เป็นกำลังใจให้พี่น้องภาคใต้ ขอให้ฝนหยุดตก น้ำลดในเร็ววัน ขณะนี้ภาคใต้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมสุงในหลายพื้นที่ เช่น อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ Thai PBS และ Thai PBS Sci & Tech จึงขอนำสาเหตุมาให้ได้ทราบว่า ทำไม ? ภาคใต้วิกฤติหนักน้ำท่วมสูง เพื่อวางแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ลดกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ในเรื่องนี้ ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้ความรู้ผ่านเฟซบุ๊ก “Sonthi Kotchawat” ไว้ว่า

1. ภาคใต้วิกฤตหนักน้ำท่วมหนัก 10 จังหวัด
ประชาชนเดือดร้อนถึง 560,000 ครัวเรือน ขณะที่จังหวัดสงขลาน้ำท่วมครบทุก 16 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนจากน้ำท่วมถึง 150,000 ครัวเรือนโดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 25 ปีจากปี 2543
โดยกรมชลประทาน ระบุว่า “สำหรับจังหวัดสงขลา มีฝนตกหนักครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ ที่วัดปริมาณฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 68 วัดได้ 335 มม.ซึ่งเป็นปริมาณฝนตกหนักในรอบ 300 ปี สำหรับปริมาณฝนสะสม 3 วันย้อนหลัง (19-21 พ.ย. 68) ได้สูงสุดถึง 630 มม.” ซึ่งใช้อธิบายเบื้องหลังสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ – โดยเฉพาะที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา – ช่วงสุดสัปดาห์ 19-21 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ “ฝน 300 ปี” เป็นคำเรียกตามหลักสถิติอุทกวิทยา หมายถึงปริมาณฝนที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก (ประมาณ 1 ครั้งใน 300 ปี) ไม่ได้หมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อน แต่สะท้อนว่าปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ครั้งนี้อยู่ในระดับรุนแรงและผิดปกติมากกว่าค่าเฉลี่ยหลายเท่าตัว

2. สาเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา
2.1 สภาพภูมิประเทศ
เมืองหาดใหญ่สภาพพื้นที่ค่อนข้างต่ำเป็นพื้นที่ลุ่มลาดลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้น้ำไหลลงมารวมกันได้ง่ายและระบายออกได้ยากขึ้นกับน้ำในทะเลสาบสงขลา หากเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนน้ำจะระบายลงได้ยาก
นอกจากนี้ยังมีของอู่ตะเภาซึ่งเป็นคลองสายหลักยาว 116 กม. ไหลมาจาก อ.สะเดา ผ่าน อ.หาดใหญ่ ไหลไปลงทะเลสาบสงขลาที่ ต.คูเต่า อ.บางกล่ำ และยังมีคลอง ร.1 หรือคลองภูมินาถดำริ ซึ่งเป็นคลองโครงการบรรเทาอุทกภัย สร้างมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นโครงการผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาและน้ำที่ไหลมาท่วมตัว อ.หาดใหญ่ เพื่อให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว คลองอู่ตะเภาและคลอง ร.1 ไหลจากทิศใต้ขึ้นไปยังทิศเหนือเพื่อให้น้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลา
ขณะที่น้ำไหลลงมาจากเขาคอหงส์ อ.นาหม่อม และ อ.จะนะ จะไหลลงสู่คลองหวะ ด้านทิศตะวันออกซึ่งไหลต่อลงสู่คลองอู่ตะเภา
นอกจากนี้ยังมีน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขานครศรีธรรมราชไหลลงสู่คลองต่ำและไหลไปลงคลองอู่ตะเภาที่ อ.หาด ใหญ่ ทางด้านทิศตะวันตกด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าน้ำจากทุกทิศไหลลงสู่คลองอู่ตะเภา ซึ่งไหลผ่าน อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบต่ำก่อนลงทะเลสาบสงขลาต่อไป
2.2 สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ฝนตกมากกว่าปกติ
ขณะนี้มวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นจากประเทศจีน ได้แผ่ลงมากดร่องมรสุมความกดอากาศต่ำที่พัดพาดผ่านภาคกลางที่ทำให้เกิดฝนตกหนักลงมายังภาคใต้ใกล้ประเทศมาเลเซีย ประกอบกับเป็นช่วงสภาวะลานีญา ที่เพิ่มความชื้นในอากาศมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดฝนตกหนักมากใน 10 จังหวัดภาคใต้ ฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 19-22 พ.ย. 68 รวมผลสะสม 3 วันได้ถึง 595 มม. ซึ่งมากกว่า ปี 2543 และ 2553 ซึ่งสูงสุดคือ 515 มม. ขณะที่เขาคอหงส์ อ.นาหม่อม ในวันที่ 22 พ.ย. 68 มีฝนตกมากถึง 365 มม. และฝนยังตกต่อเนื่อง น้ำทุกสายไหลลงมาสู่คลองอู่ตะเภา และล้นท่วมเมืองหาดใหญ่
สำหรับ “สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน” คือ ความแปรปรวนของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่บนโลกเกิดสภาพอากาศที่รุนแรงสุดขั้ว ไม่ว่าจะร้อนจัด หนาวจัด ลมพายุที่รุนแรง ฝนตกหนัก และในฤดูหนาวมีอุณหภูมิลดต่ำลง ซึ่งผลกระทบที่เกิดในประเทศไทยที่เราเห็นได้ชัดเจน ก็คือ ฝนตก น้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่าที่เพิ่มขึ้น แต่ในปัจจุบันประเทศไทยได้พบกับอากาศสุดขั้วของสภาพอากาศหนาว ฝนตกหนักและสภาพอากาศผสมระหว่างสภาพอากาศหนาวและฝนตกหนัก
เกร็ดน่ารู้ : “ลานีญา” ทำให้เกิด “ฝนมาก-น้ำท่วม”
อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแปซิฟิกกลางและตะวันออก เย็นลงผิดปกติ เพราะลมสินค้า มีกำลังแรงกว่าปกติ น้ำทะเลอุ่นจึงถูกพัดไปทางด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกมากขึ้น ส่งผลให้ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเกิดเมฆฝนรุนแรง และด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกมีความแห้งแล้งกว่าปกติ เป็นผลให้พื้นที่แห้งแล้งต้องเผชิญกับภาวะฝนตกหนัก จนเกิดภาวะน้ำท่วม อุณหภูมิของอากาศต่ำกว่าปกติ
2.3 การบริหารจัดการน้ำ / การคาดการณ์/การเตรียมการรับมือ / การแจ้งเตือนและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทำได้ไม่ค่อยดีนัก
การบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยในปีนี้น่าจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติมากเพราะเกิดน้ำท่วมหนักทั่วประเทศครบทุกภาค ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานและลงมาภาคใต้ ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าปีนี้เป็นภาวะลานีญาและเป็นช่วงที่อากาศแปรปรวนหนัก
การแจ้งเตือนภัยพิบัติ ทำได้ล่วงหน้า 1-2 วันซึ่งได้มีการแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ได้ดีพอสมควร ทุกคนในพื้นที่ได้รับข่าวสารแต่การเตรียมการรับมือ และการแก้ไขในภาวะวิกฤตยังถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาก ทุกวันนี้ที่ภาคใต้ได้เห็นคนติดอยู่บนหลังคาและยังไม่ได้รับอาหารและน้ำเป็นจำนวนมาก การช่วยเหลือยังทำได้ล่าช้า
คอนเทนต์เกี่ยวข้องที่น่าสนใจ
📌อ่าน : ฝนตกหาดใหญ่ “หนักสุดในรอบ 300 ปี” หมายความว่าอย่างไร ?
📌อ่าน : “โลกร้อนขึ้น” เกิดพายุหมุนจำนวนมาก-รุนแรงขึ้น ไม่ปรับตัวอยู่ยากขึ้น
📌อ่าน : เข้าใจการเกิด “เอลนีโญ” เพื่อร่วมลดความรุนแรงปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ทุกคนช่วยได้
📌อ่าน : ไขคำตอบ เอลนีโญ-ลานีญา ความต่างที่สุดขั้ว
📌อ่าน : นับวันยิ่งวิกฤติ! ปัญหา “น้ำท่วม กทม.” คิดใหม่..ควรทำอย่างไรดี?
📌อ่าน : 4 สาเหตุหลัก “น้ำท่วมหนัก” หลายจังหวัดภาคเหนือ
📌อ่าน : “ไทย” อันดับ 4 ของโลก เสี่ยงถูกน้ำท่วมหนักปี 2050 “กรุงเทพฯ” อาจจมน้ำเกือบทั้งหมด
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















