ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“วัคซีนพิษสุนัขบ้า” ต้องฉีดเฉพาะคนโดนหมากัดหรือเปล่า?


วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

จิราภพ ทวีสูงส่ง

แชร์

“วัคซีนพิษสุนัขบ้า” ต้องฉีดเฉพาะคนโดนหมากัดหรือเปล่า?

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3012

“วัคซีนพิษสุนัขบ้า” ต้องฉีดเฉพาะคนโดนหมากัดหรือเปล่า?

จากกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้สั่งการรับมือ “พิษสุนัขบ้า” ใน จ.สมุทรปราการ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังสำนักงานปศุสัตว์อำเภอบางพลี ประกาศเขตโรคระบาด โดยจากข้อมูลในปี 2568 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 7 คน ในพื้นที่ 6 จังหวัด จึงต้องเร่งให้ความรู้ประชาชน ลดความตื่นตระหนก ดังนั้น Thai PBS และ Thai PBS Sci & Tech จึงขอนำความรู้ว่าการ “ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า” นั้นต้องฉีดเฉพาะคนโดนหมากัดหรือเปล่า พร้อมทั้งเรื่องน่าสนใจที่เกี่ยวข้องมาให้ได้ทราบกัน

ชวนรู้จักโรคพิษสุนัขบ้า

นศภ.ชัญญา ปุริมาพันธ์ ภายใต้คำแนะนำของ รศ. ดร.ภก.กฤษณ์ ถิรพันธุ์เมธี ได้ให้ความรู้ไว้ว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นการติดเชื้อทางระบบประสาทที่เกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ (rabies) ที่ระยะฟักตัวก่อนที่จะแสดงอาการโดยทั่วไปใช้เวลา 2-3 เดือน และอาจจะมีระยะเวลาสั้นกว่านั้น ขึ้นกับบริเวณที่ได้รับเชื้อและปริมาณเชื้อไวรัสเรบีส์ที่ได้รับ อาการของโรคพิษสุนัขบ้าจะแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่

     1. ระยะแรกซึ่งอาการแสดงไม่จำเพาะ เช่น ไข้ เจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดและชาบริเวณตำแหน่งที่สัมผัสเชื้อ

     2. ระยะที่มีอาการแสดงทางประสาท เช่น วิตกกังวล กระสับกระส่าย กล้ามเนื้อกระตุกขณะกลืน หรือถูกกระตุ้นจากเสียง แสง

     3. ระยะท้ายที่มีอาการโคม่า และเสียชีวิต ฉะนั้นหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเกิดอาการของโรคจะพบว่าอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ คือ 100%

อาการของสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้ามี 2 แบบ ได้แก่

1. อาการแบบดุร้าย คือ สัตว์มีอาการตื่นเต้น วิ่งพล่าน ไล่กัดคน ดุร้าย หลังจากนั้นจะอ่อนเพลีย ไม่มีแรง และตายในเวลาต่อมา

2. อาการแบบเซื่องซึม คือ สัตว์จะมีอาการลิ้นห้อย ปากอ้าหุบไม่ได้ ตัวแข็ง เป็นอัมพาต บางตัวอาจมีอาการชักและตายในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามสัตว์ที่ยังไม่มีอาการแสดงของโรคก็สามารถแพร่เชื้อไวรัสนี้ได้ หากทำได้จึงควรจับสัตว์นั้นขังไว้เพื่อสังเกตอาการประมาณ 10 วัน และควรได้รับการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าโดยเร็วที่สุด การปฐมพยาบาลเบื้องต้นหลังจากที่โดนกัดควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ 2-3 ครั้ง แล้วทาแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น ทิงเจอร์ไอโอดีน โพวิโดไอโอดีน หรือแอลกอฮอล์สำหรับทาแผล จากนั้นรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า

วัคซีนพิษสุนัขบ้าไม่ได้มีไว้ป้องกันแค่คนที่โดนสุนัขกัดตามชื่อวัคซีนเท่านั้น แต่วัคซีนพิษสุนัขบ้าสามารถฉีดให้กับคนที่โดนกัด ข่วน โดนน้ำลายกระเด็นหรือเลียบริเวณที่มีแผล รอยถลอก หรือบริเวณเยื่อบุต่าง ๆ เช่น ปาก ตา จมูก จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทุกชนิด เช่น สุนัข แมว กระรอก กระต่าย หนู ลิง วัว ค้างคาว เพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ

การป้องกันและรักษาโรคพิษสุนัขบ้าด้วยวัคซีน

สำหรับการฉีดวัคซีนมี 3 รูปแบบ ได้แก่

1. การฉีดวัคซีนป้องกันโรคล่วงหน้า (pre-exposure prophylaxis, PrEP)

สำหรับผู้มีโอกาสสัมผัสเชื้อพิษสุนัขบ้า เช่น ผู้ที่เดินทางเข้าไปในถิ่นที่มีโรคพิษสุนัขบ้าชุกชุม สัตวแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานใกล้ชิดสัตว์ โดยจะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม คือ ฉีดวันที่ 0 (วันแรกที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1) ตามด้วยวันที่ 7 และ 21 หรือ 28 (นับจากวันแรกที่ได้รับวัคซีน)

การฉีดวัคซีนป้องกันโรคล่วงหน้า (pre-exposure prophylaxis) ภาพจาก : pharmacy.mahidol

2. การให้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่ผู้สัมผัสโรค (post-exposure prophylaxis, PEP)

มีวิธีการฉีดวัคซีน 2 วิธี คือ

- 1-1-1-1-1 คือ ฉีดวัคซีนครั้งละ 1 เข็มในวันที่ 0 (วันแรกที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1) ตามด้วยวันที่ 3, 7, 14 และ 30 (นับจากวันแรกที่ได้รับวัคซีน) ซึ่งเป็นแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (intramuscular, IM) โดยในวันแรกผู้ป่วยอาจได้รับวัคซีนร่วมกับการฉีดภูมิคุ้มกันต้านพิษสุนัขบ้า (Rabies Immune Globulin, RIG) รอบบาดแผลร่วมด้วย

การให้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่ผู้สัมผัสโรค (post-exposure prophylaxis) แบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (IM) ภาพจาก : pharmacy.mahidol

- 2-2-2-0-2 คือ การฉีดวัคซีนครั้งละ 2 เข็มในวันที่ 0 (วันแรกที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1) ตามด้วยวันที่ 3, 7 และ 30 (นับจากวันแรกที่ได้รับวัคซีน) ซึ่งเป็นแบบฉีดเข้าในผิวหนัง (intradermal, ID) โดยในวันแรกผู้ป่วยอาจได้รับวัคซีนร่วมกับ RIG ที่ฉีดรอบบาดแผลเช่นกัน 

การให้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่ผู้สัมผัสโรค (post-exposure prophylaxis) แบบฉีดเข้าในผิวหนัง (ID) ภาพจาก : pharmacy.mahidol

กรณีต้องได้รับ RIG ควรได้รับโดยเร็วที่สุด และไม่ควรฉีด RIG หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วเกิน 7 วัน กรณีใช้ชนิด Equine Rabies Immunoglobulin (ERIG) ต้องทดสอบอาการแพ้ก่อน หากแพ้ต้องเปลี่ยนไปใช้ Human Rabies Immunoglobulin (HRIG) ถ้า HRIG ไม่มี ควรให้ ERIG แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อที่จะรักษาอาการแพ้ที่เกิดขึ้นได้ทัน

ทั้งนี้หากสังเกตอาการของสัตว์ที่กัดพบว่ามีอาการปกติภายหลัง 10 วัน หรือ สัตว์ที่กัดมีอาการน่าสงสัย แต่มีประวัติฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยครั้งหลังสุดไม่เกิน 1 ปี หลังจากสังเกตพบว่ายังมีชีวิตอยู่ ให้หยุดฉีดวัคซีนเข็มต่อไปได้ หากเป็นสัตว์จรจัด สัตว์ป่า ที่กัดแล้วหนีหายไป หรือผู้ถูกกัดจำสัตว์ที่กัดไม่ได้ จะถือว่าสัตว์เหล่านั้นเป็นโรคพิษสุนัขบ้าให้ฉีดวัคซีนตามแนวทางการป้องกันรักษาให้ครบถ้วน

3. การฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับผู้สัมผัสโรคที่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน (booster)

สำหรับผู้สัมผัสโรคที่เคยได้รับวัคซีนแบบก่อนสัมผัสโรคครบ หรือ ได้รับวัคซีนแบบหลังสัมผัสโรคมาก่อนอย่างน้อย 3 เข็ม และสามารถให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นโดยไม่ต้องให้ RIG ซึ่งจะพิจารณาจากระยะเวลาตั้งแต่ได้รับวัคซีนครั้งสุดท้ายจนถึงวันที่สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าครั้งนี้ แบ่งได้ 2 กรณี คือ

     - สัมผัสโรคภายใน 6 เดือน : ให้ฉีดวัคซีนครั้งเดียวในวันแรก

     - สัมผัสโรคหลังจาก 6 เดือนขึ้นไป : ให้ฉีดวัคซีน 2 ครั้ง ในวันที่ 0 และ 3

อาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีน

อาการที่อาจพบ ได้แก่ ปวด แดง ร้อน คัน บริเวณที่ฉีด มีไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ลมพิษ กรณีได้รับวัคซีนกระตุ้นซ้ำบ่อย ๆ แต่โดยทั่วไปวัคซีนพิษสุนัขบ้าจัดว่ามีความปลอดภัย ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ค่อนข้างน้อย

คำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัคซีนพิษสุนัขบ้า

RIG จำเป็นต้องฉีดทุกคนหรือไม่

ตอบ : ไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน โดยพิจารณาจากระดับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ดังการจำแนกกลุ่มด้านล่าง ซึ่งผู้ที่ควรได้รับ RIG เป็นผู้ที่อยู่ในระดับความเสี่ยงกลุ่มที่ 3 คือ มีลักษณะการสัมผัสที่เกิดจากการ ถูกกัดทะลุผ่านผิวหนังและมีเลือดออก ถูกเลียหรือน้ำลาย สิ่งคัดหลั่ง มาสัมผัสบริเวณเยื่อบุตา ปาก จมูก และรับประทานอาหารดิบที่ปรุงจากสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า

ระดับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า

กลุ่มที่ 1 : การสัมผัสที่ไม่ติดโรค
การสัมผัสสัตว์ ที่ผิวหนังไม่มีแผลหรือรอยถลอก

กลุ่มที่ 2 : การสัมผัสที่มีโอกาสติดโรค
การสัมผัสสัตว์ ที่ผิวหนังเป็นรอยถลอก ไม่มีเลือดออก หรือเลือดออกซิบ ๆ

กลุ่มที่ 3 : การสัมผัสที่มีโอกาสติดโรคสูง
การสัมผัสสัตว์ ที่ผิวหนังเกิดแผลหรือมีเลือดออก หรือ การรับประทานอาหารดิบที่ปรุงจากสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า

เด็กและคนท้องสามารถรับวัคซีนพิษสุนัขบ้า และ RIG ได้หรือไม่

ตอบ : สามารถรับวัคซีนพิษสุนัขบ้า และ RIG ได้ เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อตาย

หากโดนงับ ไม่มีแผล ควรต้องรับวัคซีนหรือไม่

ตอบ : การถูกสัตว์สัมผัส โดยไม่มีรอยถลอกหรือไม่มีแผล และไม่มีเลือดออก ถือว่าอยู่ในระดับความเสี่ยงกลุ่มที่ 1 คือการสัมผัสแบบไม่ติดโรค ดังตารางที่ 1 สามารถปฏิบัติตัวโดยการล้างบริเวณที่ถูกสัมผัสก็เพียงพอ แต่ทั้งนี้ควรพิจารณาถึงประวัติของสัตว์ที่สัมผัสร่วมด้วย โดยลักษณะของสัตว์ที่สัมผัสหากมีอาการต้องสงสัยว่าอาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ให้ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า และ RIG พร้อมทั้งกักขังสัตว์ที่สัมผัสเพื่อดูอาการ แต่ถ้าไม่สามารถกักขังสัตว์ที่สัมผัส สัตว์ป่า หรือ จำสัตว์ที่สัมผัสไม่ได้ จะถือว่าสัตว์ที่สัมผัสเป็นพิษสุนัขบ้าและควรได้รับการรักษาแบบเดียวกับการให้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่ผู้สัมผัสโรค (post-exposure prophylaxis)

หากมาฉีดไม่ตรงตามนัดต้องทำอย่างไร

ตอบ : การฉีดวัคซีนคลาดเคลื่อน 2-3 วัน สามารถให้ต่อเนื่องไปได้โดยไม่ต้องเริ่มฉีดใหม่ แต่การฉีดวัคซีนให้ได้ 3 เข็ม ภายใน 7 วันหลังจากฉีดเข็มแรก ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสูงเพียงพอก่อนที่จะถึงระยะฟักตัวของโรค ฉะนั้นการฉีด 3 เข็มแรกควรมาให้ตรงตามกำหนดนัด

ควรฉีดป้องกันทุกคนหรือไม่

ตอบ : ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคพิษสุนัขบ้า และหากปล่อยให้เกิดอาการแสดงของโรค อัตราการเสียชีวิตเป็น 100 % ฉะนั้นนอกจากการหลีกเลี่ยง ป้องกันตัวเองไม่ให้อยู่ในที่สุ่มเสี่ยงแล้ว การฉีดวัคซีนป้องกันล่วงหน้าก็อาจเป็นทางอีกทางเลือกในบุคคลที่เลี้ยงหรือทำงานร่วมกับสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม บุคคลที่อาศัยหรือผ่านบริเวณที่มีสัตว์จรจัด หรือ บุคคลที่อาศัยอยู่ในเขตที่มีการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า

เปลี่ยนยี่ห้อวัคซีนต้องทำอย่างไร

ตอบ : การฉีดวัคซีนควรได้รับวัคซีนแบบเดิมตลอดจนครบตามกำหนด แต่หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนยี่ห้อ วิธีการฉีดวัคซีน ก็สามารถเปลี่ยนได้ แต่หลังจากเปลี่ยนแล้วควรฉีดด้วยยี่ห้อและวิธีการฉีดนั้นต่อจนครบ

📌อ่าน : อัปเดต "พิษสุนัขบ้า 2568" พบผู้ป่วย 7 คน เสียชีวิตทั้ง 7 คน


อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS  

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : WHO, นศภ.ชัญญา ปุริมาพันธ์

“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

แท็กที่เกี่ยวข้อง

พิษสุนัขบ้าโรคพิษสุนัขบ้าติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหมาบ้าหมากัดวัคซีนพิษสุนัขบ้าวิทย์น่ารู้วิทยาศาสตร์น่ารู้วิทยาศาสตร์Thai PBS Sci And Tech Thai PBS Sci & Tech Science
จิราภพ ทวีสูงส่ง

ผู้เขียน: จิราภพ ทวีสูงส่ง

"เซบา บาสตี้" เจ้าหน้าที่เนื้อหาดิจิทัล สำนักสื่อดิจิทัล ไทยพีบีเอส คนทำงานด้านการเขียน : Specialist Contents / Journalist / Writer / Creative Copywriter / Proofreader Lover (ติดต่อ jiraphobT@thaipbs.or.th)

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด