เราพูดหรือเขียน เขาเรียกสูตรลับนี้ว่า "วาทศิลป์" แต่เราจะเรียกแบบง่ายๆ ว่า "3 หลักการในการสื่อสาร" ซึ่งประกอบด้วย ความจริงใจ ความรู้สึก และเหตุผล หรือถ้าจะเรียกตามภาษาโบราณก็คือ Ethos (เอ-โธส), Pathos (พา-โธส) และ Logos (โล-กอส)

จึงเป็นหลักการที่ใช้ได้กับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเรียงความวันแม่ การทำรายงานหน้าชั้น หรือแม้กระทั่งการโน้มน้าวใจในด้านต่างๆ! เพราะเป็นหลักการที่เข้าถึงจิตใจมนุษย์ตรงจุด แล้วมาดูกันว่าแต่ละหลักเหล่านี้ทำงานยังไงบ้าง

หลักการที่ 1 ความจริงใจ Ethos (เอ-โธส) ทำให้คนเชื่อว่าเราพูดจริง!

หลักการข้อแรกคือ "ความจริงใจ" หรือที่อริสโตเติลเรียกว่า "เอโธส" สิ่งนี้หมายความว่า ก่อนที่ใครจะฟังหรือเชื่อในสิ่งที่เราพูด พวกเขาต้องเชื่อใน "ตัวเรา" ก่อน พวกเขาต้องรู้สึกว่าเราเป็นคนน่าเชื่อถือ พูดจริง และเขียนมาจากใจจริงๆ ไม่ใช่แค่แต่งขึ้นมาให้ฟังดูดี

ลองคิดดูสิ ถ้าเพื่อนมาเล่าให้ฟังว่าเขารักแฟนมากแค่ไหน แต่เรารู้ว่าเมื่อวานเขาเพิ่งไปเที่ยวกับคนอื่น เราจะเชื่อเขาไหม? แน่นอนว่าไม่! แต่ถ้าเพื่อนคนนั้นเป็นคนที่เราเห็นว่าเขาดูแลแฟนดีจริงๆ มาตลอด เราก็จะเชื่อทุกคำที่เขาพูด

ในการเขียนเรียงความวันแม่ก็เหมือนกัน ความจริงใจคือสิ่งแรกที่ต้องมี ถ้าเราเขียนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเรากับแม่ ใช้ภาษาที่เป็นเราจริงๆ แล้วเขียนเรียงความด้วยความรู้สึกที่แท้จริง คนอ่านจะรู้สึกได้ทันทีว่าเราเขียนมาจากใจ ไม่ใช่เขียนไปเพื่อได้คะแนนดีหรือเพื่อให้ครูชม

ตัวอย่างเช่น แทนที่จะเขียนว่า "แม่ของดิฉันเป็นแม่พระที่ประเสริฐสูงส่งและเป็นที่เคารพของลูก" ซึ่งฟังดูแปลกๆ และไม่เป็นธรรมชาติ เราอาจเขียนว่า "แม่เป็นคนที่หนูรักมากที่สุดในโลก และหนูภูมิใจที่ได้เป็นลูกของแม่" ประโยคนี้ฟังดูจริงใจและอบอุ่นกว่ามาก

หรือแทนที่จะเขียนแค่ว่า "แม่ดูแลฉันดี" ในการเขียนเรียงความลองเล่าเหตุการณ์จริงๆ เช่น "ตอนหนูไข้สูง แม่นั่งดูแลข้างเตียงทั้งคืน เช็ดตัวให้ ป้อนข้าวให้ แม้ว่าแม่จะต้องไปทำงานตอนเช้า" การเล่าแบบนี้ทำให้คนอ่านรู้สึกได้ว่าเราเล่าเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องแต่ง

สิ่งสำคัญคือ อย่ากลัวที่จะบอกความรู้สึกตรงๆ การบอกว่า "รักแม่" "ขอบคุณแม่" หรือ "คิดถึงแม่" ไม่ได้น่าอายหรือฟังดูเด็กเลย แต่มันเป็นการแสดงความจริงใจที่สวยงามที่สุด

หลักการที่ 2 ความรู้สึก Pathos (พา-โธส) ทำให้คนอ่านรู้สึกตาม!

พลังวิเศษข้อที่สองคือ "ความรู้สึก" หรือ "พาโธส" อริสโตเติลรู้ดีว่า คนเราไม่ได้ฟังหรืออ่านด้วยสมองอย่างเดียว แต่เราใช้หัวใจด้วย ถ้าเรียงความของเราทำให้คนอ่านรู้สึกดี รู้สึกอบอุ่น หรือรู้สึกซาบซึ้ง พวกเขาก็จะจดจำและประทับใจมากกว่าเรียงความที่มีแต่ข้อมูลแห้งๆ

ลองคิดดูสิ ถ้าเพื่อนเขียนเรียงความว่า "วันนี้ฉันไปกินข้าวกับแม่" กับ "วันนี้ฉันไปกินข้าวกับแม่ ตอนแม่ยิ้มให้ตอนสั่งอาหาร ฉันนึกขึ้นได้ว่าสมัยเด็กๆ แม่ก็ยิ้มแบบนี้แหละตอนให้ข้าวฉัน แล้วฉันก็รู้สึกอบอุ่นใจมากเลย" ประโยคไหนทำให้เรียงความของเราเกิดความรู้สึกคล้อยตามมากกว่ากัน? แน่นอนว่าประโยคที่สอง เพราะมันทำให้เรียงความของเราเห็นภาพ รู้สึกตาม และอาจนึกถึงแม่ของเราเองด้วย

ในการเขียนเรียงความวันแม่ เราสามารถใช้พาโธสได้หลายวิธี 

ประการแรกคือในเรียงความนั้นการเล่าเรื่องจะต้องให้เห็นภาพ แทนที่จะเขียนแค่ว่า "แม่ทำกับข้าวอร่อย" ลองเขียนว่า "ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน กลิ่นไข่เจียวที่แม่ทำจะลอยมาที่ห้องหนู ทำให้หนูรู้ว่าจะได้อาหารเช้าอบอุ่นๆ ก่อนออกจากบ้าน และทุกครั้งที่ได้กิน หนูก็รู้สึกเหมือนได้รับพลังและความรักจากแม่ไปด้วย" การเขียนเรียงความแบบนี้ทำให้คนอ่านได้กลิ่น เห็นภาพ และรู้สึกตาม

ประการที่สองคือการเลือกใช้ใช้คำในเรียงความที่มีความหมายทางอารมณ์ คำเช่น "อบอุ่น" "อ่อนโยน" "เสียสละ" "ห่วงใย" "โอบกอด" เป็นคำที่มีพลังมาก เมื่อเราเขียนเรียงความว่า "แม่โอบกอดหนูทุกครั้งที่หนูเศร้า" มันฟังดูมีความหมายมากกว่า "แม่ปลอบใจหนู"

ประการที่สามคือการใช้การเปรียบเทียบ โดยเราสามารถเปรียบแม่กับสิ่งต่างๆ ที่คนอ่านสามารถจินตนาการได้ เช่น "แม่เหมือนแสงไฟในยามมืด ทำให้หนูรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่จะอยู่ข้างๆ หนูเสมอ" หรือ "ความรักของแม่กว้างใหญ่เหมือนท้องฟ้า ไม่มีวันจำกัด" การเปรียบเทียบในตัวเรียงความแบบนี้ย่อมจะทำให้คนอ่านเข้าใจและรู้สึกได้ง่ายขึ้น

ที่สำคัญคือต้องเขียนในตัวเรียงความจากความรู้สึกจริงของเรา ถ้าเรารู้สึกอบอุ่นตอนนึกถึงแม่ ก็เขียนความอบอุ่นนั้นออกมา ถ้าเรารู้สึกปลอดภัยตอนอยู่กับแม่ ก็เขียนความรู้สึกปลอดภัยนั้นออกมา เมื่อเราเขียนด้วยความรู้สึกที่แท้จริง คนอ่านจะรู้สึกตามไปกับเราได้

หลักการที่ 3 เหตุผล Logos (โล-กอส) ทำให้คนอ่านเข้าใจและเชื่อ!

พลังวิเศษข้อสุดท้ายคือ "เหตุผล" หรือ "โลกอส" แม้ว่าการเขียนเรียงความวันแม่จะเน้นเรื่องความรู้สึกเป็นหลัก แต่การมีเหตุผลที่ดีจะทำให้เรียงความของเรามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากขึ้น โลโกสไม่ได้หมายความว่าต้องมีสถิติหรือข้อมูลซับซ้อนอะไร แต่เป็นการยกตัวอย่างหรือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เราเขียนในตัวเรียงความมันจริง

ลองคิดดูสิ ถ้าเพื่อนบอกว่า "ครูคนนั้นสอนดีมาก" เรากับ "ครูคนนั้นสอนดีมาก เพราะเวลาเราไม่เข้าใจ เขาจะอธิบายซ้ำไม่เบื่อ แล้วยังทำแบบฝึกหัดพิเศษให้เราทำที่บ้านด้วย ผลก็คือเกรดเราดีขึ้นเยอะเลย" ประโยคไหนที่ในเรียงความที่เราจะเชื่อมากกว่ากัน? แน่นอนว่าประโยคที่สอง เพราะมีตัวอย่างและหลักฐานมาพิสูจน์

ในการเขียนเรียงความวันแม่ เราสามารถใช้โลโกสได้หลายวิธี 

วิธีแรกคือการยกตัวอย่างเหตุการณ์จริง เมื่อเราบอกว่าแม่เป็นคนอดทน เราควรเล่าให้ฟังว่าแม่อดทนในเรื่องอะไรบ้าง เช่น "แม่เป็นคนอดทนมาก ตอนหนูเรียนไม่เก่ง แม่ไม่เคยด่าหรือเปรียบเทียบหนูกับใคร แต่คอยช่วยทำการบ้านด้วยกันทุกคืน แม้ว่าแม่จะเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน" การยกตัวอย่างแบบนี้จะทำให้คนอ่านเห็นหลักฐานชัดเจนว่าแม่อดทนจริงๆ

วิธีที่สองคือการอธิบายผลที่เกิดขึ้น โดยในเรียงความนั้นเราสามารถเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่แม่ทำกับผลที่เกิดขึ้นกับเรา เช่น "เพราะแม่คอยให้กำลังใจตลอด หนูจึงกล้าเข้าร่วมการแข่งขันพูดภาษาอังกฤษ และได้รางวัลชนะเลิศมา" หรือ "เพราะแม่สอนให้หนูซื่อสัตย์ หนูจึงมีเพื่อนรักที่ไว้ใจกันได้จริงๆ" การเชื่อมโยงแบบนี้ในการเขียนเรียงความจะแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่แม่ทำไม่ได้เป็นแค่เรื่องดีๆ ธรรมดา แต่มีผลกระทบดีต่อชีวิตเราจริงๆ

วิธีที่สามคือการสรุปบทเรียนที่ได้รับ โดยตอนท้ายของตัวเรียงความนั้น  เราสามารถบอกได้ชัดเจนว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากแม่บ้าง และสิ่งเหล่านั้นมีความหมายอย่างไร คนอ่านจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมแม่ถึงสำคัญกับเรา เช่น "จากแม่ หนูได้เรียนรู้ว่าความรักไม่ได้อยู่ที่คำพูดหวานๆ แต่อยู่ที่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำด้วยใจจริง"

เคล็ดลับการใช้ เหตุผล (โล-กอส) ในการเขียน คือทุกครั้งที่เราเขียนเรียงความอะไรเกี่ยวกับแม่ ลองถามตัวเองว่า "ทำไมฉันถึงคิดแบบนั้น?" หรือ "มีเหตุการณ์ไหนที่พิสูจน์ได้บ้าง?" แล้วนำเหตุการณ์เหล่านั้นมาใส่ในเรียงความ จะทำให้เรียงความของเรามีน้ำหนักมากขึ้น

รวม 3 หลักการให้เรียงความวันแม่กลายเป็นงานเขียนที่มีพลัง

ตอนนี้เรารู้ 3 หลักการแล้ว แต่เคล็ดลับสุดยอดของอริสโตเติลคือ การผสม 3 พลังนี้ให้ลงตัวในการเขียนเรียงความ เหมือนการทำขนมที่ต้องใส่แป้ง น้ำตาล และไข่ ให้พอดี ถ้าใส่อย่างใดอย่างหนึ่งมากไป หรือใส่น้อยไป ขนมก็จะไม่อร่อย

ในการเขียนเรียงความวันแม่ เราต้องการความจริงใจเป็นฐาน ถ้าไม่มีความจริงใจ ไม่ว่าเราจะใช้เทคนิคไหนก็ตาม คนอ่านจะรู้สึกได้ว่าเนื้อหาในเรียงความนั้นมันไม่จริง จากนั้นเราต้องใส่ความรู้สึกเพื่อทำให้เรียงความมีชีวิตชีวา สามารถทำให้คนอ่านรู้สึกตาม และสุดท้าย เราต้องมีเหตุผลและตัวอย่างที่ดีเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เราเขียนตามเนื้อหาในเรียงความนั้น

เมื่อ 3 หลักการนี้ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว เรียงความของเราจะไม่ได้เป็นแค่การบ้านที่ต้องส่งครู แต่จะกลายเป็นจดหมายรักที่เต็มไปด้วยความหมาย สร้างความประทับใจให้กับแม่ และอาจจะทำให้แม่น้ำตาไหลด้วยซ้ำ!

ซึ่งหลักการในการเขียนเรียงความทั้งสามข้อนี้มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตาม​ยุคสมัย แม้ว่าตอนนี้เราจะมีสมาร์ทโฟน โซเชียลมีเดีย และเทคโนโลยีมากมาย แต่หัวใจของมนุษย์ยังคงเหมือนเดิม เรายังคงต้องการความจริงใจ ยังคงถูกโน้มน้าวด้วยความรู้สึก และยังคงต้องการเหตุผลที่สมเหตุสมผล

เทคนิคอื่นๆในการเรียงความให้น่าสนใจ

  1. ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและจริงใจ เรียงความไม่จำเป็นต้องใช้คำศัพท์ยากหรือสำนวนโวหารมากเกินไป ความจริงใจในการเขียนจะทำให้เรียงความมีพลังมากกว่า 
  2. เล่าเรื่องราวที่เป็นรูปธรรม ยกตัวอย่างเหตุการณ์หรือความทรงจำที่แสดงถึงความรักของแม่ จะทำให้เรียงความมีชีวิตชีวาและน่าสนใจมากขึ้น 
  3. ใช้การเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปไมย เช่น ในเนื้อหาเรียงความควรมีการเปรียบเทียบต่างๆให้เห็นภาพ โดยอาจจะเปรียบแม่เป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา หรือเปรียบความรักของแม่ผ่านน้ำนมแม่ที่เหมือนความรักของห้วงมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล หรือเล่าแทนด้วยดอกมะลิที่เป็นตัวแทนวันแม่
  4. แสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา เนื้อหาในตัวเรียงความนั้นไม่ต้องกลัวที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง การแสดงความอ่อนไหวหรือความซาบซึ้งจะทำให้เรียงความมีความหมายมากขึ้น 
  5. ใช้ประโยคที่หลากหลาย เรียงความที่ดีควรจะมีการสลับการใช้ประโยคสั้นและยาว เพื่อสร้างจังหวะในการอ่านและทำให้เรียงความไม่น่าเบื่อ

ไอเดียการเขียนเรียงความวันแม่

  1. สะท้อนพระคุณของแม่ เริ่มตั้งแต่การตั้งครรภ์ การเลี้ยงดู และการเสียสละของแม่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา
  2. เล่าถึงความผูกพันพิเศษ อธิบายเรียงความถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแม่และลูก ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ใดเทียบได้
  3. ยกย่องแม่ในฐานะแบบอย่าง เล่าถึงคุณสมบัติที่น่าชื่นชมของแม่ และวิธีที่แม่เป็นแรงบันดาลใจให้เราเป็นคนดี
  4. แสดงความซาบซึ้งในการสนับสนุน เขียนถึงวิธีที่แม่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนเราในทุกๆ ด้านของชีวิต
  5. เล่าถึงบทเรียนสำคัญ แบ่งปันคำสอนหรือบทเรียนสำคัญที่ได้รับจากแม่ ซึ่งมีผลต่อการดำเนินชีวิตของเรา
  6. แสดงความตั้งใจที่จะตอบแทนพระคุณ เขียนถึงสิ่งที่เราตั้งใจจะทำเพื่อตอบแทนความรักและการเสียสละของแม่

การเขียนเรียงความภาษาอังกฤษสำหรับวันแม่

การเขียนเรียงความภาษาอังกฤษเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นภาษาที่ใช้ทั่วโลกโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษไปด้วย ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษสำหรับวันแม่

  1. ใช้คำศัพท์ที่แสดงความรู้สึก เช่น love, gratitude, admiration, appreciation เพื่อสื่อถึงอารมณ์ได้ชัดเจน
  2. ใช้สำนวนที่เกี่ยวกับความรักและครอบครัว เช่น "a mother's love knows no bounds", "home is where mom is"
  3. เล่าเรื่องราวส่วนตัว แบ่งปันประสบการณ์หรือความทรงจำที่มีความหมายกับแม่
  4. ใช้การเปรียบเทียบ เช่น "My mother is like a guiding star in my life"
  5. จบด้วยข้อความที่ทรงพลัง เช่น "Thank you, Mom, for being my first love and my forever friend"

รู้หรือไม่
คำที่ใช้เรียก “แม่” เกือบทั่วโลกนั้น มีจุดหนึ่งที่คล้ายกันคือมักจะออกด้วยเสียง “M” แต่ล่ะประเทศจะออกเสียงกันยังไง และมีความประหลาดเกี่ยวกับวันแม่ยังไงบ้างนั้น ลองคลิ๊กอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งก์นี้เลย ทำไมคำว่า 'แม่' และ 'วันแม่' รอบโลกถึงคล้ายกัน ?

ความสำคัญของการเขียนเรียงความในยุคดิจิทัล

แม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าและเราสามารถสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทัลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แต่การเขียนยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในการแสดงความรู้สึกลึกซึ้ง เพราะ

  1. สร้างความประทับใจที่ยาวนาน ข้อความที่เขียนด้วยมือหรือพิมพ์อย่างตั้งใจสามารถเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้นาน
  2. แสดงถึงความใส่ใจและความพยายาม การใช้เวลาเขียนแสดงให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับผู้รับมากเพียงใด
  3. เปิดโอกาสให้แสดงความคิดอย่างลึกซึ้ง การเขียนช่วยให้เรามีเวลาคิดและเรียบเรียงความรู้สึกได้อย่างละเอียด
  4. สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ การอ่านข้อความที่เขียนด้วยความตั้งใจสามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ได้มากกว่าข้อความสั้นๆ ในแอพแชท

ตัวอย่างเรียงความวันแม่

แสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันใหม่ส่องผ่านหน้าต่าง พร้อมกับความทรงจำเกี่ยวกับแม่ที่หลั่งไหลเข้ามา แม่ - คำสั้นๆ ที่มีความหมายลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีขอบเขต

ความรักของแม่เป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก มันไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยต่อรอง และไม่เคยหวังผลตอบแทน แม้ในยามที่ลูกทำผิดพลาด แม่ก็ยังคงยืนเคียงข้างด้วยรอยยิ้มและกำลังใจ เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งหัดเดิน ล้มแล้วลุกอีกครั้ง โดยมีแม่คอยจับมือไว้

การได้เป็นพ่อแม่ทำให้เข้าใจความรักนี้ชัดเจนขึ้น เมื่อเห็นคู่ชีวิตดูแลลูกน้อย ตื่นกลางดึก ร้องไห้เมื่อลูกไม่สบาย และยิ้มกว้างเมื่อลูกทำอะไรสำเร็จ แม้เพียงเล็กน้อย ทำให้นึกถึงสิ่งที่แม่ทำมาตลอด และรู้สึกซาบซึ้งในความรักที่ไม่มีเงื่อนไขนั้น

ชีวิตสอนว่าเวลาเป็นสิ่งล้ำค่า บางครั้งเราอาจคิดว่ายังมีเวลาอีกมาก แต่ความจริงแล้ว เราไม่มีทางรู้ว่าจะมีเวลาอยู่กับคนที่รักได้นานแค่ไหน ดังนั้น การแสดงความรักต่อแม่จึงไม่ควรรอให้ถึงวันพิเศษ ทุกวันควรเป็นวันที่เราบอกรักแม่ ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน และแสดงความใส่ใจ

แม่สอนบทเรียนชีวิตมากมายโดยไม่ต้องพูดอะไร เพียงแค่การกระทำของแม่ก็เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดแล้ว แม่สอนให้รู้จักความอดทน การให้อภัย และการรักโดยไม่หวังผลตอบแทน บางครั้งเราอาจไม่เข้าใจการกระทำของแม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราจึงเข้าใจว่าทุกอย่างล้วนมาจากความรักที่ยิ่งใหญ่

หากมีโอกาสได้บอกแม่สักครั้ง อยากจะบอกว่า…

"ขอบคุณแม่ สำหรับทุกสิ่งที่แม่ทำให้" "ขอโทษ สำหรับทุกครั้งที่ทำให้แม่เสียใจ" "รักแม่มาก มากกว่าที่จะบอกได้" "ภูมิใจที่ได้เป็นลูกของแม่" "สัญญาว่าจะเป็นคนดี ตามที่แม่สอน"

ความรักของแม่อยู่กับเราเสมอ แม้ในวันที่รู้สึกโดดเดี่ยว ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แม่มอบให้ ความรักนี้เป็นแสงนำทางในยามมืดมน และเป็นกำลังใจในยามท้อแท้ บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเรา แต่แม่จะเข้าใจเราเสมอ แม้บางครั้งอาจไม่เห็นด้วย แต่ความรักของแม่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ในวันแม่นี้ และทุกวัน ขอให้เราใช้เวลากับแม่ให้มากที่สุด บอกรักแม่บ่อยๆ และเป็นคนดีตามที่แม่สอน ความรักของแม่เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดที่เราได้รับ มันเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และไม่มีวันหมด

ขอให้เราทุกคนเก็บรักษาความรักนี้ไว้ในใจ และส่งต่อความรักนี้ไปยังคนรอบข้าง เพราะโลกนี้ต้องการความรักและความเข้าใจมากขึ้นทุกวัน และความรักของแม่คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัยไหน เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ความรักของแม่ก็ยังคงเป็นสิ่งที่เราต้องการและโหยหาเสมอ

“การเขียน” ยังจำเป็นในการเชื่อมความสัมพันธ์ของมนุษย์อยู่เสมอ

แม้เทคโนโลยีจะก้าวล้ำไปไกล เราสามารถ “แชต” ส่งข้อความ สติกเกอร์กันได้ทุกวัน ทุกเวลา หรือเราสามารถเฟซไทม์พูดคุยเห็นหน้ากันได้อย่างง่ายดาย 

แต่บางช่วงบางเวลา มนุษย์ยังต้องการการสื่อสาร “ง่ายๆ” แค่ตัวหนังสือไม่กี่บรรทัด หรือข้อความไม่กี่ประโยค แต่เป็น “ถ้อยความ” ที่สะท้อนจากเบื้องลึกในจิตใจ

ซึ่งการเขียนเรียงความวันแม่นั้นไม่ใช่เพียงแค่การทำการบ้านหรืองานเขียนธรรมดา แต่เป็นการสร้างสะพานเชื่อมใจระหว่างเรากับคนที่เรารักมากที่สุด ผ่านตัวอักษรที่เรียงร้อยด้วยความรัก ความขอบคุณ และความซาบซึ้ง

จากการเดินทางผ่านเนื้อหาทั้งหมดนี้ เราได้เรียนรู้ว่าการเขียนเรียงความที่ดีไม่ได้อยู่ที่ความซับซ้อนของคำศัพท์หรือรูปแบบการเรียงความที่หรูหรา แต่อยู่ที่ความสามารถในการสัมผัสใจผู้อ่าน ผ่านองค์ประกอบพื้นฐานสามส่วนคือ คำนำที่ดึงดูดใจ เนื้อเรื่องที่มีเนื้อหาสาระ และสรุปที่ประทับใจ

ที่สำคัญกว่านั้นคือ "สามเคล็ดลับแห่งการเขียนที่โดนใจ" จากอริสโตเติล ซึ่งประกอบด้วย ความจริงใจ (Ethos) ที่ทำให้คนเชื่อในสิ่งที่เราเขียน ความรู้สึก (Pathos) ที่ทำให้คนอ่านรู้สึกตามไปกับเรา และเหตุผล (Logos) ที่ทำให้เรียงความของเรามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ หลักการเหล่านี้แม้จะถูกคิดค้นมาตั้งแต่ 2,000 ปีก่อน แต่ยังคงใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบัน

เมื่อเราผสมผสานทั้งสามหลักการให้ลงตัว พร้อมกับเทคนิคต่างๆ เช่น การใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ การเล่าเรื่องให้เห็นภาพ การใช้การเปรียบเทียบ และการแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา เรียงความของเราจะกลายเป็นมากกว่าตัวอักษรบนกระดาษ แต่จะเป็นของขวัญที่มีชีวิต เต็มไปด้วยความหมาย และสามารถสร้างความประทับใจที่ยาวนาน

แม้ว่าในยุคดิจิทัลนี้เราจะมีช่องทางการสื่อสารที่รวดเร็วและสะดวกมากมาย แต่การเขียนยังคงมีพลังพิเศษในการสื่อสารความรู้สึกลึกซึ้ง การใช้เวลาในการเขียนแสดงถึงความใส่ใจ ความตั้งใจ และความรักที่เราอยากจะส่งผ่านให้กับแม่ เพราะผลของถ้อยความเหล่านี้ นอกจากจะสร้างความอิ่มเอมใจ ยังยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า มนุษย์ยังคงต้องการความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะสุดท้าย “ความรัก” ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ขอแค่แสดงออกมาให้เขาได้รับรู้เท่านั้นเอง...  

ในท้ายที่สุด การเขียนเรียงความวันแม่คือการเฉลิมฉลองความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เป็นการขอบคุณคนที่ให้ชีวิต ให้ความรัก และให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เราโดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน และที่สำคัญที่สุด เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า เรารักแม่มากแค่ไหน และภูมิใจแค่ไหนที่ได้เป็นลูกของท่าน

ดังนั้น ครั้งหน้าเมื่อเราหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเรียงความวันแม่ ให้จำไว้ว่า เราไม่ได้แค่เขียนการบ้าน แต่เรากำลังสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะแห่งความรัก ที่จะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่แม่จะเก็บไว้ในหัวใจตลอดไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง

วันแม่วันแม่แห่งชาติเรียงความวันแม่
สันทัด โพธิสา

ผู้เขียน: สันทัด โพธิสา

เจ้าหน้าที่เนื้อหาออนไลน์อาวุโส Thai PBS สนใจความเคลื่อนไหวของสังคม ผู้คน และเทรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และรวมถึงเป็นสมาชิกทาสแมวมายาวนาน

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด