วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2025 คณะนักวิจัยนานาชาตินำโดยนักวิทยาศาสตร์ “สถาบันมักซ์ พลังค์ มานุษยวิทยาวิวัฒนาการ” (“Max Planck Institute for Environmental Anthropology”) เมืองไลพ์ซิก เยอรมนี ตีพิมพ์รายงานในวารสาร Science Advances ผลการศึกษาวิจัยระดับใหญ่หาคำตอบปรากฏการณ์ ความแตกต่างของอายุขัยระหว่างเพศหญิงกับชาย โดยเปรียบเทียบกับกรณีของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ (นอกเหนือจากมนุษย์) และนก พบปรากฏการณ์คล้ายกันของมนุษย์กับของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ แต่ตรงกันข้ามสำหรับของนก
“วิทยาศาสตร์ ทันโลก ทันชีวิต” วันนี้ จะนำท่านผู้อ่านไปดูผลงานการศึกษาวิจัยที่มีจุดเริ่มต้นจากปรากฏการณ์ คือ คำถาม “ทำไม ผู้หญิงจึงอายุยืนกว่าผู้ชาย” ไปดูว่า คณะวิจัยทำอย่างไร ? ผลการวิจัยที่ได้มา มีความสำคัญต่อใคร...อะไร...และอย่างไร !
ก่อนไปเปิดผลการศึกษาวิจัย เราไปเปิดอย่างเร็ว ๆ ประเด็นที่มาโจทย์การวิจัยวันนี้
ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย...จริงแค่ไหน ?
จริงหรือไม่ ทุกประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย ?
คำตอบ คือ จริง !
ตามข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ แผนกเศรษฐกิจและสังคม สำหรับปี ค.ศ. 2023 ความมีอายุยืนยาวตามคาดของบางประเทศ มีเช่น
*ฮ่องกง (อันดับสูงสุด) : อายุขัยเฉลี่ยทั้งหญิงและชายเมื่อเกิด = 85.51 ปี , อายุขัยผู้หญิง = 88.13 ปี , อายุขัยผู้ชาย = 82.84 ปี
*อังกฤษ (อันดับ 40) : อายุขัยเฉลี่ยเมื่อเกิด = 81.30 ปี , อายุขัยผู้หญิง = 83.21 ปี , อายุขัยผู้ชาย = 79.36 ปี
*จีน (อันดับ 65) : อายุขัยเฉลี่ยเมื่อเกิด = 77.95 ปี , อายุขัยผู้หญิง = 80.93 ปี , อายุขัยผู้ชาย = 75.20 ปี
สำหรับประเทศไทย ติดอันดับที่ 86 โดยอายุขัยเฉลี่ยเมื่อเกิด = 76.4 ปี , อายุขัยผู้หญิง = 80.86 ปี , อายุขัยผู้ชาย = 72.16 ปี
แล้วข้อมูลเฉลี่ยทั่วโลกล่ะ ?
สำหรับทั่วโลก อายุขัยเฉลี่ยของคนทั่วโลกเมื่อเกิด = 73.17 ปี , อายุขัยผู้หญิง = 75.89 ปี , อายุขัยผู้ชาย = 70.55 ปี

ประเด็นผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย : ก่อนการวิจัยใหม่ ?
ก่อนการศึกษาวิจัยใหม่ มีประเด็นเกี่ยวเนื่องมาสู่การวิจัยใหม่ที่น่าสนใจ คือ
*ปรากฏการณ์ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชายทั้งโลกในปัจจุบัน เป็นปรากฏการณ์ “ต่อเนื่อง” ตลอดมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันหรือไม่ ?
คำตอบคือ ไม่! เพราะในอดีต คนกระทั่งถึงกลางศตวรรษที่ 20 มีหลายประเทศทั่วโลก เช่น อินเดีย ซึ่งผู้หญิงมีอายุสั้นกว่าผู้ชาย
*สำหรับสาเหตุของการที่ผู้ชายส่วนใหญ่ทั้งโลกทั้งในอดีตและปัจจุบันมีอายุสั้นกว่าผู้หญิง ที่มักจะ “เข้าใจกัน” คือ สภาพการใช้ชีวิตของผู้ชาย ที่ส่วนใหญ่ (มากกว่าผู้หญิงอย่างแน่นอน) ใช้ชีวิตอย่างมีความเสี่ยง มากกว่าผู้หญิง ในการทำงาน (งานหนัก , งานเสี่ยงอันตราย , ฯลฯ) , การเข้าสังคม (การดื่ม , การสูบบุหรี่ , การเที่ยว , การเดินทาง , ฯลฯ) และเรื่องทางเพศ (การเลือกคู่ , การแสวงหาความสุขทางเพศ , ฯลฯ)
*สาเหตุที่ผู้หญิงบางประเทศในอดีต อายุสั้นกว่าผู้ชาย คือ สภาพของสังคมที่ผู้หญิงถูก “บีบคั้น” ด้วยวัฒนธรรม “ผู้ชายเป็นผู้นำ” ความไม่ทัดเทียมของสถานภาพผู้หญิงกับผู้ชาย และอันตรายจาก “การคลอดลูก” เป็นประสบการณ์ “อันตราย” สำหรับผู้หญิงในอดีตอย่างมาก
*โดยภาพรวมที่ “ประจักษ์” ยอมรับกัน คือ คนทั่วโลก...ในทุกประเทศ ทั้งหญิงและชาย มีอายุยืนยาวขึ้น ซึ่งเป็นผลจากความก้าวหน้าด้านการแพทย์ การสาธารณสุข สิทธิมนุษยชนที่คุ้มครองผู้หญิง (แทบ) ทั้งหมดทั่วโลก อย่างทัดเทียมเท่ากับผู้ชาย
*บทบาทของ “ยีน” หรือ “พันธุกรรม” หรือ “วิวัฒนาการ” เป็นประเด็นถูกตั้งเป็นข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ผู้หญิง...โดยทั่วไป...ตั้งแต่อดีต มีอายุยืนกว่าผู้ชาย เป็นเพราะผู้หญิงถูกสร้างขึ้นมาให้มีอายุยืนกว่าผู้ชาย นั่นคือ ผู้หญิงจะมีอายุยืนกว่าผู้ชายตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว ใช่หรือไม่ ?
อย่างตรง ๆ ก็คือ การตั้งคำถามหรือเจาะศึกษาลงไปถึงเรื่องของธรรมชาติว่า ผู้หญิงมี “ยีน” ซึ่งทำให้อายุยืนกว่าผู้ชาย ใช่หรือไม่ ? เป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน เพราะเมื่อเจาะศึกษาลงไปถึง “ยีน” ของผู้หญิง (มีโครโมโซมเพศ XX) กับของผู้ชาย (มีโครโมโซม XY) ก็ “ดูจะมีคำตอบ” แต่ยังไม่เป็นที่ “ยุติ” ?!

การวิจัยใหม่ : จากมนุษย์ถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนก
โจทย์ของการศึกษาวิจัยใหม่ อย่างตรง ๆ คือ การค้นหาสาเหตุความแตกต่างในความยืนยาวของชีวิต (อายุขัย) ระหว่างสิ่งมีชีวิต 2 เพศ คือ ผู้หญิงกับผู้ชาย (สำหรับมนุษย์) โดยขยายตัวอย่างการศึกษาไปถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนก
สาเหตุการขยายตัวอย่างการศึกษาไปรวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนก ก็เพื่อตัดหรือลดประเด็นผลกระทบจากสภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตของสัตว์ (ซึ่งมีสภาพสังคมไม่ซับซ้อนเท่ากรณีของมนุษย์) ต่อเป้าหมายการศึกษา เพราะในกรณีของมนุษย์ มีประเด็นเรื่องความแตกต่างของสภาพสังคม วัฒนธรรม จารีตประเพณีและความเจริญก้าวหน้าของแต่ละประเทศ ซึ่งมีผลต่อภาพรวมของประเด็นเป้าหมายที่ศึกษาด้วย
คณะนักวิทยาศาสตร์ที่สถาบันมักซ์ พลังค์ มานุษยวิทยาวิวัฒนาการ นำโดย โจฮานนา สเตอร์ก (Johanna Staerk) นักชีววิทยาวิวัฒนาการ กับนักวิทยาศาสตร์อีก 15 คน จากทั่วโลก ร่วมกันทำการศึกษาวิจัยในระดับใหญ่ที่สุดที่เคยทำกันมา สำหรับประเด็นเรื่องความแตกต่างในอายุขัยของมนุษย์และสัตว์ต่างเพศ (ผู้หญิงกับผู้ชาย หรือตัวเมียกับตัวผู้)
ตัวอย่างและประเด็นของการศึกษาวิจัยใหม่ที่สำคัญ คือ
*แยกตัวอย่างเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนก
กลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แยกเป็น 2 ส่วนอีกคือ ส่วนตัวอย่างของมนุษย์ และส่วนตัวอย่างของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
*ข้อมูลและตัวอย่างศึกษาที่เป็นมนุษย์ ใช้ทั้งที่มีอยู่ในสถาบันมักซ์ พลังค์ มานุษยวิทยาวิวัฒนาการ และจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ
*ตัวอย่างสัตว์ที่ศึกษา มีทั้งส่วนเป็นสัตว์ป่าและที่อยู่ในสวนสัตว์ แต่ตัวอย่างเป้าหมายหลักเป็นสัตว์ในสวนสัตว์ คือ ตัวอย่างของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด 528 สปีชีส์ และตัวอย่างของสัตว์จำพวกนกทั้งหมด 648 สปีชีส์ ล้วนเป็นตัวอย่างสัตว์ในสวนสัตว์
สำหรับข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์และประมวลผลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลใหม่ แต่ก็มีการนำข้อมูลการศึกษาวิจัยเก่า ที่เคยมีการศึกษาในประเด็นคล้ายกันมาก่อน ดังเช่นผลงานที่รายงานการวิจัยใหม่กล่าวถึง 2 ผลงาน คือ (1) ผลงานทำกับตัวอย่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 101 สปีชีส์ เมื่อปี ค.ศ. 2020 และ (2) ผลงานทำกับตัวอย่างที่เป็นนก 194 สปีชีส์ เมื่อปี ค.ศ. 2005 ซึ่งเน้นการศึกษาสัตว์ในป่าธรรมชาติ

ผลการวิจัยใหม่ : มนุษย์ , สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนก
ผลการศึกษาวิจัยใหม่โดยภาพรวม คณะนักวิจัยได้รับคำตอบที่ต้องการ ซึ่งก็มีทั้งส่วนการ “ยืนยัน” ในประเด็นใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของการวิจัยและข้อมูลความรู้ใหม่ที่ “คาดคิด” หรือตั้งเป็น “ข้อสงสัย” มาก่อน
สรุปผลการศึกษาวิจัยที่สำคัญ คือ
*สำหรับกรณีของมนุษย์ : ข้อมูลที่ใช้เป็นข้อมูลที่มีอยู่แล้วเป็นส่วนใหญ่ ที่สถาบันมักซ์ พลังค์ มานุษยวิทยาวิวัฒนาการ และสถาบันที่ร่วมในการวิจัย ภารกิจส่วนใหญ่จึงเป็นการศึกษา , ประมวล , วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล
โดยบทสรุปรวม เมื่อตัดปัจจัยดังเช่น สภาพสังคมในระดับประเทศที่ผู้หญิงถูกกดขี่ และสภาพของการแพทย์เกี่ยวกับการคลอด ผู้หญิงก็มีอายุยืนยาวกว่าผู้ชายในทุกประเทศ
มีประเด็นน่าสนใจว่า สำหรับประเทศที่ผู้หญิงกับผู้ชายมีความทัดเทียมกันในด้านต่าง ๆ ของการดำรงชีวิต ทั้งการศึกษา การประกอบอาชีพ การเลือกคู่และการเมือง บวกกับความเจริญก้าวหน้าด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ช่องว่างระหว่างการมีอายุยืนยาวของผู้หญิงกับผู้ชาย ก็จะแคบลง แต่โดยสรุปรวม ผู้หญิงก็ยังมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชายโดยเฉลี่ย
สำหรับสาเหตุการที่ผู้หญิงโดยภาพรวมมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย คณะวิจัยยืนยันอย่างชัดเจนไปที่วิวัฒนาการ ซึ่งอย่างเป็นรูปธรรมก็คือ ยีน หรือ พันธุกรรมของผู้หญิงที่มีโครโมโซมเพศ XX ในขณะที่ผู้ชายมีโครโมโซมเพศ XY
กล่าวคือ การที่ผู้หญิงมีโครโมโซม XX ทำให้ผู้หญิงเสมือนกับมีโครโมโซมเพศที่ “สนับสนุน” หรือ “ชดเชยกัน” ได้ เมื่อโครโมโซม X ตัวหนึ่ง เกิดปัญหา...
ในขณะที่กรณีของผู้ชาย มีโครโมโซม X และ Y ชนิดละอัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครโมโซม Y มีผลการศึกษาวิจัยที่ทราบกันทั่วโลกว่า โครโมโซม Y ของมนุษย์กำลังมีสภาพ “เสื่อม” ลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นที่ “กังวล” หรือ “กล่าว” กันว่า วันหนึ่งในอนาคต โครโมโซม Y จะ “หมดสภาพ” แล้วผู้ชายก็จะ “สูญพันธุ์” ซึ่งก็เป็น “โจทย์วิจัย” สำคัญโจทย์หนึ่งของวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน เพราะถ้าผู้ชายสูญพันธุ์ ก็ย่อมมีผลกระทบต่อผู้หญิงด้วย
*สำหรับกรณีของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม : ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาวิจัย มีทั้งข้อมูลเก่าที่ “สะสม” มาก่อนแล้ว และข้อมูลใหม่จากการวิจัยศึกษาใหม่
ผลการศึกษา พบว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป ตัวเมียก็มีอายุยืนยาวกว่าตัวผู้เช่นเดียวกับกรณีของมนุษย์ โดยพบว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเมีย มีอายุยืนยาวกว่าตัวผู้โดยเฉลี่ย 15%
สำหรับสาเหตุปัจจัย คณะวิจัยสรุปว่า สาเหตุน่าจะคล้ายกับกรณีที่ทำให้มนุษย์ผู้หญิง มีอายุยืนกว่าผู้ชาย นั่นคือ สาเหตุเกิดจากยีนหรือโครโมโซมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ก็มีโครโมโซมเพศคล้ายมนุษย์ คือ XX สำหรับตัวเมีย XY สำหรับตัวผู้
ดังนั้น กรณีของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ก็จึงถือเป็นผลการวิวัฒนาการด้วย
*สำหรับกรณีของนก : ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ก็คล้ายกับกรณีของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม คือ ใช้ทั้งข้อมูลเก่าที่มีมาก่อนและข้อมูลใหม่จากการศึกษาวิจัยใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนกในสวนสัตว์

ผลการศึกษา ได้ออกมาซึ่งสำหรับคนทั่วไป อาจเข้าใจว่า มิใช่เป็นเรื่องของวิวัฒนาการแล้ว เพราะพบว่า นกตัวผู้มีอายุยืนกว่าตัวเมียประมาณ 5%
แต่มิใช่สำหรับนักวิทยาศาสตร์ เพราะการที่นกตัวผู้มีอายุยืนกว่าตัวเมีย ก็เป็นไปตามผลของวิวัฒนาการ ดังกรณีของมนุษย์กับของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม...
เนื่องจากโครโมโซมของนก มิได้เป็นดังเช่นโครโมโซมของมนุษย์กับของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กล่าวคือ นกมีโครโมโซมเพศที่ตรงกันข้ามกับของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กล่าวคือ นกมีโครโมโซมเพศซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างออกไปจากของมนุษย์ คือ โครโมโซม W กับ Z มิใช่ X กับ Y โดยที่นกตัวผู้มีโครโมโซมเพศ ZZ ในขณะที่นกตัวเมีย มีโครโมโซมเพศ WZ
ถึงแม้นกจะมีโครโมโซมเพศที่เรียกแตกต่างออกไปจากของมนุษย์ แต่ดูจะมีวิวัฒนาการคล้ายกัน กล่าวคือ สำหรับมนุษย์ โครโมโซม Y ซึ่งเป็นโครโมโซมกำหนดเพศเป็นชาย มีสภาพในปัจจุบัน เสื่อมโทรมลงกว่าโครโมโซม X มากดังที่กล่าวไปแล้ว
สำหรับนก โครโมโซม W ซึ่งเป็นโครโมโซมกำหนดเพศเป็นตัวเมีย ก็กำลังมีสภาพเสื่อมโทรม คล้ายกับกรณีของโครโมโซม Y
*บทบาทของพฤติกรรมการหาคู่ : ผลการศึกษาวิจัย พบว่า สัตว์ประเภทที่มีการแข่งขันสูงในการหาคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตว์ประเภทมีคู่แบบ polygamy คือ มีสามี-ภรรยาหลายคน เช่น มนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคน และสัตว์ตัวผู้ มีคู่หลายตัว มีพฤติกรรมที่ต้องพยายาม “อวดตัว” คือ ดึงดูดตัวเมีย และพฤติกรรมที่ต้องเอาชนะตัวผู้อื่น ๆ จะมีการดำเนินชีวิตที่ต้อง “เสี่ยง” ต้อง “โชว์” และจึงเกิดผลรวมทำให้สัตว์ตัวผู้มีอายุสั้นลง
คณะวิจัยสรุปผลส่วนนี้ว่าเป็น “ปัจจัย” หรือ “สาเหตุ” เพิ่ม ทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเมีย มีอายุยืนยาวกว่าตัวผู้ นอกเหนือไปจากปัจจัยหรือสาเหตุจากวิวัฒนาการ
สำหรับสัตว์ประเภทที่มีคู่แบบ “ผัวเดียว-เมียเดียว” (monogamy) ดังเช่น นก ผลการวิจัยก็สรุปออกมาชัดเจนว่า วิวัฒนาการเป็นปัจจัยหลักของการมีชีวิตยืนยาวของตัวผู้ มากกว่าตัวเมีย
*บทบาทของการเลี้ยงลูก : ผลการวิจัยสรุปออกมาว่า บทบาทของการเลี้ยงลูก ก็มีส่วนสำคัญในความแตกต่างของอายุขัย ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายสำหรับมนุษย์ และระหว่างตัวผู้กับตัวเมียด้วย สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนก
สำหรับมนุษย์ ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญชัดเจนมากกว่าผู้ชายในการเลี้ยงลูก ทำให้มีพฤติกรรมในการเฝ้าระวังตนเองในการดำเนินชีวิต เพื่อให้มีชีวิตยืนยาว ดูแลเลี้ยงลูกจนกว่าลูกจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ สามารถดูและตนเองได้ ในขณะที่ผู้ชายถึงแม้จะมีความตั้งใจในการดูแลลูกด้วย แต่จะไม่มากเท่าผู้หญิงอยู่ดี ทำให้ผู้หญิงมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชายไปด้วย เพิ่มจากส่วนที่เป็นเรื่องของยีนหรือวิวัฒนาการ
ในกรณีของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ก็คล้ายกับกรณีของมนุษย์ คือ ตัวเมีย จะเป็นฝ่ายทั้งเลี้ยงดูลูก และปกป้องลูกจากภัยอันตรายต่าง ๆ ทำให้มีผลให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเมีย มีชีวิตยืนยาวกว่าตัวผู้
สำหรับนกล่ะ ?
เนื่องจากนกเป็นสัตว์ประเภทผัวเดียว-เมียเดียวเป็นส่วนใหญ่ นกตัวผู้จึงมีบทบาท...หน้าที่...ในการเลี้ยงดูลูก และปกป้องอันตรายจากภยันตรายต่าง ๆ อีกทั้งไม่ต้องมีการแข่งขันต่อสู้กันมากในระหว่างนกตัวผู้ สำหรับเรื่องการเลือกคู่ ซึ่งเมื่อประกอบกับยีนหรือวิวัฒนาการด้วย ก็จึงทำให้นกตัวผู้เป็นฝ่ายมีอายุยืนยาวกว่าตัวเมีย

อิทธิพลจากสภาพแวดล้อม : ป่ากับสวนสัตว์
จากกรณีของมนุษย์ ที่สภาพแวดล้อมดังเช่น สังคม จารีตประเพณี มีผลทำให้ผู้หญิงในอดีตของบางประเทศ มีอายุสั้นกว่าผู้ชาย คณะวิจัยจึงศึกษาวิเคราะห์ผลจากสภาพแวดล้อมต่อสัตว์ตัวอย่างการทดลองด้วย โดยตัวอย่างสัตว์ทดลองรวมกว่าหนึ่งพันสปีชีส์ เป็นสัตว์ในสวนสัตว์ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมแตกต่างไปจากป่าเปิดของธรรมชาติ
อย่างตรง ๆ สัตว์ในสวนสัตว์ทั้งสองเพศ ไม่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตที่ “เข้มข้น” “เสี่ยง” “การแข่งขันสูง” เท่ากับสัตว์ในป่าธรรมชาติ
ผลจากการศึกษาวิจัย พบว่า ความแตกต่างของอายุขัยหรือการมีอายุยืนยาวระหว่างตัวผู้กับตัวเมีย “ลดลง” แต่ก็ไม่หายไป ทั้งกับสัตว์ตัวอย่างการทดลองประเภทเลี้ยงลูกด้วยนมและนก นั่นคือ สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวเมียมีอายุยืนกว่าตัวผู้ ส่วนสัตว์จำพวกนก ตัวผู้เป็นฝ่ายมีอายุยืนยาวกว่าตัวเมีย

ผลวิจัยใหม่ : คุณค่าและการใช้ประโยชน์
บทสรุปรวบยอดของผลการวิจัย จึงเป็นว่า
“สาเหตุหลักความแตกต่างของการมีอายุยืนยาวระหว่างมนุษย์ผู้หญิงกับผู้ชาย” และระหว่างสัตว์ตัวเมียกับตัวผู้ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนก คือ พันธุกรรมหรือวิวัฒนาการ โดยสภาพแวดล้อมก็มี “ส่วนร่วม” ด้วย "แต่ไม่มากเท่าวิวัฒนาการ"
แล้วผลการวิจัยใหม่ มีคุณค่าและประโยชน์อย่างไร ?
ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ สำหรับสังคมมนุษย์โดยภาพรวมทั่วโลก ผู้หญิงจะมีอายุยืนยาวมากกว่าผู้ชายต่อไปอีกยาวนาน จนกว่าจะมี “การเปลี่ยนแปลงใหญ่” เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้วย “เหตุธรรมชาติ” หรือ “จากฝีมือมนุษย์”
สภาพการณ์เช่นนี้ จึงมีความสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับเรื่องดังเช่น “แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” ของประเทศไทย ที่กำหนดเป็นระยะทุก 5 ปี เพราะจะต้องคำนึงถึงทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นผู้หญิงกับผู้ชายด้วยว่า เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร ? ควรจะวางแผนในเรื่องดังเช่น สวัสดิการแห่งรัฐอย่างไร ?
แล้วสำหรับมนุษย์แต่ละคนล่ะ ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านผู้อ่านทั้งผู้หญิงและผู้ชายล่ะ ?
สำหรับผู้เขียนแล้ว อย่างน้อย “เรา” จะได้เตรียมตัวว่า เราจะใช้ชีวิตอย่างไร มิใช่เพื่อตัวเราเท่านั้น แต่สำหรับ “คู่ชีวิต” ของเราด้วยว่า จะ “ดูแลกัน” ได้ยาวนานแค่ไหน ? จะทำให้อีกคนหนึ่ง อยู่อย่างไร เมื่อเราไม่อยู่ ? หรือตัวเราเอง จะอยู่อย่างไร เมื่ออีกคนหนึ่งต้องจากไปก่อน ?
แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ คิดอย่างไร ?
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















