ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รู้จัก “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” ไม่ถึงตายแต่ทำลายคุณภาพชีวิต


แชร์

รู้จัก “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” ไม่ถึงตายแต่ทำลายคุณภาพชีวิต

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2800

รู้จัก “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” ไม่ถึงตายแต่ทำลายคุณภาพชีวิต

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือ Sleep Apnea เป็นหนึ่งในภาวะหยุดหายใจชั่วขณะที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ ซึ่งอาจเกิดจากการอุดตันของทางเดินหายใจชั่วคราวหรืออาจเกิดจากระบบประสาทก็ได้เช่นกัน

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจทำให้ผู้ป่วยตื่นกลางดึกพร้อมกับรู้สึกหายใจไม่ออกในกรณีรุนแรง แต่โดยส่วนมากจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่านอนหลับไม่เต็มอิ่มแม้จะนอนด้วยเวลาที่เพียงพอ เนื่องจากเกิดการหยุดหายใจบ่อยครั้ง ทำให้วงจรการนอนหลับถูกรบกวนจากการขาดออกซิเจนและการสะสมของคาร์บอนไดออกไซด์

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับมักเกิดจากการอุดตันของทางเดินหายใจ

ราวหนึ่งในสามของชีวิตของมนุษย์ถูกใช้ไปกับการนอนหลับ ทำให้การนอนเป็นหนึ่งในวัฏจักรชีวิตที่สำคัญยิ่งของมนุษย์ การนอนที่เพียงพอและมีคุณภาพ ทำให้ระบบประสาทได้พักผ่อน ซึ่งส่งผลต่อความจำและสติสัมปชัญญะ โรคที่ส่งผลต่อการนอนหลับส่วนใหญ่ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ทำให้คุณภาพชีวิต (Quality of Life) ด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญได้ เช่น ทำให้ง่วงนอนในเวลากลางวันมากขึ้น (Daytime Sleepiness) หรือทำให้รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา ไม่สามารถจดจ่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

งานวิจัยในหลายปีที่ผ่านมายังระบุด้วยว่าผู้ป่วยที่ขาดการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพเรื้อรังเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคในระบบอวัยวะอื่นมากขึ้น เช่น โรคหัวใจ โรคตับ และโรคความจำเสื่อม อีกด้วย

ภาวะหยุดหายใจมีหลัก ๆ อยู่ 2 ชนิด คือ Obstructive Sleep Apnea และ Central Sleep Apnea

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีอาการหลักคือการหยุดหายใจขณะหลับเป็นเวลาหลักวินาทีถึงหลักนาทีซ้ำ ๆ หลายรอบในการนอนหลับหนึ่งคืน แบ่งได้หลัก ๆ เป็น 2 ชนิด จากสาเหตุ คือ Obstructive Sleep Apnea (OSA) และ Central Sleep Apnea (CSA)

OSA เกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดตันของทางเดินหายใจ เนื่องจากการตีบตันหรือยุบตัวของทางเดินหายใจส่วนบน กล้ามเนื้อควบคุมทางเดินหายใจอ่อนแอ การหดตัวของทางเดินหายใจระหว่างการหายใจ และการควบคุมการหายใจที่ไม่เสถียร ปัจจัยการเกิด OSA หลัก ๆ คือ ภาวะน้ำหนักเกิน สรีระบริเวณคอที่อาจทำให้ทางเดินหายใจแคบ เช่น กรามและขากรรไกรมีขนาดเล็ก ลิ้นมีขนาดใหญ่ เป็นต้น

ส่วน CSA เกิดขึ้นเมื่อระบบประสาทควบคุมการหายใจทำงานผิดปกติ ทำให้สัญญาณกระตุ้นการหายใจไม่สม่ำเสมอและทำให้เกิดการหยุดหายใจชั่วขณะ

เด็กขณะกำลังทำ Sleep Study เพื่อตรวจหาโรคทางการนอนหลับ

ใน OSA เมื่อผู้ป่วยหยุดหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือดจะต่ำลง (Hypoxemia) ในขณะที่ระดับคาร์บอนไดออกไซด์จะสูงขึ้น (Hypercapnia) หากหยุดหายใจนานพอ ระบบควบคุมการหายใจในร่างกายซึ่งอ้างอิงระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดที่สูงขึ้นจะกระตุ้นให้ผู้ป่วยตื่นเพื่อป้องกันทางเดินหายใจ การสะดุ้งตื่นมักจะทำให้ทางเดินหายใจโล่งอีกครั้ง ผู้ป่วยจะหายใจเป็นปกติและกลับไปนอนหลับได้ อย่างไรก็ตามการนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ จะไปรบกวนวงจรการนอนและอาจทำให้การหลับแบบตาขยับไปมา (Rapid-eye Movement หรือ REM) ซึ่งเป็นส่วนของวงจรการหลับที่สำคัญถูกรบกวนได้ การนอนจึงไม่มีคุณภาพ

ใน CSA ร่างกายของผู้ป่วยควบคุมการหายใจผิดปกติ และอาจทำให้เกิดการหยุดหายใจชั่วขณะ เมื่อระดับคาร์บอนไดออกไซด์สูงพอ ระบบประสาทควบคุมการหายใจจะถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงจากระบบเฝ้าระวังระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด ทำให้ผู้ป่วยหายใจเฮือกอย่างรุนแรงด้วยอัตราการหายใจที่เร็วขึ้น เกิดเป็นภาวะหายใจเร็ว (Hyperventilation) ซึ่งมักจะรุนแรงเกินไปจนทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดต่ำเกินไป (Hypocapnia) ศูนย์ควบคุมการหายใจที่ตอบสนองต่อระดับคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหลักจึงหยุดทำงาน และทำให้หยุดหายใจอีกครั้ง เป็นวงจรระหว่างการหายใจเร็วและหยุดหายใจ (Cheyne-Stokes Respiration)

เครื่องช่วยหายใจแบบ CPAP ซึ่งใช้ในการป้องกันการหยุดหายใจขณะหลับ

การตรวจวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับค่อนข้างทำได้ยาก เนื่องจากจำเป็นต้องมีการตรวจจับการหยุดหายใจตลอดทั้งคืน มักทำได้โดยการตรวจการนอนหลับ ซึ่งเป็นการใส่อุปกรณ์ในการติดตามการนอนหลับ (Polysomnography) ประกอบไปด้วย อุปกรณ์ตรวจจับการหายใจ อุปกรณ์วัดชีพจร อุปกรณ์วัดค่าออกซิเจนในเลือด อุปกรณ์วัดการไหลของอากาศหายใจ อุปกรณ์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ อุปกรณ์วัดคลื่นไฟฟ้าสมอง และอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของตา เป็นต้น

ผู้ที่นอนกรนมีความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับมากขึ้น เนื่องจากการกรนเกิดจากการตีบตันของทางเดินหายใจ ทำให้เกิดเสียงขณะหายใจเมื่อนอนหลับ ท่านอนก็อาจส่งผลต่อการหดหรือขยายตัวของทางเดินหายใจด้วยเช่นกัน

วิธีการรักษาภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ คือการเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่นการลดน้ำหนัก หากต้นเหตุเกิดจากภาวะน้ำหนักเกิน ส่วนในผู้ที่มีสรีระที่ทำให้เกิดการตีบตันอาจแก้ด้วยการผ่าตัดเพื่อขยายทางเดินหายใจ

หนึ่งในวิธีการรักษาแบบพยุงอาการที่ดีที่สุดคือการใช้เครื่องช่วยหายใจขณะนอนหลับ หรือที่เรียกว่า CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) ซึ่งดันอากาศเข้าสู่ปอดของผู้ป่วยตลอดเวลาด้วยแรงดันบวก ซึ่งทำให้ทางเดินหายใจเปิดตลอดเวลาจากแรงดัน และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหยุดหายใจ แต่ CPAP เป็นเพียงการรักษาแบบพยุงอาการ ซึ่งช่วยป้องกันอาการจากการหยุดหายใจแต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ดังนั้นการรักษาให้หายขาดจึงขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับนั่นเอง

เรียบเรียงโดย 
โชติทิวัตถ์ จิตต์ประสงค์
Department of Orthopaedics & Traumatology
Faculty of Medicine
Chinese University of Hong Kong


อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS  

“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับหยุดหายใจขณะหลับภาวะหยุดหายใจชั่วขณะหยุดหายใจชั่วขณะSleep Apneaทางเดินหายใจอุดตันทางเดินหายใจนอนหลับวิทย์น่ารู้วิทยาศาสตร์น่ารู้วิทยาศาสตร์Thai PBS Sci And Tech Thai PBS Sci & Tech Science
Thai PBS Sci & Tech

ผู้เขียน: Thai PBS Sci & Tech

🌎 "รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก" ไปกับ Thai PBS Sci & Tech • วิทยาศาสตร์ • เทคโนโลยี นวัตกรรม • ดาราศาสตร์ • Media Literacy • Cyber Security • Tips & Tricks • Trends

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด