แม้จะดูเป็นหนังสือสำหรับเด็ก แต่หลายคนมองว่า แท้จริงแล้ว ‘เจ้าชายน้อย’ คือหนังสือไว้ให้ผู้ใหญ่อ่านต่างหาก
เจ้าชายน้อย (The Little Prince หรือ Le Petit Prince) เป็นนวนิยายขนาดสั้นโดยอองตวน เดอ แซง-เต็กซูเปรี (Antoine de Saint-Exupéry) นักบินสงคราม นักบินไปรษณีย์ นักสำรวจ นักข่าว และนักเขียนชาวฝรั่งเศส ถึงจะเป็นนวนิยายฝรั่งเศส แต่เจ้าชายน้อยตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1943 ที่นครนิวยอร์ก
อย่างที่เราคงคุ้นเคยกัน เรื่องราวของเจ้าชายน้อยเริ่มต้นขึ้นเมื่อนักบินคนหนึ่งย้อนความถึงเหตุเครื่องบินตกกลางทะเลทรายซาฮาราเมื่อ 6 ปีก่อนหน้า เหตุการณ์นี้ทำให้เขา (อ้างว่า) ได้พบกับ ‘เจ้าชายน้อย’ จากดาว B612 จนเกิดการเรียนรู้ถึงความหมายของคำว่า ‘มิตรภาพ’ ด้วยเนื้อหาที่แสนเรียบง่าย แต่เปี่ยมอารมณ์และเข้าอกเข้าใจมนุษย์ ทำให้เจ้าชายน้อยกลายเป็น ‘เพื่อน’ ของคนทั่วโลก จนได้รับความนิยมและถูกแปลแล้วกว่า 587 ภาษา มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากพระคัมภีร์ไบเบิล

ผู้เขียนเองขอสารภาพตามตรงว่า ไม่ใช่แฟนคลับของเจ้าชายน้อยเสียเท่าไหร่เมื่อเทียบกับวรรณกรรมยุโรปอื่น ๆ ที่เคยร่ำเรียนหรืออ่านมา แต่หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้เขียนบทความนี้ ผู้เขียนก็ได้อ่านเจ้าชายน้อยอีกครั้งตอนนั่งเครื่องบินไปทำงานที่เสียมราฐ พร้อมศึกษาอัตชีวประวัติของแซง-เต็กซูเปรีคร่าว ๆ จนอดเห็นด้วยไม่ได้ว่า เจ้าชายน้อยคือหนังสือเด็กที่เขียนให้ ‘ผู้ใหญ่’ อ่านจริง ๆ
การตีความ ‘เจ้าชายน้อย’ ตั้งแต่เชิงปรัชญาชีวิตไปตนถึงจิตวิเคราะห์
ผู้อ่านทั่วโลกต่างตีความเจ้าชายน้อยแตกต่างกันไปตามมุมมองและประสบการณ์ แต่แทบทุกคนคงเห็นตรงกันว่า หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยคำถามเชิงปรัชญาและข้อคิดบางอย่างที่เราอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อหาคำตอบ ในสกู๊ปพิเศษของ France 24 เมื่อปี 2024 นาตาลี แพรงซ์ (Natalie Prince) อาจารย์วรรณกรรมประจำมหาวิทยาลัยเลอม็อง (Le Mans University) ได้พูดถึงคำถามสำคัญที่เจ้าชายน้อยทิ้งไว้ว่า “ทำไมโลกนี้มีผู้คนมากมาย แต่กลับมีความเป็นมนุษย์อยู่น้อยนิด ? (Pourquoi il y a-t-il tant d’hommes sur terre, et si peu d’humanité ?)”
เราคงตอบได้ว่า ‘ความเป็นมนุษย์’ เท่ากับ การมีจิตใจดี รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเคารพเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่บางที เราอาจหลงลืมไปว่า ‘จินตนาการ’ คือปัจจัยอย่างหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้มนุษย์เป็น ‘มนุษย์’ หากขาดจินตนาการไป เราคงไม่ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์หรือนวัตกรรมต่าง ๆ อย่างที่โลกมีในปัจจุบัน
แต่ในหนังสือเจ้าชายน้อย ‘พวกผู้ใหญ่ (les grandes personnes)’ กลับพรากจินตนการของนักบิน-คนเล่าเรื่องไปตั้งแต่เขาอายุ 6 ขวบ โดยบอกว่าเขาควรเลิกวาด ‘ภาพงูกินช้าง’ แล้วไปเอาดีด้าน “ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ และไวยากรณ์” แทนเสีย... โลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่ต่างกัน เด็กจำนวนไม่น้อยต้องรีบ “โตเป็นผู้ใหญ่” และขวนขวายหาความรู้ที่พวกผู้ใหญ่เห็นว่า “มีประโยชน์” ต่อวิชาชีพในอนาคต

ขณะที่ ‘พวกผู้ใหญ่’ มัวแต่หมกมุ่นกับการวัดผล ตัวเลข ความรู้ และความเป็นเหตุเป็นผล เจ้าชายน้อยคอยเตือนสติอยู่เสมอว่า บางครั้งเราต้องปล่อยให้ตัวเองได้จินตนาการบ้าง หากใครสักคนขอให้เราวาดแกะ แต่เรากลับวาดกล่องใบหนึ่งแล้วติ๊งต่างว่ามีแกะอยู่ในนั้น ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ประเด็นอยู่ที่ว่า จะมีใครสักคนหรือเปล่าที่เข้าใจเราเหมือนที่เจ้าชายน้อยมองเห็น ‘แกะในกล่อง’ ในภาพวาดของนักบิน-คนเล่าเรื่อง พูดอีกนัยหนึ่งคือ จินตนาการ ความเข้าใจ และมิตรภาพล้วนเกี่ยวโยงกัน แม้ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
Voici mon secret. Il est très simple : on ne voit bien qu’avec le cœur. L’essentiel est invisible pour les yeux. – นี่แหละความลับเรียบง่ายของฉัน เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยดวงตา [สุนัขจิ้งจอกพูดกับเจ้าชายน้อย – Le Petit Prince, หน้า 92]
ทั้งนี้ นอกเหนือจากข้อคิดชีวิต เจ้าชายน้อยก็ “ซ่อน” ประเด็นอื่น ๆ ไว้ด้วย เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม นักเขียนอย่างแซง-เต็กซูเปรี เคยอาศัยอยู่ที่มหานครต่าง ๆ ในหลายประเทศและเห็นตึกระฟ้าท่ามกลางมลพิษ เขาจึงพูดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้งพร้อมเสนอทางออก ในบทที่ 5 ของเจ้าชายน้อย เจ้าชายน้อยผมทองได้เล่าปัญหา ‘ต้นเบาบับ (baobabs)’ ที่อาจระบาดไปทั่วดาว B612 ดวงเล็ก ๆ ได้หากไม่กำจัดเสีย เขาจึงต้องถอนรากต้นเบาบับและทำความสะอาดดาวทุกเช้า “ทุกวันนี้ เจ้าชายน้อยกลายเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและการรักษาสิ่งแวดล้อมไปแล้วครับ” โอลิวิเยร์ ดาเกย์ (Olivier d’Agay) เหลนของแซง-เต็กซูเปรีและประธานมูลนิธิ Antoine de Saint-Exupéry Youth Foundation กล่าวกับ France 24
Quand on a terminé sa toilette du matin, il faut faire soigneusement la toilette de la planète. C’est un travail très ennuyeux, mais très facile. - เมื่อเราปลดทุกข์ยามเช้าเสร็จแล้ว ก็ต้องปลดทุกข์ทำความสะอาดให้ดาวด้วย เป็นงานที่น่าเบื่อสุด ๆ นะ แต่ก็ทำได้ง่ายมาก ๆ เลย [Le Petit Prince, หน้า 28]

หรือหากอ่านเจ้าชายน้อยในกรอบจิตวิเคราะห์ – ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับความปรารถนาส่วนลึกและเรื่องเพศ – จะพบว่านวนิยายเด็กเรื่องนี้มี ‘สัญลักษณ์ของเพศชาย’ อยู่มาก รศ.ดร.พิริยะดิศ มานิตย์ อาจารย์ภาษาฝรั่งเศส จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้วิเคราะห์ในบทความ ‘ข้อสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าด้วยงูของเจ้าชายน้อย’ ไว้ว่า ตัวละครนักบินมีปมจากวัยเด็กเกี่ยวกับ ‘การอวด (ภาพวาด) งู’ ที่พวกผู้ใหญ่คิดว่าเป็น ‘หมวก’ ซ้ำยังบอกให้เขาเลิกวาดงูแล้วไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่า ประหนึ่งกับเด็กผู้ชายที่กำลังเห่อกับของลับจนถูกผู้ใหญ่ตำหนิ เมื่อโตขึ้น เขาพยายามชดเชยปมในใจด้วยการขับ ‘เครื่องบิน’ และพยายามอวดว่าตัวเองได้เห็น ‘เจ้าชายน้อย’ จริง ๆ โดยมีภาพวาด รายละเอียด และจำนวนตัวเลขต่าง ๆ เป็นหลักฐานยืนยัน แม้แต่อุบัติเหตุ ‘เครื่องบินตก’ ก็อาจเชื่อมโยงกับการที่นักบิน ‘ซ่อน’ ภาพวาดงูไว้กับตัวเองมาตั้งแต่เด็กอีกด้วย
ไม่ว่าจะตีความไปในทางไหน เจ้าชายน้อยยังคงเป็นวรรณกรรมที่ดึงดูดใจคนอ่านเสมอ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ผลงานตัวบท ก็คือชีวิตของตัวผู้ประพันธ์เอง
‘เจ้าชายน้อย’ ลางบอกเหตุในชีวิตของ ‘อองตวน เดอ แซง-เต็กซูเปรี’ ?
ถ้าชีวิตของเจ้าชายน้อยเต็มไปด้วยการผจญภัยตามดวงดาว (อันอ้างว้าง) ต่าง ๆ ชีวิตของอองตวน เดอ แซง-เต็กซูเปรี ผู้ประพันธ์ ก็คงโลดโผนไม่ต่างกัน หลายคนคงทราบว่า ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่กับการบินและสงคราม และหลายคนคงเคยได้ยินว่า แซง-เต็กซูเปรีหายสาบสูญไประหว่างปฏิบัติภารกิจช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่หลายคนคงไม่รู้ถึงเรื่องราวที่ทำให้แซง-เต็กซูเปรีกลายเป็น ‘ปริศนา’ จนถึงทุกวันนี้

แซง-เต็กซูเปรี หรือ ‘แซง-เต็ก’ ลืมตาดูโลกในวันที่ 29 มิถุนายน 1900 ที่เมืองลียง (Lyon) ฝรั่งเศส ด้วยความหลงใหลในการบินและเครื่องบินตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพอากาศที่สตราสบูร์ก (Strasbourg) เมื่ออายุ 21 ปี เขามักจะดูสับสน ขาดวินัย และขี้หลงขี้ลืมแม้แต่ตอนจะบิน ทำให้ได้รับฉายา “คนขี้เหม่อ (Pique la lune หรือ space cadet)” ในปี 1926 แซง-เต็กซูเปรีเริ่มทำงานส่งไปรษณีย์ทางอากาศ 6 ปีต่อมา เขาได้เป็นนักข่าวสงครามให้หนังสือพิมพ์หลายหัว ทั้ง Marianne, Paris-Soir และ L'Intransigeant การเห็นผู้คนสู้รบประหัตประหารกันหลายปี ก็ทำให้เขารู้สึก “ประดังประเด” พอสมควร
Les hommes ne se respectent plus les uns les autres. On se fusille comme on déboise. – ผู้คนไม่เคารพซึ่งกันและกันอีกต่อไป เรายิงฟันกันเป็นผักเป็นปลา [Antoine de Saint-Exupéry ระหว่างทำข่าวสงครามกลางเมืองสเปนให้ L’Intransigeant เมื่อเดือน ส.ค. 1936]
การเป็นนักบินให้อะไรหลายอย่างแก่แซง-เต็กซูเปรี โอลิวิเยร์ ดาเกย์ ผู้เป็นเหลน คิดว่าทวดของเขา “รักในอิสรภาพ การมองเห็นโลกจากเบื้องบน และที่แน่นอนคือ โอกาสที่จะครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ” และประสบการณ์นักบินก็เป็นแรงบันดาลใจชั้นดีให้แซง-เต็กซูเปรีเขียนผลงานต่าง ๆ ออกมา ช่วงท้ายปี 1935 เขาเข้าร่วมการแข่งขันทดสอบสมรรถนะเครื่องบินและนักบินในเส้นทางปารีส-ไซ่ง่อน (หรือนครโฮจิมินห์ในปัจจุบัน) แต่เครื่องกลับตกกลางทะเลทรายแทบอียิปต์และลิเบีย โชคดีที่ชาวเบดูอินมาพบเข้า เขาจึงรอดชีวิตและบันทึกเรื่องราวไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติชื่อ ‘Terre des hommes’ รวมถึงอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เจ้าชายน้อยอีกด้วย
นอกจากอุบัติเหตุทางอากาศ คนใกล้ตัวก็น่าจะส่งอิทธิพลต่อแซง-เต็กซูเปรีระหว่างที่เขียนเจ้าชายน้อยอีกด้วย หากเจ้าชายน้อยมีดอกกุหลาบของตัวเองบนดาว B612 กอนซูเอโล (Consuelo de Saint-Exupéry) ก็เป็นดอกไม้ในชีวิตจริงของแซง-เต็กซูเปรีแม้ว่าตัวเขาจะเจ้าชู้และสร้างวีรกรรมเก่งก็ตาม นอกจากนี้ การสูญเสียฟรองซัวส์ (François) น้องชายคนสนิทช่วงวัยรุ่น ก็น่าจะเป็นปมในใจที่ทำให้แซง-เต็กซูเปรี เขียนผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา

ไม่นานจากนั้น แซง-เต็กซูเปรีก็กลับไปบินให้กองทัพอีกครั้ง แม้ร่างกายจะบอบช้ำและอายุเยอะแล้ว แต่เขามีเส้นสายกับชาวอเมริกันจนได้ไปปฏิบัติภารกิจบินลาดตระเวนทางตอนใต้ของฝรั่งเศส แต่ 31 กรกฎาคม 1944 เครื่องบินของแซง-เต็กซูเปรีก็ขาดการติดต่อ และไม่มีใครเคยพบร่างของเขาอีกเลย ที่บังเอิญก็คือ แซง-เต็กซูเปรีหายตัวไป 1 ปีหลังจากหนังสือเจ้าชายน้อยตีพิมพ์ในปี 1943 เท่ากับระยะเวลา 1 ปีพอดีที่เจ้าชายน้อยอยู่บนโลกก่อนกลับดาว B612 [Le Petit Prince, หน้า 107-108]
ยิ่งไปกว่านั้น นาตาลี แพรงซ์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเลอม็อง ยังระบุด้วยว่า ในต้นฉบับร่างแรกของเจ้าชายน้อย จะเห็นพระอาทิตย์ตกจากดาว B612 ได้ 43 ครั้ง แต่แซง-เต็กซูเปรีเปลี่ยนเป็น 44 ครั้งในร่างสุดท้ายที่เราได้อ่านกันในบทที่ 6 หน้า 33 ของ Le Petit Prince เท่ากับอายุของแซง-เต็กเตซูเปรีตอนที่หายตัวไป แพรงซ์จึงกล่าวว่า หากเรามองเจ้าชายน้อยเป็นหนังสืออัตชีวประวัติของแซง-เต็กซูเปรี “ก็ถือเป็นอัตชีวประวัติที่ไม่เหมือนใครและไปสุดทาง ที่ไม่ได้เล่าแค่เรื่องของผู้แต่งเท่านั้น แต่รวมถึงการเสียชีวิตของเขาด้วย”
Tu sais… quand on est tellement triste on aime les couchers de soleil. - นายรู้ไหม... ตอนที่เราเศร้า เราจะรักพระอาทิตย์ตกดิน [เจ้าชายน้อยพูดกับนักบิน]
Le jour de quarante-quatre fois, tu étais donc tellement triste ? - ตกวันหนึ่ง 44 ครั้ง เธอคงจะเศร้าจริง ๆ สินะ [นักบินถามเจ้าชายน้อยกลับ]
ช่วงปี 1998-2008 ปริศนาการหายสาบสูญของแซง-เต็กซูเปรีก็กระจ่างขึ้น เริ่มจากชาวประมงคนหนึ่งพบกำไลข้อมือสลักชื่อผู้แต่งเจ้าชายน้อยติดแหใกล้เมืองมาร์เซย์ (Marseille) ต่อมา ก็ค้นพบซากเครื่องบินในบริเวณเดียวกันแต่ระบุสาเหตุการตกไม่ได้ และปิดท้ายด้วยข้อมูลจากฮอร์สต์ ริปเพิร์ต (Horst Rippert) อดีตทหารอากาศเยอรมันที่อาจเป็นคนยิงเครื่องบินของแซง-เต็กซูเปรีตก

โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่า เรื่องราวของเจ้าชายน้อยและอัตชีวประวัติของแซง-เต็กซูเปรีสะท้อนนิยามของคำว่า ‘ชีวิต’ ได้ไม่มากก็น้อย ชีวิตมนุษย์มีทั้งสุข เศร้า (อาจหนักไปสักหน่อย) น่าเบื่อ ตื่นเต้น สมหวัง และสูญเสีย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราทุกคนควรมีเพื่อนสักคนไว้ใกล้ตัว รักษาจินตนาการเอาไว้ในหัวใจ และใช้เวลาบนโลกใบนี้ให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อตัวเองและคนที่เรารัก
รู้จักวัฒนธรรม ‘ฝรั่งเศส’ ให้มากขึ้นกับเนื้อหาจาก Thai PBS NOW
- “ความรัก” ที่ไม่ได้หอมหวานเสมอไปใน “ปรัชญาฝรั่งเศส”
- ‘Mai 68’ การประท้วงเดือนพฤษภาคม 1968 ที่เปลี่ยน ‘ฝรั่งเศส’ ไปตลอดกาล
- ถอดรหัสคำศัพท์ ‘รัฐประหาร (coup d'État)’ ก่อนดู Soundtrack to a Coup d'Etat
อ้างอิง
- Antoine de Saint-Exupéry (1900-1944), Gallimard
- Cinq choses à savoir sur Antoine de Saint-Exupéry, mort pour la France il y a quatre-vingts ans, Franceinfo Culture
- Le Petit Prince [Antoine de Saint-Exupery, auteur], Folio Junior - Gallimard
- Remembering Antoine de Saint-Exupéry, France's flying storyteller, France 24 English [Video, YouTube]
- ข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ ว่าด้วย 'งู' ของเจ้าชายน้อย, เรื่องใต้บรรทัด : ว่าด้วยการตีความศิลปะและวรรณกรรมฝรั่งเศสผ่านแนวคิดจิตวิเคราะห์ [พิริยะดิศ มานิตย์, เขียน], สำนักพิมพ์สมมติ
เล่าอดีต บันทึกปัจจุบัน รอบรู้ทุกวัน กับ Thai PBS On This Day: www.thaipbs.or.th/OnThisDay
