ย้อนกลับไปเมื่อ 72 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 27 กรกฎาคม 2496 เป็นวันที่มีการลงนามในสัญญาสงบศึกการสู้รบระหว่างเกาหลีเหนือ - เกาหลีใต้ อย่างเป็นทางการ สิ้นสุดการบาดหมางระหว่างคนในชาติเดียวกันที่ดำเนินการสู้รบมายาวนานกว่า 3 ปี ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามประมาณ 3 - 4 ล้านคน มีพลเรือนเสียชีวิตในสัดส่วนที่ใหญ่กว่าสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่มีการทำลายล้างมากที่สุด
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการลงนามในสัญญาสงบศึกกันแล้ว แต่สงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้น ไม่ได้ยุติลงอย่างเป็นทางการ เนื่องจากไม่ได้มีสนธิสัญญาสันติภาพยุติสงครามระหว่างกันแต่อย่างใด ดังนั้นสถานการณ์ระหว่าง 2 ประเทศในตอนนี้ ยังคงเป็นการตรึงกำลังบนเส้นแบ่งเขตแดน เส้นขนานที่ 38 และกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็น "เขตปลอดอาวุธ" (Demilitarized Zone) ที่มีทหารประจำการอย่างตึงเครียด
Thai PBS ขอนำพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปค้นหาต้นตอของสงคราม สำรวจบาดแผลทางประวัติศาสตร์และสงครามความขัดแย้งที่ยาวนาน เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมเส้นขนานที่ 38 ถึงยากที่จะบรรจบกันได้
ชาติที่ถูกแบ่งแยก จุดเริ่มต้นของสงคราม
ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน ปี 2488 สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลงอย่างเป็นทางการ จักรวรรดิญี่ปุ่นยอมรับความพ่ายแพ้ เกาหลีซึ่งในขณะนั้นยังไม่ได้ถูกแบ่งออกเป็นเหนือใต้ได้รับเอกราชจากการปกครองของญี่ปุ่น แต่ประเทศตกอยู่ในภาวะสูญญากาศ ทำให้สองมหาอำนาจผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต ได้ตกลงกันที่จะเข้ามาดูแลเกาหลี ซึ่งการเข้ามาในครั้งที่ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่จะเปลี่ยนเกาหลีไปตลอดกาล
สหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต ทั้ง 2 ประเทศ ถือเป็นประเทศมหาอำนาจทั้งคู่ และมีรูปแบบการปกครองที่แตกต่างกัน เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ พวกเขาจึงได้ใช้"เส้นขนานที่ 38" เป็นเส้นแบ่งเขตการดูแล โดยสหภาพโซเวียตจะดูแลพื้นที่ทางตอนเหนือ และสหรัฐอเมริกาจะดูแลพื้นที่ทางตอนใต้ แม้จะฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่เมื่อโลกเข้าสู่ยุคสงครามเย็นระหว่างสองมหาอำนาจ เส้นขนานที่ 38 กลับแปรสภาพกลายเป็นพรมแดนระหว่างสองอุดมการณ์ทางการเมือง ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สองเกาหลี สองอุดมการณ์ สองรูปแบบการปกครอง
หลังจากการแบ่งพื้นที่เข้าปกครองเกาหลีของสองมหาอำนาจ ด้วยระบอบการปกครองที่แตกต่างกัน ทำให้สหรัฐอเมริกามีความกังวลว่าโซเวียตจะให้เกาหลีปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ส่วนทางฝั่งโซเวียตก็ถ่วงเวลาไม่ยอมคืนอำนาจให้เกาหลีรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ความพยายามที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศเพื่อความเป็นเป็นเอกภาพในเกาหลีเกิดความล้มเหลว ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือการกำเนิดของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในปี พ.ศ. 2491
- สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea - ROK) หรือเกาหลีใต้ ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม โดยมี นายอี ซึง-มัน เป็นประธานาธิบดีคนแรก ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านคอมมิวนิสต์
- สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (Democratic People's Republic of Korea - DPRK) หรือเกาหลีเหนือ ก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน โดยมี นายคิม อิล-ซอง เป็นผู้นำสูงสุดภายใต้การสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์
ผู้นำของทั้งสองคนเกาหลีต่างมองว่าตนคือผู้ปกครองที่ชอบธรรม และต่างฝ่ายต่างก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะรวมชาติให้อยู่ภายใต้ระบอบการปกครองของตนเอง จึงมักจะมีการปะทะกันตามแนวชายแดนอยู่บ่อยครั้ง สร้างบรรยากาศแห่งความตึงเครียดที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
สงครามปะทุ การก้าวข้ามเส้นขนานที่ 38
ในเช้ามืดของ วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2493 ความตึงเครียดได้มาถึงจุดแตกหัก กองทัพของเกาหลีเหนือได้เคลื่อนทัพข้ามเส้นขนานที่ 38 บุกเข้าโจมตีเกาหลีใต้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งการบุกในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งยังมีกำลังพลและอาวุธที่ด้อยกว่า ทำให้ไม่สามารถต้านทานเกาหลีเหนือได้ ส่งผลให้กรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ถูกยึดครองภายในเวลาเพียง 3 วัน
การรุกรานของเกาหลีเหนือถูกมองว่าเป็นการขยายอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์โดยตรง สหรัฐอเมริกา จึงได้นำเรื่องนี้เข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จึงได้มีมติประณามการรุกรานและให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่เกาหลีใต้ ผ่านกองกำลังสหประชาชาติ ซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาและทหารจาก 16 ประเทศ จนสามารถผลักดันกองทัพเกาหลีเหนือกลับไปในพื้นที่ของตนเองได้
เขตปลอดทหาร สงบศึกแต่เพียงแค่ในนาม
สงครามดำเนินไปอย่างดุเดือด พลัดกันรุกพลัดกันรับเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2496 จากความพยายามของสหประชาชาติ ทำให้เกิดการลงนามในข้อตกลงสงบศึกเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามคำว่าสงบศึกเป็นเพียงแค่คำพูดลอย ๆ สันติภาพยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะทั้ง 2 ประเทศ ยังไม่สามารถหาทางออกด้านสันติภาพร่วมกันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับความเป็นประเทศของซึ่งกันและกัน
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการสร้างเขตกันชน (Buffer Zone) เพื่อป้องกันการปะทะกันโดยตรงระหว่างกองทัพเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ โดยให้ทั้งสองฝ่ายถอยร่นจากเส้นแบ่งเขตแดนที่แท้จริง ออกไปฝ่ายละ 2 กิโลเมตร จนได้พื้นที่ที่มีความกว้างรวม 4 กิโลเมตร และเรียกพื้นที่ที่เกิดขึ้นระหว่างแนวถอยร่นทั้งสองฝั่งนี้ว่า เขตปลอดทหาร Demilitarized Zone หรือ DMZ ภายในเขตนี้ ห้ามมีการติดตั้งอาวุธหนักหรือมีกำลังทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันการเกิดสงครามขึ้นอีก
ความพยายามหลังสงคราม ลากเส้นขนานให้มาบรรจบกัน
ในช่วงเวลา 72 ปีที่ผ่านมาหลังจากการลงนามในสัญญาสงบศึก มีความพยายามในสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกความพยามก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จเป็นไปตามเป้าประสงค์ สืบเนื่องมาจากรูปแบบการปกครองที่แตกต่างกัน จนไม่สามารถยอมรับระบอบของอีกฝ่ายได้ การควบรวมจำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยินยอมให้อีกฝ่ายเข้าปกครอง ผู้นำต้องยอมสละอำนาจ มหาอำนาจต้องยุติการแทรกแซง ไหนจะทัศนคติของคนเกาหลีรุ่นใหม่ ที่อาจไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันกับการรวมชาติเหมือนคนรุ่นก่อน ๆ และมองว่าการควบรวมกันจะสร้างปัญหามากกว่าการสร้างสันติภาพ เพราะที่ผ่านมาก็มีปัญหาประปรายเกิดขึ้นมาตลอด
โดยล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมา ก็มีรายงานเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของเกาหลีเหนือ ที่ได้มีการกำหนดชื่อเรียกเกาหลีใต้ให้เป็นรัฐศัตรูอย่างเป็นทางการ เป็นการตอกย้ำว่าเส้นทางสู่การรวมชาตินั้นอาจได้ปิดฉากไปลงแล้ว ทั้งสองชาติกำลังเดินไปในเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เส้นขนานที่ 38 ก็ยังคงเป็นเส้นขนานตลอดไป
ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีจากเครือ Thai PBS
- FLASHPOINT จุดร้อนโลก ตอน คาบสมุทรเกาหลี สงครามที่ไม่มีวันจบ
- พี่น้องทะเลาะกันไม่เลิก รอยร้าว "เกาหลี" ทำไม "รวมชาติ" ไม่ได้ ?
- ตัดสัมพันธ์! เกาหลีเหนือระเบิดถนนเชื่อมสองเกาหลี
- 75 ปีสงครามเกาหลี
อ้างอิง
- ทำไมแยกเกาหลีเหนือ-ใต้ กำเนิดเส้นขนานที่ 38 จากราชวงศ์โชซอน ถึงคิมอิลซองคุมโสมแดง, ศิลปวัฒนธรรม