NASA เปิดเผยผลตัวอย่างหินของดาวเคราะห์น้อยเบนนู (Bennu) ที่กลับมายังโลก พบวัสดุอินทรีย์รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยพบในอุกกาบาตมาก่อนทั้งน้ำตาลไรโบส (Ribose) กลูโคส และปริมาณฝุ่นซูเปอร์โนวาที่สูงผิดคาด สะท้อนให้เห็นความซับซ้อนของสภาพแวดล้อมในระบบสุริยะยุคกำเนิดและกระบวนการสร้างวัตถุดิบทางเคมีที่เอื้อต่อการเกิดชีวิตบนโลก
ล่าสุดมีงานวิจัยสามชิ้นที่เป็นผลการวิเคราะห์ของตัวอย่างหินจากดาวเคราะห์น้อยเบนนูได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ชิ้นแรกเป็นงานวิจัยจากทางฝั่งของญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโทโฮคุ (Tohoku) พบน้ำตาลไรโบสโคสและน้ำตาลกลูโคสถือเป็นหลักฐานแรกที่พบในวัตถุจากนอกโลก น้ำตาลกลูโคสนี้ถือว่าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของสิ่งมีชีวิต ส่วนน้ำตาลไรโบสเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารพันธุกรรมประเภทอาร์เอ็นเอ (RNA) แม้ไม่ใช่หลักฐานการมีอยู่ของชีวิต แต่การพบร่วมกับกรดอะมิโน เบสของดีเอ็นเอ (DNA) และอาร์เอ็นเอ รวมถึงสารอินทรีย์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ บ่งชี้ว่าองค์ประกอบตั้งต้นของโมเลกุลชีวภาพแพร่กระจายอยู่ทั่วระบบสุริยะในยุคเริ่มแรก และสนับสนุนสมมติฐานโลกของ RNA ที่เชื่อว่าชีวิตยุคแรกอาจอาศัยอาร์เอ็นเอเป็นโครงสร้างหลักก่อนเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบชีวภาพที่ซับซ้อนเช่นปัจจุบัน

งานวิจัยฉบับที่สองจาก NASA Ames Research Center และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ รายงานการค้นพบสารลักษณะคล้ายยางโบราณ หรือวัสดุที่มีสมบัติยืดหยุ่น ซึ่งไม่เคยพบในหินจากอวกาศมาก่อน วัสดุนี้เกิดขึ้นเมื่อดาวต้นกำเนิดของเบนนู อุ่นขึ้นในระยะแรกของระบบสุริยะ และเชื่อกันว่าเกิดจากการรวมตัวของสารคาร์บาเมต (Carbamate) ที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุและน้ำแข็งในเนบิวลาสุริยะ สารดังกล่าวเคยอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นก่อนแข็งตัวตามกาลเวลา มีองค์ประกอบไนโตรเจนและออกซิเจนในระดับสูง และจัดเป็นโมเลกุลเชิงซ้อนที่อาจเป็นหนึ่งในสารตั้งต้นทางเคมีที่ช่วยให้สภาพแวดล้อมบนโลกเหมาะสมต่อการกำเนิดชีวิต ผลการวิเคราะห์ชี้ว่าสารนี้มีลักษณะคล้ายโพลียูรีเทน (Polyurethane) แต่มีโครงสร้างเชื่อมโยงแบบไม่เป็นระเบียบ สะท้อนให้เห็นความซับซ้อนของกระบวนการเคมีในช่วงกำเนิดระบบสุริยะ

งานวิจัยฉบับที่สามจาก NASA Johnson Space Center วิเคราะห์เม็ดฝุ่นก่อนยุคสุริยะที่พบในตัวอย่างเบนนู และรายงานว่ามีฝุ่นจากซูเปอร์โนวาในปริมาณมากกว่าวัสดุอวกาศชนิดอื่นถึงหกเท่า บ่งชี้ว่าดาวต้นกำเนิดของ เบนนูอาจก่อตัวในเขตของจานกำเนิดดาวเคราะห์ที่อุดมไปด้วยฝุ่นจากดาวฤกษ์ที่ระเบิดตาย นอกจากนี้ยังพบว่าตัวอย่างบางส่วนยังคงรักษาเม็ดซิลิเกตที่เกิดขึ้นก่อนยุคการกำเนิดของระบบสุริยะและสารอินทรีย์ที่มักถูกทำลายได้ง่าย จึงช่วยให้สามารถย้อนรอยสภาวะแวดล้อมในช่วงกำเนิดวัตถุนี้ได้ละเอียดขึ้น และสะท้อนว่าดาวต้นกำเนิดของเบนนูสะสมวัสดุจากหลายแหล่งภายในช่วงต้นกำเนิดของระบบสุริยะ
การเก็บตัวอย่างของดาวเคราะห์น้อยเบนนูของภารกิจ OSIRIS-REX นับว่าเป็นหนึ่งในภารกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม เพราะหลังจากที่ตัวอย่างส่งกลับมาถึงโลกแล้ว ก็ได้มีการแจกจ่ายไปยังสถาบันวิจัยต่าง ๆ รวมถึงมอบให้กับญี่ปุ่นด้วยเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนตัวอย่างที่เก็บได้จากดาวเคราะห์น้อยริวกู (Ryugu) เทียบกับตัวอย่างของดาวเคราะห์น้อยเบนนู การศึกษาตัวอย่างของดาวเคราะห์น้อยเบนนูในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยยกระดับความเข้าใจเกี่ยวกับระบบสุริยะในยุคต้น แต่ยังให้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับวัตถุดิบทางเคมีที่อาจมีบทบาทต่อการก่อกำเนิดชีวิตบนโลก และสนับสนุนการวิจัยในอนาคตว่าความเป็นไปได้ของการเกิดชีวิตอาจไม่ได้จำกัดอยู่เพียงบนโลกเท่านั้น
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
ที่มาข้อมูล : NASA
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















