RSV (Respiratory Syncytial Virus) พบมากและกำลังระบาดอยู่ตอนนี้ พบได้ทุกวัยไม่ว่าเด็กและผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เป็นช่วงปลายฤดูแล้ว เนื่องจากปีนี้การระบาดของ RSV ที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยในระยะแรกมีผู้ป่วยจำนวนไม่มาก ขณะนี้อยู่ในพีคที่สูงสุด และก็จะลดลงตามฤดูกาลไปสิ้นสุดเอาในสิ้นเดือนนี้และเดือนธันวาคมก็จะน้อยลงมาก แล้วค่อยไประบาดใหม่ในปีหน้า เดือนกรกฎาคมอีก
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความรู้ในเฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” ไว้ว่า
โรคนี้พบได้ทุกอายุ แต่ในเด็กโตและผู้ใหญ่หรือเด็กนักเรียน ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยได้ตรวจการณ์ เพราะความรุนแรงของโรคน้อย จะเป็นวัด ไอ เจ็บคอ โรคจะรุนแรงในเด็กเล็ก โดยเฉพาะต่ำกว่า 1 ขวบ และในผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 70 ปี และมีโรคประจำตัวเรื้อรังโดยเฉพาะโรคปอด โรคหัวใจ

การระบาดในปีนี้จะเป็น RSV-B มากกว่า RSV-A ในระยะหลังนี้ RSV-B มีการกลายพันธุ์ที่จะทำให้ดื้อต่อ ภูมิต้านทานชนิดฉีด และวัคซีนเพิ่มขึ้น เรากำลังศึกษารายละเอียดอยู่โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการกลายพันธุ์
RSV เป็นเชื้อโรคที่เป็นแล้วเป็นอีกได้ บางคนเป็นได้ทุกปี ถึงแม้ว่าจะโตแล้วก็เป็นได้แต่อาการจะไม่มาก บางครั้งคล้ายอาการหวัดด้วยซ้ำ อาการจะมากในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเสี่ยงนั้นเอง ระบบภูมิต้านทานของร่างกายเรา ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าไม่ว่าวัคซีนหรือภูมิต้านทานที่ให้ จะป้องกันได้ดีในปีแรกส่วนปีต่อไปจะลดลงและก็ติดซ้ำได้
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนใช้ในเด็ก การรักษาเป็นการรักษาตามอาการ ไม่มียาจำเพาะ ไม่มียาที่จะไปลดอาการข้างเคียงหรือผลของภาวะหลอดลมตีบ การให้ยาในกลุ่ม antileukotrienes (montelukast) ไม่ได้มีผลลดอาการข้างเคียงของโรค หรือผลระยะยาวเลย แต่สำหรับประเทศไทยยังมีการใช้กันอยู่มากเกินความจำเป็น โดยเฉพาะใน RSV
ป้องกันการติดเชื้อจากไวรัส RSV ได้อย่างไร?
เนื่องจากเป็นโรคติดเชื้อที่ถึงแม้เคยเป็นแล้วสามารถเป็นซ้ำได้อีกและยังไม่มีวัคซีนใช้ในปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือป้องกันนั่นเอง ได้แก่ ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลอยู่เสมอทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ รักษาความสะอาดทำความสะอาดของเล่นเด็กบ่อย ๆ หากมีคนในบ้านป่วยควรแยกและงดใช้ของส่วนตัวร่วมกัน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง สำหรับเด็กที่เข้าเนิร์สเซอร์รีหรือเข้าโรงเรียนแล้วเมื่อมีการป่วยควรหยุดเรียนทันทีจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคอีกทางนึง
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ, โรงพยาบาลเมดพาร์ค
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















