เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 68 เวลา 21:04 น. เพจ Facebook กรมชลประทานกล่าวว่า เกิด “ฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี ถล่มหาดใหญ่” จนเป็นสาเหตุของน้ำท่วมภาคใต้ สร้างความสงสัยให้ชาวเน็ตว่า “แล้วเก็บสถิติกันอย่างไร ?”

ข้อความส่วนหนึ่งจากโพสต์ดังกล่าวของกรมชลประทาน ระบุว่า “สำหรับจังหวัดสงขลา มีฝนตกหนักครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ ที่วัดปริมาณฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 68 วัดได้ 335 มม.ซึ่งเป็นปริมาณฝนตกหนักในรอบ 300 ปี สำหรับปริมาณฝนสะสม 3 วันย้อนหลัง (19-21 พ.ย. 68) ได้สูงสุดถึง 630 มม.” ซึ่งใช้อธิบายเบื้องหลังสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ – โดยเฉพาะที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา – ช่วงสุดสัปดาห์ 19-21 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งาน Facebook บางรายตั้งคำถามถึงวลี “ฝนตกหนักสุดในรอบ 300 ปี” ว่าจริงหรือไม่ จนแอดมินศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ เพจ Facebook SWOC RID ได้ตอบข้อสงสัยนี้ในเช้าวันถัดมา (24 พ.ย. 68) เมื่อเวลา 08:39 น. ไว้ว่า:
“ฝน 300 ปี” เป็นคำเรียกตามหลักสถิติอุทกวิทยา หมายถึงปริมาณฝนที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก (ประมาณ 1 ครั้งใน 300 ปี) ไม่ได้หมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อน แต่สะท้อนว่าปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ครั้งนี้อยู่ในระดับรุนแรงและผิดปกติมากกว่าค่าเฉลี่ยหลายเท่าตัว

จากการตรวจสอบข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมชลประทาน พบว่า ปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดช่วง 24 ชั่วโมง ณ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ตั้งแต่เวลา 7:00 น. ของวันที่ 21 พ.ย. 68 ถึง 7:00 น. ของวันที่ 22 พ.ย. 68 นั้น อยู่ที่ 370.2 มิลลิเมตร ซึ่งเข้าเกณฑ์ “ฝนหนักมาก” อีกทั้งยังรุนแรงผิดปกติหลายเท่าตัว
ส่วนอุทกวิทยา สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน ได้อธิบายเพิ่มเติมกับ Thai PBS Sci & Tech ว่า ฝนตกหนักสุดในรอบ 300 ปี คือ “โอกาสเกิดซ้ำ (return period)” ซึ่งมีอยู่ทุกปี ไม่ใช่ “ปฏิทิน” ตายตัวว่า ทุก 300 ปี จะต้องเกิดฝนตกหนักเช่นนี้แน่นอน หากเปรียบกับเกมจับลูกเต๋า 1 ใน 300 ลูก เราจะมีโอกาสจับโดนลูกเต๋าสีแดงที่มีอยู่แค่ลูกเดียว คิดเป็น 1/300 หรือร้อยละ 0.33 นั่นเอง
สิ่งที่ต้องคำนึงอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า “ธรรมชาติไม่มีความจำ” ในทางทฤษฎี แม้จะเจอเหตุการณ์ฝนตกหนักสุดในรอบ 300 ปีไปแล้ว ก็อาจพบซ้ำได้อีกในปีถัดไป แม้โอกาสจะน้อยมากก็ตาม ทั้งนี้ ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ได้ทำให้ปรากฏการณ์ธรรมชาติผันผวนมากขึ้น วัฏจักรน้ำก็รุนแรงขึ้นด้วยเช่นกัน จนความน่าจะเป็นที่จะเกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์แบบที่หาดใหญ่ อาจไม่ใช่ 1/300 อีกต่อไป

ส่วนอุทกวิทยา สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุที่ทำให้น้ำฝนระบายไม่ทันจนเกิดน้ำท่วมในหาดใหญ่ เกิดจากศักยภาพระบบระบายน้ำ โดยท่อระบายน้ำในเมืองส่วนใหญ่ ถูกออกแบบมารับมือฝนหลักรอบ 2-5 ปี คลองระบายน้ำหลัก อาจจะรับน้ำได้ที่รอบ 20-50 ปี และเขื่อนขนาดใหญ่ อาจจะรับได้ที่รอบ 100-500 ปี แต่เมื่อเกิดฝนหนัก “ทะลุขีดจำกัด” ในเขตเมืองที่แทบไม่เกิดอุทกภัย ระบบระบายน้ำในเขตเมืองจึงรับมวลน้ำไม่ทัน
ขณะที่ปริมาณฝนตกหนักเกินกว่าปกติจะเป็นปัจจัยสำคัญเบื้องหลังอุทกภัยครั้งใหญ่ แต่การจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ทันท่วงที และการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ นั้นสามารถผ่อนสถานการณ์หนักให้เป็นเบาได้ และป้องกันความเสียหายที่ไม่จำเป็น
ประชาชนสามารถแจ้งประสานขอความช่วยเหลือ ผ่านรายการสถานีประชาชน ไทยพีบีเอส โทร.0-2790-2630-2 (เวลา 06:00 - 21:00 น.) หรือไลน์ไอดี: @rongtookthaipbs พร้อมเกาะติดสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ 2568 กับ ไทยพีบีเอส ได้ที่: www.thaipbs.or.th/SouthernThailandFloods2025
อ้างอิง
- ฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี ถล่มหาดใหญ่ กรมชลฯเร่งระบายน้ำเต็มศักยภาพ ลดผลกระทบ, กรมชลประทาน [Facebook, 23 พ.ย. 68]
- รายงานสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้วปี 2568/68 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, กรมชลประทาน
- ส่วนอุทกวิทยา สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน และ เพจ Facebook SWOC RID
- อุณหภูมิต่ำสุดบริเวณประเทศไทย เมื่อเช้าวันนี้ (22 พ.ย. 68) วัดได้ 13.1 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม..., กรมอุตุนิยมวิทยา [Facebook, 22 พ.ย. 68]
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech: www.thaipbs.or.th/SciandTech




















