‘รัฐประหาร’ คือศัพท์ที่สำคัญคำหนึ่งในแวดวงการเมือง เป็นคำนาม หมายถึง “การใช้กำลังเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาลโดยฉับพลัน” ส่วนภาษาอังกฤษนั้นใช้คำว่า ‘coup d'État’ ซึ่งดูอ่านยากและแปลกตาไม่น้อย
หากให้อธิบายเร็ว ๆ ภาษาอังกฤษยืมคำว่า coup d'État จากภาษาฝรั่งเศสมาตรง ๆ ถ้าอ่านสำเนียงฝรั่งเศส จะอ่านได้ว่า ‘กู-เด-ตา’ โดยที่ตัว p ไม่ออกเสียง ขณะที่ภาษาอังกฤษจะออกเสียงต่างออกไปเล็กน้อยว่า ‘คู-เด-ตา’ หรือบางทีก็เรียก ‘coup (คู)’ สั้น ๆ ทั้งนี้ คำว่า coup d’État หรือรัฐประหารในภาษาอื่น ๆ ก็มีความคล้ายคลึงกัน อีกทั้งยังเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของสารคดี ‘Soundtrack to a Coup d'Etat’ ซึ่งเล่าถึงเอกราชบนเส้นด้ายและแผนการ “รัฐประหาร” ในดีอาร์คองโก (DR Congo) ช่วงทศวรรษที่ 1960

สารพัดศัพท์ ‘รัฐประหาร/coup d'État’ ในหลากหลายภาษา
คำว่า coup d'État หรือรัฐประหารในภาษาฝรั่งเศสนั้น ประกอบด้วย 3 คำย่อย คำแรกคือ ‘coup’ ที่เป็นคำนาม แปลว่า การโจมตี, การตี, การปะทะ ส่วน d' มาจาก ‘de’ ซึ่งเป็นคำบุพบทบ่งบอกความเป็นเจ้าของหรือที่มา เมื่อชนกับคำที่ขึ้นต้นด้วยสระ (A, E, I, O, U) จึงถูกลดรูปเป็น d' และ ‘État’ หมายถึงรัฐ
นอกจากภาษาอังกฤษ ยังมีอีกหลายภาษาที่ทับศัพท์ coup d'État ตรง ๆ และอ่านออกเสียงว่า ‘กู/คู-เด-ตา’ เช่น
- ภาษาญี่ปุ่น: クーデター
- ภาษาเกาหลี: 쿠데타
- ภาษาอินโดนีเซีย: kudeta
- ภาษาตากาล็อก: kudeta
- ภาษาเปอร์เซีย: کودتا
- ภาษานอร์เวย์: Kupp (อ่านว่า คูปป์)
บางภาษานั้นประกอบศัพท์เรียงตามโครงสร้างเหมือนภาษาฝรั่งเศส (คำนาม-คำบุพบท-คำนาม) ส่วนมากจะเป็นกลุ่มภาษาโรแมนซ์ ได้แก่
- ภาษาสเปน: golpe de estado
- ภาษาโปรตุเกส: golpe de estado
- ภาษาอิตาเลียน: colpo di stato
- ภาษาอัสตูเรียส: golpe d'estáu
- ภาษาโรมาเนีย: lovitură de stat
บางภาษาสร้างศัพท์แบบสมาสและพลิกกลับ (inversion) จากภาษาฝรั่งเศส โดยย้ายคำว่า ‘รัฐ’ มาอยู่ข้างหน้า เช่น
- ภาษาเดนิช: Statskup
- ภาษาเยอรมัน: Staatsstreich
- ภาษาดัตช์: Staatsgreep
- ภาษาไทย: รัฐประหาร
ไม่เพียงแต่ภาษาฝรั่งเศสจะแฝงอยู่ในคำศัพท์ ‘coup d'État’ ในภาษาต่าง ๆ ประเทศฝรั่งเศสเองก็ผ่านกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากมายจนส่งอิทธิพลไปทั่วโลก รวมถึงแนวคิดการรัฐประหาร
พัฒนาการความหมายของคำว่า ‘coup d'État’ และการรัฐประหารในฝรั่งเศส
แม้จะไม่ระบุชัดเจนว่าศัพท์ coup d'État ถูกใช้ครั้งแรกจริง ๆ เมื่อใด แต่ความหมายของคำว่า ‘รัฐประหาร’ ในฝรั่งเศสเมื่อหลายร้อยปีก่อนอาจจะไม่ได้เหมือนกับความหมายของคำว่า ‘รัฐประหาร’ แบบที่คนทั่วโลกเข้าใจในปัจจุบัน ปี ค.ศ. 1617 พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 (Louis XIII) ทรงยึดอำนาจจากมารี เดอ เมดิซิส (Marie de Médicis หรือ Maria de' Medici ในชื่ออิตาเลียน) พระราชมารดาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มานาน 7 ปี จึงมีการกล่าวว่า การ “รัฐประหาร” ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 เกิดขึ้น เพื่อ “รักษาความชอบธรรมและอำนาจของกษัตริย์ (s’affirmer l’autorité monarchique)”
อย่างไรก็ตาม หลังการปฏิวัติฝรั่งเศสปี ค.ศ. 1789 (Révolution française) คำว่า coup d'État นั้นเริ่มมีความหมายเชิงลบเพื่อกล่าวถึงการกระทำที่ทำให้การบริหารประเทศไม่ต่อเนื่องจากผู้มีอำนาจ ขณะที่การปฏิวัตินั้นเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่นำโดยมวลชน ในปี ค.ศ. 1799 นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoléon Bonaparte) ทำการรัฐประหารและเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นแบบ ‘Consulat’ ก่อนที่ 5 ปีถัดมานโบเลียนจะพาฝรั่งเศสเข้าสู่ยุค “จักรวรรดิที่หนึ่ง (Premier Empire)” และตั้งตนเป็น ‘จักรพรรดินโปเลียน’

หรือในปี ค.ศ. 1851 หลุยส์-นโปเลียน โบนาปาร์ต (Louis-Napoléon Bonaparte) ผู้เป็นหลานของจักรพรรดินโปเลียน ได้รัฐประหารตัวเองขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐที่สอง (Second Empire) เพื่อรักษาอำนาจ จนรื้อฟื้นระบอบจักรวรรดิขึ้นมาใหม่ (Second Empire) และสถาปนาตัวเองเป็น ‘จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 (Napoléon III)’ วิกตอร์ อูโก (Victor Hugo) นักปรัชญาและผู้ประพันธ์ ‘เหยื่ออธรรม (Les Misérables)’ ได้กล่าวหาว่านโปเลียนที่ 3 เป็นกบฏต่อชาติ ยิ่งเวลาผ่านไป การรัฐประหารทั่วโลกก็ยิ่งเกี่ยวข้องกับการใช้กำลังและทางลัดมากขึ้น การรัฐประหารจึงมักถูกมองว่า “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (acte illégitime)” และขัดขวางประชาธิปไตย

บทเพลงบรรเลงรัฐประหารใน ‘ดีอาร์คองโก’ และเอกราชอันบอบบางของแอฟริกา
เมื่อเอ่ยคำว่า ‘รัฐประหาร’ หลายคนคงนึกถึงทหาร รถถัง และเวลาเคอร์ฟิว แต่ย้อนกลับไปช่วงปี ค.ศ. 1960-1961 แผนการ ‘รัฐประหาร’ ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นใน ‘ดีอาร์คองโก’ หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (Democratic Republic of the Congo) ท่ามกลางความหวังในการก่อตั้งประเทศและการต่อสู้ของคนผิวดำทั่วโลก
ปี ค.ศ. 1960 เจ้าอาณานิคมต่าง ๆ ทยอยมอบเอกราชกลับคืนให้แก่ประเทศในทวีปแอฟริกา และสหประชาชาติ (UN) ได้โอบรับ 16 ประเทศแอฟริกันให้เข้ามาเป็นสมาชิก ในโมงยามแห่งการปลดแอกนี้ แนวคิดเกี่ยวกับขบวนการแอฟริกา (Pan-Africanism) กับ “สหรัฐแอฟริกา (United States of Africa)” ก็เบ่งบานขึ้น ตอนนั้น ดีอาร์คองโกมีบทบาทสำคัญประจำภูมิภาค เนื่องจากตั้งอยู่ใจกลางแอฟริกา ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติมูลค่ากว่า 24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งเกิดความตื่นตัวทางการเมืองอย่างมาก จนมีคำกล่าวที่ว่า “หากทวีปรูปทรงของแอฟริกาเหมือนปืน ดีอาร์คองโกก็เป็นไกปืนพร้อมยิง” ที่พร้อมจุดทุกกระแสในทวีปนี้

อย่างไรก็ตาม เอกราชและความมั่นคงของประเทศแอฟริกาก็สั่นสะเทือนตั้งแต่แรกเริ่มจากการแข่งขันระหว่าง “โลกเสรี” ภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกาและ “โลกคอมมิวนิสต์” ที่มีม่านเหล็กอย่างสหภาพโซเวียตหนุนนำ แต่อนาคตของดีอาร์คองโกนั้นถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เบลเยียม – เจ้าอาณานิคมเก่าของดีอาร์คองโก – และอเมริกาจับมือกันเพื่อหาทางเข้าถึงยูเรเนียมในประเทศนี้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้นำมาสู่แผน “รัฐประหาร” และ “สังหาร”นายกรัฐมนตรีคนแรกของดีอาร์คองโก ปาทริช ลูมุมบา (Patrice Lumumba) ในปี ค.ศ. 1961

ความตายของลูมุมบาได้จุดประกายให้แอบบีย์ ลินคอล์น (Abbey Lincoln) ศิลปินแจ๊สเชื้อสายแอฟริกานำกลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าไปในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และประณามว่าเบลเยียมคือ “ฆาตกร” เหตุการณ์นี้กลายเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งของสารคดี Soundtrack to a Coup d’Etat (บทเพลงบรรเลงรัฐประหาร) ซึ่งได้ชิงรางวัลสารคดียอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ครั้งล่าสุด (ครั้งที่ 97)

ไม่เพียงแต่ Soundtrack to a Coup d’Etat จะรวบรวมบทสัมภาษณ์และฟุตเทจยุคสงครามเย็นจำนวนมหาศาลไว้ แต่ยังนำเสนอความเกี่ยวพันระหว่าง ‘เพลงแจ๊ส’ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของแอฟริกา และการรัฐประหารจากคนนอกในดีอาร์คองโก จนอาจช่วยอธิบายได้ว่า ทำไมประชาธิปไตยและความหวังจึงเป็นสิ่งบอบบางมาโดยตลอด
ชมสารคดี Soundtrack to a Coup d’Etat ได้แล้วที่ VIPA ทางเว็บไซต์ vipa.me และแอปพลิเคชัน VIPA บน iOS, Android และ Smart TV ที่รองรับ
ย้อนรอยเรื่องราวรัฐประหารรอบโลกกับบทความจาก Thai PBS NOW
- 33 ปี รัฐประหาร รสช. ศึกชิงอำนาจที่นำไปสู่ “พฤษภาทมิฬ”
- ร้อยเรียงไทม์ไลน์ เรียบเรียงเหตุการณ์สมรภูมิสู้รบ “ซูดาน”
- 4 ปีรัฐประหารเมียนมา ความสูญเสียทางสังคม-เศรษฐกิจ ผู้อพยพทะลักเข้าไทย
อ้างอิง
- Le coup d’État, un joker politique made in France, Challenges
- Naissance d’une notion : le coup d’État, Revue Française d'Histoire des Idées Politiques, 56(2)
- The Real Story Behind Patrice Lumumba’s Assassination, The New Yorker
- Quelques considérations sur la fonction et la théorie du coup d'État, Rue Descartes, 77(1)
- Wordreference
- ราชบัณฑิตยสถาน