ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

คอนเสิร์ตพิเศษที่นครพนม เสียงเพลงแห่งริมแม่น้ำโขง


Lifestyle

วราสิทธิ์ แสงทอง

แชร์

คอนเสิร์ตพิเศษที่นครพนม เสียงเพลงแห่งริมแม่น้ำโขง

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3398

คอนเสิร์ตพิเศษที่นครพนม เสียงเพลงแห่งริมแม่น้ำโขง

 

บันทึกคอนเสิร์ตพิเศษแห่งปีที่นครพนม เมื่อแสงไฟยังไม่ดับ เทศกาลยังไม่จบ ดนตรีเริ่มบรรเลง

เคยนั่งริมแม่น้ำโขงช่วงออกพรรษาไหม? ช่วงที่แสงไฟจากเรือไฟนับพันลำยังคงอวลอยู่ในความทรงจำ ผู้คนยังพูดถึงขบวนแห่ที่ตระการตา และบรรยากาศแห่งความสุขยังค้างอยู่ในอากาศ ปีนี้ ที่นครพนม เทศกาลยังไม่จบ

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 เพียงไม่กี่วันหลังจากแสงไฟของเทศกาลไหลเรือไฟยังไม่ทันสร่างซา บรรยากาศแห่งความสุขยังคงอวลอยู่ เสียงออร์เคสตร้าก็ดังก้องขึ้นอีกครั้ง ณ ลานพญาศรีสัตตนาคราช ริมฝั่งโขงที่คุ้นเคย เหมือนกับว่า แม่น้ำโขงกำลังบอกว่า "เดี๋ยวก่อน ยังไม่จบ ยังมีของขวัญอีกชิ้นที่รออยู่" และของขวัญชิ้นนั้น ไม่ใช่อะไร แต่คือดนตรีที่ทำให้คุณรู้สึกว่า "อ๋อ... นี่เองความเป็นอีสาน นี่เองความหมายของการกลับบ้าน"

ริมแม่น้ำโขง มีเสียงเพลงแห่งสายน้ำกำลังดังขึ้น

ลองจินตนาการดูสิ ถ้าเรากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติก (ใช่ แบบที่บ้านเราใช้กัน ไม่ต้องแต่งตัวหรูหรา) ลมเย็น ๆ พัดมาจากแม่น้ำโขง มองผ่านไปอีกฝั่งหนึ่งเห็นภูเขาของลาวเงียบสงบ แสงไฟริมฝั่งสะท้อนลงน้ำระยิบระยับ แล้วเสียงดนตรีก็ดังขึ้น ไม่ใช่เสียงออร์เคสตร้าแบบที่คุณต้องนั่งตัวตรงๆ ในโรงละครหรู ไม่ใช่เสียงหมอลำแบบที่คุณได้ยินมาตั้งแต่เด็ก แต่เป็นเสียง "ทั้งสองอย่างผสมกัน" และมันไม่แปลก มันไม่ขัดแย้ง แต่มันลงตัวซะเหลือเกิน

นี่คือคอนเสิร์ต เสียงอดีตสร้างจินตนาการ ตอน "วัฒนธรรมเพลงล้านช้าง ลาว และผู้ไท" ที่จัดขึ้นภายใต้โครงการวิจัยดนตรีประจำชาติบนความแตกต่าง ความหลากหลาย และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ชื่อมันอาจจะยาว แต่ความหมายมันสั้นๆ แค่นี้ "นี่คือเสียงของอีสานบ้านเรา และมันสวยมาก" เมื่อออร์เคสตร้าเจอกับพิณ แคน โหวต และโปงลาง ไม่ใช่การปะทะ แต่เป็นการโอบกอด

บางคนอาจคิดว่า วงออร์เคสตร้ากับเพลงอีสาน มันจะเข้ากันได้เหรอ? เหมือนเอาส้มตำใส่จานคริสตัล หรือใส่ผ้าสิ้นกับรองเท้าหนัง มันจะแปลกไหม? คำตอบคือ ไม่แปลกเลย ทว่ายังงดงาม ถ้าทำด้วยใจที่เข้าใจ

คืนนั้น วงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้า ได้ทำสิ่งที่วิเศษมาก วงไทยซิมโฟนีออเครสตราไม่ได้ "ใช้" เครื่องดนตรีอีสาน พวกเขา "เชิญ" เครื่องดนตรีอีสานมา "คุย" กับออร์เคสตร้า เสียงไวโอลินไหลลื่นเข้าหาเสียงพิณในเพลงลายลำเพลิน-ลายใหญ่-ลายน้อย เหมือนสองเพื่อนเก่าที่เจอกันใหม่หลังจากหลายปี เสียงเชลโลโอบอุ้มเสียงแคน ในลายสุดสะแนน เหมือนพี่ชายที่กอดน้องชายอย่างอบอุ่น และเสียงโหวดของ ผศ.ดร.ทินกร อัตไพบูลย์ ลอยไปกับเสียงฮอร์นในเพลงน้ำโตนตาด เหมือนนกสองตัวบินเคียงข้างกันบนท้องฟ้า

วงทาลึง (ทะลึ่ง+ตะลึง) วงเยาวชนดนตรีที่ชนะเลิศการประลองและได้รับถ้วยพระราชทาน พวกเขาเล่นเพลงที่ชื่อว่า "ฝนโปรย" ร่วมกับวงออร์เคสตร้าเต็มวง เพลงนี้เป็นเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นเอง ที่ฟังแล้วรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่สายลมกำลังพัด เสียงฟ้ากำลังคะนอง และลำฝนกำลังโปรยปราย ที่รู้สึกได้ถึงความชุ่มชื่นที่เชื่อมผืนฟ้ากับผืนดิน สร้างความสมบูรณ์พูลสุขในแดนอีสาน แม้จะไม่มีคำร้องก็รู้สึกได้ เป็นบทเพลงจากคนรุ่นใหม่ที่กำลังประกาศว่า ”ความเป็นอีสานไม่มีวันตาย เพลงอีสานไม่มีวันเก่า” เมื่อเหล่าเยาวชนยังคงสืบสาน

อีกกลุ่มหนึ่งที่ทำให้ทุกคนยิ้มจนแก้มปริ วงปล่อยแก่อุดรธานี ผู้สูงอายุกว่า 39 คน ที่ขับร้องเพลง "สงกรานต์บ้านเฮาและเพลงแคนลำโขง" ด้วยเสียงที่อาจจะไม่ได้เพราะเหมือนตอนหนุ่มสาว แต่เต็มไปด้วยพลังชีวิต ความสุข ความภูมิใจ และความน่ารักที่น่าชื่นชม นี่คือเสียงของ "คนปล่อยแก่" ที่ไม่ได้แก่จริง ๆ เพราะหัวใจยังเต้นแรง ปากยังร้องเพลงได้ และตัวตนยังมีคุณค่า

ชมรมนางรำสรีโคตรบูร กับการฟ้อนรำแห่งสายแนนแดนนครพนม ประกอบบทเพลงพื้นบ้านอีสานที่บรรเลงจากวงออร์เคสตร้า อีกหนึ่งความผูกพันในวัฒนธรรมอีสานที่ถูกถ่ายทอดผ่านท่ารำโบราน นางรำในชุดผ้าไทย จากชมรมฟ้อนรำศรีโคตรบูรณ์ ที่อ่อนช้อยและสง่างาม บอกเล่าเรื่องราวของผู้ไทผ่านท่ารำ กับนางรำนับร้อยชีวิต

คุณรู้ไหมว่าทำไมต้องจัดที่นครพนม? ทำไมไม่จัดในกรุงเทพฯ ที่มีโรงละครหรูหรา มีเครื่องเสียงดีกว่า สะดวกสบายกว่า?

เพราะนครพนม หรือที่เรียกในอดีตว่า “ศรีโคตรบูร” ไม่ใช่แค่จังหวัดหนึ่ง มันคือ "บ้าน" ของวัฒนธรรมล้านช้าง เคยมีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ที่นี่ มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับหลวงพระบาง เวียงจันทน์ มีผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ ชาวผู้ไท ชาวไทดำ อาศัยอยู่ร่วมกัน มีเพลง มีเรื่องราว มีวิถีชีวิตที่สวยงาม

แม่น้ำโขงไหลผ่าน แบ่งแยกแผ่นผืนดินให้มีผืนน้ำอันอุดมสมบูรณ์ แต่ไม่ได้แบ่งแยกวัฒนธรรม มองผ่านไปอีกฝั่งหนึ่งเห็นภูเขาลาว และใครบางคนเคยพูดไว้อย่างไพเราะว่า 

วิวเป็นของเรา ภูเขาเป็นของลาว

การเลือกจัดที่นี่จึงเหมือนการ "กลับบ้าน" การนำดนตรีกลับมายังต้นกำเนิด การบอกกับผู้คนที่นี่ว่า "บทเพลงอีสาน มันสวย มันมีคุณค่า” และมันเสนาะหูขึ้นเมื่อมีเสียงออร์เคสตร้าเต็มวงมาร่วมบรรเลง นี่ไม่ใช่การนำ "ดนตรีชั้นสูง" มาให้ "ชาวบ้าน" แต่เป็นการนำ "ดนตรีของชาวบ้าน" มา "ยกย่อง เทิดทูน และส่งคืนความภูมิใจ"

แล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คืนนั้นพิเศษกว่าคืนอื่น ๆ นั่นคือ ดร.สุชาติ วงษ์ทอง ศิลปินนานาชาติ ที่นั่งข้างเวที วาดภาพสีน้ำไปพร้อมๆ กับที่ดนตรีบรรเลง

คุณเคยนึกภาพไหมว่า "เสียง" จะเป็น "สี" ได้ยังไง?

คืนนั้น ผู้ชมได้เห็น เสียงพิณกลายเป็นเส้นสีน้ำเงินคดเคี้ยวบนกระดาษ เสียงแคนกลายเป็นวงกลมสีเหลืองทอง เสียงออร์เคสตร้าทั้งวงกลายเป็นคลื่นสีแดงส้มที่ปกคลุมทั้งภาพ เหมือนเราได้รับของขวัญสองชิ้นในเวลาเดียวกัน

คุณ "ได้ยิน" ดนตรี และคุณ "ได้เห็น" จิตวิญญาณของดนตรี นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "ศิลปะดนตรีส่องทางกัน" และมันงดงามเหลือเกิน

นี่คือการพลิกโฉมคำจำกัดความของ “ดนตรีคลาสสิก” จากสิ่งที่ "อยู่ไกลตัว ต้องปีนบันไดขึ้นไปฟัง" กลายเป็นสิ่งที่ "อยู่ใกล้ตัว นั่งเก้าอี้พลาสติกก็ฟังได้" และนั่นคือเจตนารมณ์ของโครงการ “เสียงอดีต สร้างจินตนาการ” ดนตรีที่ดีไม่ควรเป็นสิทธิพิเศษ มันควรเป็นของทุกคน

ชวนชมบันทึกการแสดงทางไทยพีบีเอส ความสุขที่คุณไม่ควรพลาด 5 ธันวาคม 2568 นี้ ทางไทยพีบีเอส และ www.vipa.me 

อ่านบทความอื่น ๆ 

ย้อนชม เสียงอดีตสร้างจินตนาการ ได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/program/PowerOfMusic  
 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

นครพนมคอนเสิร์ตดนตรีดนตรีอีสานเครื่องดนตรีอีสานออร์เคสตราดนตรีออร์เคสตรา
วราสิทธิ์ แสงทอง

ผู้เขียน: วราสิทธิ์ แสงทอง

โปรดิวเซอร์อาวุโส แห่งสำนักสร้างสรรค์เนื้อหา คนธรรมดาที่ฝักใฝ่การทำอาหาร สร้างแรงบันดาลใจชีวิตด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด