ปีนี้ “โลกร้อน” เริ่มทำให้เราเห็นผลกระทบอย่างชัดแจ้งมากยิ่งขึ้น คณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) จึงได้คาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตซึ่งน่าวิตกเป็นอย่างมาก ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
ในเรื่องนี้ ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้ความรู้ผ่านเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat ไว้ 3 ข้อดังนี้ว่า
1. คณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) คาดการณ์ว่าภายในปี 2100 ระดับน้ำทะเลอาจสูงกว่าปัจจุบันถึง 1.1 เมตร และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใด ๆ ก็ตามจะไม่สามารถหยุดยั้งผลกระทบในระยะสั้นและระยะกลางของปรากฏการณ์นี้ได้ จากการคาดการณ์พบว่าประชากรการหนึ่งพันล้านคนจะเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่สูงขึ้นมากตั้งแต่ปี 2050 เป็นต้นไป
2. ประเทศในเอเชีย 8 ประเทศ ได้แก่ จีน บังกลาเทศ อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น คิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ จะมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกน้ำท่วมอย่างหนักในปี 2050 หรือ พ.ศ. 2593 โดยเวียดนาม อียิปต์ และบังกลาเทศ มีดัชนีความเสี่ยงน้ำท่วมสูงสุดด้วยคะแนน 9.9 จาก 10, ตามมาด้วยประเทศไทย 9 คะแนน, อิรัก 9.6 คะแนน, ปากีสถาน 9.5 คะแนน, จีน 9.3 คะแนน และอินเดีย 9.2 คะแนน
3. ประเทศในแถบอาเซียน ที่มีความเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากการถูกน้ำท่วมในปี 2050 รายงานล่าสุดของสถาบัน McKinsey Global Institute (MGI) ระบุว่า
3.1 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย : จากการคาดการณ์ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำให้เมืองหลวงของไทยเป็นเมืองที่มีความเสี่ยงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่จะถูกน้ำท่วมหนักเนื่องจากกรุงเทพมีระดับความสูงเฉลี่ย 1.5 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และแผ่นดินทรุดปีละ 2-3 ซม. โดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ระบุว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นไปประชากร 5 ล้านคนจาก 10.7 ล้านคนในกรุงเทพ มหานครอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมโดยคาดว่าพื้นที่หนึ่งในสามของเมืองหลวงของไทยอาจจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมดภายใน พ.ศ. 2593 และส่งผลให้ประชาชนเกือบ 11 ล้านคนต้องอพยพออกจากพื้นที่...
นอกจากนี้การคาดการณ์ที่อัปเดตล่าสุดของ Climate Central คาดการณ์ว่าจะเกิดน้ำท่วมรุนแรงในกรุงเทพฯและ พื้นที่ริมชายฝั่งของประเทศไทย และตามแนวชายฝั่งของมาเลเซียโดยคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในปี 2030
3.2 มาเลเซีย : โดย Climate Central คาดการณ์ว่าระหว่างปี 2573 - 2593 ชายฝั่งด้านตะวันตกและตะวันออกของคาบ สมุทรมาเลเซียจะถูกน้ำท่วมจากช่อง แคบมะละกาและทะเลจีนใต้ ซึ่งอาจท่วมพื้นที่ชายฝั่งมากถึง 12,000 ตารางกิโลเมตร
3.3 เมืองมะนิลา ฟิลิปปินส์ : เป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกคุกคามมากที่สุดจากปัญหาน้ำท่วมชายฝั่งโดยคาดการณ์ว่าบางส่วนของ “มะนิลา” เมืองหลวงของประเทศจะจมอยู่ใต้น้ำภายในปี 2593 จากข้อมูลขององค์กรข่าวและวิทยาศาสตร์ Climate Central คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประชากรมากถึง 6.8 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง แม้ว่ารัฐบาลจะได้ดำเนินโครงการย้ายถิ่นฐานสำหรับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้วแต่บางคนก็มีความผูกพันกับบ้านเรือนของตนอย่างมากและปฏิเสธที่จะย้ายออกไป เนื่องจากวิถีชีวิตของพวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยท้องทะเล
3.4. รายงานของ MGI ระบุถึงความเสี่ยงของนครโฮจิมินห์ประเทศเวียดนาม ต่ออุทกภัยร้ายแรงถึง 23% ของพื้นที่ในปัจจุบันและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 36% ของพื้นที่ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593)
ไม่เพียงแต่ระดับน้ำท่วมจะเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าเท่านั้นแต่ความเสียหายต่ออสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานอาจสูงถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2593
ณ ตอนนี้ เราทุกคนต้องใส่ใจปัญหา โลกร้อน แล้วร่วมกันแก้ปัญหา ก่อนที่เหตุการณ์ที่คาดการณ์ในอนาคตจะเกิดขึ้นจริง
📌อ่าน : หาก “โลกร้อน” ถึง 1.5 องศาฯ และ 2.0 องศาฯ จะเกิดอะไรขึ้น? www.thaipbs.or.th/now/content/3000
📌อ่าน : อีก 5 ปีข้างหน้าจาก “โลกร้อน” สู่ “โลกเดือด” และสภาวะโลกรวนกำลังตามมา www.thaipbs.or.th/now/content/2836
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : IPCC, ดร.สนธิ คชวัฒน์
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech