ในช่วงเดือนแห่งความรักความผูกพันที่มีต่อกันระหว่างแม่กับลูก สิ่งหนึ่งที่เราระลึกหวนนึกถึงก็คือเสียงของแม่ที่คอยปลอมปะโลมความรู้สึกทำให้เราสบายใจ ผ่านบทเพลงอันไพเราะที่สร้างความอบอุ่นจนคล้อยหลับไปได้แบบไม่รู้ตัว เสียงและท่วงทำนองแห่งความรักเหล่านี้มีชื่อเรียกที่เราคุ้นเคยว่าเพลงกล่อมเด็กนั่นเอง
Thaipbs ขอชวนผู้อ่านทุกคนไปทำความรู้จักกับเพลงกล่อมเด็ก 4 ภาค ของประเทศไทย ที่มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค เสน่ห์ของการใช้เสียงที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ บทเพลงที่หลอมรวมสังคม ความเชื่อ ประเพณี เรื่องเล่า ไว้ในเนื้อร้อง บอกเล่าผ่านท่วงทำนองแห่งความรักจากแม่สู่ลูก
ความรักของแม่ ถูกส่งต่อผ่านเพลงกล่อมเด็ก
เพลงกล่อมเด็ก สันนิษฐานว่ามีวิวัฒนาการมาจากการเล่านิทานให้เด็กฟังก่อนนอนในรูปแบบของบทร้อยกรองที่ไม่มีแบบแผนตายตัว อาศัยเพียงการสัมผัสคล้องจองและถ้อยคำที่เรียบง่ายเพื่อให้เด็กได้ฟังอย่างเพลินเพลิน โดยเนื้อหาของเพลงกล่อมเด็กมักสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนท้องถิ่น วัฒนธรรม ประเพณี สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ รวมไปถึงการสอดแทรกคำสอน คติเตือนใจ และการแสดงออกถึงความรักความห่วงใยที่มีต่อลูกน้อย
เพลงกล่อมเด็กจึงมีคุณค่ามากกว่าการใช้ขับกล่อมลูกน้อย เป็นทั้งกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนภาพสังคมไทยในอดีต และเป็นเครื่องมือสื่อสารทรงพลังในการสร้างสายใยความผูกพันจากแม่สู่ลูก เป็นการปลูกฝังทางภาษาและวัฒนธรรมให้กับเด็กรุ่นใหม่ตั้งแต่ยังไม่รู้ความ
นอกจากนี้บทเพลงที่เกิดขึ้นในแต่ละภูมิภาคก็มีความแตกต่างทางถ้อยคำ การออกเสียง และสำนวนภาษาที่แสดงถึงสำเนียงท้องถิ่น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จึงได้หล่อมรวมกันเป็น เพลงกล่อมเด็กแบบไทยๆ ที่มีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
เพลงกล่อมเด็กภาคเหนือ
เพลงกล่อมเด็กของภาคเหนือ เรียกกันในภาษาเหนือว่า “เพลงอื่อลูก” หรือ “อื่อจาจา” เป็นคำพูดที่มักจะเปล่งออกมาตอนขึ้นต้นเพลงด้วยท่วงทำนองที่เนิบช้า นุ่มนวล เคลิบเคลิ้ม ชวนให้เด็กหลับไปได้ง่าย เนื้อหาโดยส่วนมากแล้วจะเป็นการพรรณนาถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การใช้ชีวิต พร้อมไปกับชักจูงให้เด็กนอนหลับ ด้วยการปลอบประโลม เช่น
อื่อ...จา...จา...
บ่าหล้าหลับสองตา อี่ป้อไปนานอกบ้าน
ไปเก็บบ่าส้านใส่ป๊ก ไปเก็บลูกนกใส่ส้า
ตั๋วหนึ่งไว้ส้ากิ๋นงาย ตั๋วหนึ่งไว้ขายกิ๋นเจ้า
ตั๋วหนึ่งไว้ขายแลกข้าว ตั๋วหนึ่งก๋ำเจ้า
ความหมาย: เนื้อเพลงพูดถึงวิถีชีวิตในแต่ละวันของของพ่อที่ออกจากบ้านไปหาอาหาร ผ่านการบอกเล่าด้วยการขับกล่อมของแม่ เริ่มจากการที่พ่อออกจากบ้านจะไปทำนา ไปเก็บลูกส้าน (ผลไม้ป่าชนิดนึง ใช้ทำกับข้าวได้) ไปเก็บลูกนกใส่ตระกร้า เอามาทำส้า (ยำแบบภาคเหนือ) ตัวหนึ่งไว้ขายเอาเงินมาซื้อข้าว ตัวหนึ่งเก็บไว้ให้ลูกเล่น ร้องวนไปเรื่อย ๆ จนลูกน้อยยอมหลับ
เพลงกล่อมเด็กภาคอีสาน
เพลงกล่อมเด็กของภาคอีสาน หรือเพลงก่อมลูก (ออกเสียงตามภาษาอีสาน) มักขึ้นต้นด้วยคำว่า "นอนสาเด้อ" หรือ "นอนสาหล่า" เป็นคำเชิญชวนให้ลูกนอนหลับ มีทำนองที่เป็นกันเอง เรียบง่าย เนิบช้า แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่มีความอบอุ่น เนื้อหาของเพลงมักสะท้อนภาพชีวิตความเป็นอยู่ในขนาดนั้น และสิ่งที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน เช่น การทำนา ทำไร่ เก็บผัก จับปลา สานกระด้ง สอดแทรกด้วยสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ฝนตก แดดออก ฟ้าครึ้ม เช่น
นอนเด้อหล่าหลับตาเเม่สิกล่อม เจ้าบ่นอน บ่ไห้กินกล้วย
เเม่ไปห้วย หาซ่อนปลาปู เก็บผักติ้ว มาไส่เเกงเห็ด
ไปไส่เบ็ดเอาปลาข่อใหญ่ อย่าร้องให้เเมวโพงสิจ๊กตา
เจ้านอนซ่าเเมวโพงสิจ๊กหำ เจ้านอนค่ำแมวโพงสิจ๊กก้น
ความหมาย: เนื้อเพลงบอกเล่าถึงภารกิจของพ่อและแม่ที่ต้องออกไปทำงานในไร่นาเพื่อหาอาหารมาให้ลูก เป็นการสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องพึ่งพิงธรรมชาติ หาปลา เก็บผัก ทำอาหาร คล้ายกับของภาคเหนือ แต่ในช่วงท้ายมีการนำ “แมวโพง" (แมวผี หรือ แมวตัวผู้โตเต็มไว) มาขู่เพื่อให้เด็กยอมนอน เป็นกลเม็ดของผู้ใหญ่เหมือนกับตุ๊กแกกินตับ คำขู่ที่มาจากความรักและความปรารถนาดี อยากให้นอน ให้ได้พักผ่อน
เพลงกล่อมเด็กภาคกลาง
เพลงกล่อมเด็กภาคกลางมีความหลากหลายและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงเป็นเพลงกล่อมเด็กที่คุ้นหูกันมากที่สุด มักขึ้นต้นด้วยการเอ่ยชื่อสัตว์หรือสถานที่สิ่งต่างๆ รอบตัว เนื้อหามีทั้งการเล่านิทาน เปรียบเปรย ผ่านการใช้คำที่เรียบง่ายและคล้องจองกัน โดยนำเรื่องราวจากธรรมชาติ หรือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแต่งเป็นเพลง บอกเล่าถึงความรัก และการแสดงความห่วงใยผ่านเรื่องราวในบทเพลง เช่น
นกเขากาเหว่าลายเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก
แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทร
คาบเอาข้าวมาเผื่อ ไปคาบเอาเหยื่อมาป้อน
ถนอมไว้ในรังนอน ซ่อนเหยื่อมาให้กิน
ปีกเจ้ายังอ่อนคลอแคล ท้อแท้จะสอนบิน
แม่กาพาไปกิน ที่ปากน้ำพระคงคา
ความหมาย: เนื้อหาของเพลงนี้เปรียบได้กับนิทานของ "นกกาเหว่า" ที่แอบไปไข่ทิ้งไว้ในรังของ "แม่กา" แม่กาที่ไม่รู้ความจริงก็เลี้ยงดูลูกนกกาเหว่าด้วยความรักใคร่ประดุจลูกของตนเอง สะท้อนถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ที่ไม่มีเงื่อนไข แม้จะไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด แต่ก็พร้อมที่จะมอบความรักความอบอุ่นและเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นการสอนให้เด็กรู้จักความกตัญญูและเห็นถึงความเสียสละของผู้เป็นแม่
เพลงกล่อมเด็กภาคใต้
เพลงกล่อมเด็กภาคใต้ ในภาษาใต้เรียกว่า “เพลงชาเรือ” หรือ “เพลงชาน้อง” โดยคำว่า ชา มาจากคำว่าบูชา เพลงชาเรือ หมายถึงเพลงที่สดุดีบูชาแม่ย่านางเรือ ส่วนเพลงชาน้อง หมายถึงการสดุดีแม่ซื้อ หรืออาจเป็นเพลงที่มีเนื้อหาสนุกสนานตามสไตล์คนใต้ที่เป็นคนรักสนุก เปรียบเทียบชีวิตความเป็นอยู่ผ่านเนื้อเพลงและอารมณ์ขัน โดยมักขึ้นต้นด้วยการเอื้อนเสียง ฮา เอ้อ เช่น
ฮา...เอ้อ...ไก่เถื่อนเหอ ขันเทือนทั้งบ้าน
ลูกสาวขี้คร้าน นอนให้แม่ปลุก
แม่ฉวยด้ามขวาน แยงวานดังพลุก
นอนให้แม่ปลุก ลูกสาวขี้คร้าน
ความหมาย: เนื้อเพลงเริ่มต้นด้วยเสียงเอื้อนที่เป็นเอกลักษณ์แบบภาคใต้ แล้วทำการเปรียบเทียบเปรียบเปรยเสียงร้องของไก่เถื่อน (ไก่ป่า) ที่ดังมาก ดังจนบ้านสะเทือน แต่ลูกสาวขี้เกียจก็ยังคงนอนอยู่ ต้องให้แม่มาปลุก จบแม่ต้องหยิบด้ามขวานมาทิ่มลูกสาวถึงจะยอมตื่น จะเห็นได้ถึงความสนุกสนานของเนื้อเพลงผสานกับชีวิตความเป็นอยู่ได้อย่างลงตัว
จะเห็นได้ว่าเพลงกล่อมเด็กทั้งสี่ภาคของไทยจึงมิใช่เป็นเพียงท่วงทำนองที่ขับกล่อมให้เด็กหลับใหล แต่เป็น "อ้อมกอดทางวัฒนธรรม" ที่โอบอุ้มจิตวิญญาณของความเป็นไทยเอาไว้ เป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ บอกเล่าวิถีชีวิต และถักทอสายใยรักในครอบครัวให้แน่นแฟ้น แม้ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่คุณค่าและความงดงามของเพลงกล่อมเด็กยังคงตราตรึงและสมควรแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป
จะเห็นได้ว่าเพลงกล่อมเด็กทั้งสี่ภาคของไทยเป็นมากกว่าแค่เสียงเพลงที่ขับกล่อมให้หลับใหล แต่คือการแปลง "ความรักของแม่" ให้กลายเป็นท่วงทำนองที่จับต้องได้ ในทุกถ้อยคำที่ร้องออกมา ไม่ว่าจะเป็นการบอกเล่าวิถีชีวิต คำอวยพร หรือคำขู่ที่แฝงความห่วงใย ล้วนแล้วแต่เป็นเสียงสะท้อนจากหัวใจที่ปรารถนาให้ลูกปลอดภัยและเติบโตอย่างแข็งแรง สร้างสายใยแห่งความผูกพันอันลึกซึ้งที่แม่มีต่อลูก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเพลงเหล่านี้ถึงได้ติดอยู่ในใจตราบนานเท่านาน
ติดตามเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรักที่มีแม่มีต่อลูก
- รู้จัก “วันแม่” และ “ภาษาบอกรักแม่” ทั่วโลก
- รวมไอเดียเขียน “เรียงความวันแม่”
- ทำไมคำว่า 'แม่' และ 'วันแม่' รอบโลกถึงคล้ายกัน ?
- “พ่อแม่เอเชีย” และความหวังดีอันแสนซับซ้อน
อ้างอิง
- เพลงกล่อมเด็ก มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน