ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เมื่อซูเปอร์สตาร์โลกฟุตบอล “งัดข้อ” กับเฮดโค้ช


กีฬา

สันทัด โพธิสา

แชร์

เมื่อซูเปอร์สตาร์โลกฟุตบอล “งัดข้อ” กับเฮดโค้ช

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3501

เมื่อซูเปอร์สตาร์โลกฟุตบอล “งัดข้อ” กับเฮดโค้ช

 

เป็นอีกหนึ่งข่าวคราวในโลกฟุตบอลที่มักสร้างความสนใจแก่แฟน ๆ กีฬาฟุตบอล สำหรับเรื่องราวของนักฟุตบอลชื่อดัง ที่ออกอาการไม่ลงรอยกับบรรดาเฮดโค้ช หรือผู้จัดการทีม 

ที่ผ่านมา มีนักเตะชื่อดัง ที่เคย “งัดข้อ” กับเหล่าบอสอยู่มากมายหลายคู่กรณี ไปดูกันว่า มีคู่ไหนที่เป็นที่จดจำสนั่นวงการฟุตบอลกันบ้าง

เซอร์ เดวิด เบ็คแฮม vs เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

เดวิด เบ็คแฮม และ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ในยุค 90 ชื่อของ เดวิด เบ็คแฮม คือหนึ่งในนักเตะชื่อก้องที่โลกรู้จัก ทว่าก่อนจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งโลกลูกหนัง เดวิด เบ็คแฮม (หรือปัจจุบันคือ เซอร์ เดวิด เบ็คแฮม) คือลูกศิษย์ก้นกุฏิของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (ปัจจุบันคือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน) อดีตบรมกุนซือ แห่งสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เบ็คแฮมก้าวเข้ามายังแมนฯ ยูไนเต็ด ในฐานะนักเตะเยาวชนของสโมสร โดยมี อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้มอบโอกาสในการลงสนามในฐานะขุนพลปีศาจแดง โดยนับจากช่วงปี 1995 เบ็คแฮมค่อย ๆ สร้างผลงานจนกลายเป็นดาวจรัสแสงแห่งแมนแชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปโดยปริยาย

ทว่าเมื่อโด่งดังมีสปอตไลท์สาดส่อง แถมยังพ่วงดีกรีเป็นแฟนหนุ่มของ วิกตอเรีย อดัมส์ สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปแห่ง “สไปรซ์เกิร์ล” เบ็คแฮมก็เริ่มมีข่าวความไม่ลงรอยกันกับอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เนื่องจากผู้จัดการทีมไม่ต้องการให้เบ็คแฮม มัวแต่โฟกัสกับการเป็นเซเลบริตีนอกสนาม แต่ดูเหมือนว่า เบ็คแฮมกลับไม่เชื่อตามคำแนะนำ และไปให้น้ำหนักกับชีวิตความเป็นคนดังนอกสนามมากขึ้นทุกขณะ 

กระทั่งเกิดเรื่องราว “สตั๊ดเหินหาว” ที่เฟอร์กูสันเตะรองเท้าฟุตบอลไปโดนคิ้วของเบ็คแฮมจนเลือดอาบ เหตุเกิดขณะพักครึ่งเวลาในเกมที่แมนฯ ยูไนเต็ดพบอาร์เซนอล ปี 2003 แม้จะเป็นการระบายอารมณ์จากฟอร์มของนักเตะทั้งทีมที่เล่นได้ไม่ดีในแมตซ์นั้น แต่มันกลับกลายเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ทำให้เดวิด เบ็คแฮม ตัดสินใจย้ายออกจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อไปเล่นให้กับเรอัล มาดริด ในลาลีกา สเปน โดยยุติเส้นทางการเป็นขวัญใจหมายเลข 7 ของแฟนปีศาจแดงลงทันที

แม้เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองจะเคลียร์ใจกันได้ และเบ็คแฮมยังให้ความเคารพเฟอร์กูสันเฉกเช่นเดิม แต่คดีความการงัดข้อครั้งนั้น ยังได้รับการกล่าวขานและเป็นที่จดจำของแฟนบอลอยู่เสมอ

เป๊ป กวาร์ดิโอลา vs ซลาตัน อิบราฮิโมวิช 

เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

อีกหนึ่งในตำนานความร้อนแรงระหว่างนักเตะกับโค้ช นั่นคือ กรณีของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทั้งคู่เคยร่วมงานกันที่สโมสรบาร์เซโลนา ในช่วงปี 2009 ซึ่งกินระยะเวลาแค่เพียงฤดูกาลเดียว เนื่องจากความไม่ลงรอยกัน ทั้งจากเรื่องแท็คติกฟุตบอลที่ไม่เอื้อต่อฟอร์มการเล่นของซลาตัน จนทำให้เจ้าตัวไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามมากนัก รวมไปถึงปัญหานอกสนาม ที่ซลาตันมักไม่ค่อยทำตามคำสั่งของเป๊ป จนเป็นเหตุให้มีข่าวว่า ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันอย่างหนัก

ซลาตันลงเล่นให้กับบาร์เซโลนาแค่เพียงฤดูกาลเดียว ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจย้ายไปอยู่ทีมเอซี มิลาน ในอิตาลี พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์สไตล์การทำงานของเป๊ปว่าเปรียบเหมือน “รถบัสวิ่งชนกำแพง” หรือตีความหมายว่า ดีแต่ครองบอล แต่ขาดความเฉียบคม 

ครั้งหนึ่งเจ้าตัวออกหนังสือชื่อ “I AM ZLATAN” พร้อมทั้งยังวิจารณ์อดีตกุนซือชาวสเปนว่า ทำให้ความฝันที่เขาจะได้ค้าแข้งกับทีมบาร์เซโลนาต้องพังทลาย แถมยังถูกทรยศขายทิ้งให้ทีมอื่นอีกด้วย

เมื่อเวลาผ่านไป แม้ทั้งคู่จะออกมาให้ข่าวทำนองว่า ไม่ได้มีปัญหาคาใจอะไรต่อกันอีกแล้ว แต่เมื่อไรที่ “ซลาตัน” โคจรมาเจอกับ “เป๊ป กวาร์ดิโอลา” มักเรียกความสนอกสนใจต่อบรรดานักข่าว และถูกจับจ้องให้กลายเป็นประเด็นอยู่เสมอ ๆ

ยาป สตัม vs เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ยาป สตัม ปราการหลังจอมแกร่ง แต่พลาดท่าจากหนังสือของตัวเอง

เป็นอีกหนึ่งเรื่องช็อก ๆ ที่เกิดขึ้นภายในสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กรณีของ ยาป สตัม ปราการหลังจอมแกร่ง ที่ย้ายมาช่วยสร้างผลงานให้กับทีม โดยทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าทริปเปิลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ในปี 1999 

แต่แล้วไม่นานนัก กลับเกิดเรื่องพลิกพลันกับกองหลังชาวเนเธอร์แลนด์รายนี้ เมื่อ ยาป สตัม ออกหนังสือส่วนตัวที่ชื่อ Head to Head โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งในหนังสือ วิพากษ์วิจารณ์ผู้จัดการทีม และเพื่อนร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ดหลายต่อหลายคนในขณะนั้น แถมยังนำเรื่องการซื้อตัวนักเตะของเฟอร์กูสัน เมื่อคราวที่นำพาตัวเขา ย้ายจากสโมสรพีเอสวี ไฮน์โฮเฟน มายังแมนฯ ยูไนเต็ด ว่ามีความไม่ชอบมาพากล 

งานนี้เหมือนปาระเบิดลูกใหญ่ เพราะเมื่อหนังสือออกวางขาย บรรดาสื่อต่าง ๆ ได้นำเรื่องราวไปขยายความ จนทำให้เฟอร์กูสันออกอาการโมโหอย่างหนัก เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดทุกคนในเวลานั้น ต้องเชื่อฟัง และอยู่ภายใต้กฎกติกาของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือใหญ่เท่านั้น

เมื่อสตัมได้ทำในสิ่งที่เรียกว่า “ท้าทายระบบ” จนกลายเป็นเหตุใหญ่ ส่งผลให้ต้นสังกัด จัดการขายเขาให้กับสโมสรลาซิโอ ในอิตาลีทันที โดยสตัมได้รับการแจ้งกล่าวจากเฟอร์กูสันให้ย้ายทีมชนิดฟ้าผ่า ทั้งนี้สโมรสรตอบตกลง ขายเขาให้กับลาซิโอภายใน 24 ชม. มารู้ตัวอีกที สตัมก็ย้ายไปสวมสีเสื้อใหม่ ภายใต้สังกัดลาซิโอ ในเซเรีย อา อิตาลี เรียบร้อย

แม้นว่าภายหลังจะมีข่าวการเคลียร์ใจระหว่างสตัมกับเฟอร์กูสัน พร้อมทั้งพ่อใหญ่แห่งสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด ยังได้ออกมายอมรับว่า การย้ายฟ้าฝ่าของปราการหลังชาวดัตซ์ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง แต่เรื่องราวนี้ก็มักได้รับการหยิบยกมาพูดถึงเสมอ ในมุมที่ว่า “ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร” และอะไรก็มักจะเกิดขึ้นได้ในโลกฟุตบอล 

โชเซ มูรินโญ vs พอล ป็อกบา  

คู่แค้นแสนรัก มูรินโญ & ป็อกบา

เอ่ยชื่อ โชเซ มูรินโญ รับประกันทั้งเรื่องความสามารถในการทำทีมฟุตบอล รวมไปถึงเรื่องความเร่าร้อนในการคุมลูกทีม แม้จะประสบความสำเร็จ การันตีถ้วยรางวัลมากมาย ทว่าในคราวเดียวกัน ด้วยคาแรกเตอร์ความเป็น The Special one ของเจ้าตัว มักนำมาด้วยข่าวคราวความไม่ลงรอยกับลูกทีมอยู่เป็นประจำ

มูรินโญเคยมีข่าวกับอดีตลูกทีมของเขาอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี หรือ ดิดิเยร์ ดรอกบา เมื่อครั้งสมัยที่คุมทีมเชลซี ในพรีเมียร์ลีก กระทั่งเมื่อเจ้าตัวได้รับโอกาสมาคุมทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่อุดมไปด้วย “ข่าว” มากมาย เรื่องราวความไม่ลงรอยระหว่างผู้จัดการทีมกับนักเตะก็ได้รับการจับจ้องอีกครั้ง

มูรินโญคุมแมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคที่มีซูเปอร์สตาร์อย่าง พอล ป็อกบา ที่หวนกลับมาร่วมทีมปีศาจแดงอีกครั้ง ชนวนแห่งความไม่ลงรอยกันเริ่มเกิดขึ้น เนื่องจากมูรินโญเล็งเห็นว่า ป็อกบาไม่ทุ่มเทกับเรื่องในสนามอย่างเพียงพอ

ข่าวความไม่ลงรอยของ The Special one กับนักเตะซูเปอร์สตาร์ ผู้เปลี่ยนสีผมอย่างสม่ำเสมอ กลายเป็นประเด็นขายดีให้กับสื่อกีฬาทั่วโลก แม้ว่าในระยะแรก มูรินโญจะ “ซื้อใจ” ด้วยการมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้กับป็อกบา เพื่อให้เจ้าตัวมุ่งมั่นและทุ่มเทเพื่อทีม แต่ทำไปทำมา ป็อกบากลับไม่สามารถ “แบกทีม” ได้อย่างที่ควรจะเป็น ในทางกลับกัน เจ้าตัวเริ่มวิพากษ์วิจารณ์การทำทีมของบอสตัวเองว่า ควรจะเน้นเกมรุกให้กับทีมมากกว่านี้

ฟางเส้นสุดท้ายที่กระชากความสัมพันธ์ของทั่งคู่ คือคลิปวิดีโอที่ถูกปล่อยออกมา มันเป็นภาพในสนามซ้อมที่ป็อกบาและมูรินโญปะทะอารมณ์ใส่กัน จนนำมาซึ่งความร้าวฉานที่รุนแรง ทว่าด้วยผลงานอันลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของทีมปีศาจแดง ส่งผลให้โชเซ มูรินโญ ต้องถูกไล่ออกไปเสียก่อน ในคราวเดียวกัน ป็อกบาก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรุมเร้า และฟอร์มตกลงไป จนสุดท้ายเจ้าตัวหมดสัญญากับสโมสร และย้ายออกไปแบบไม่มีค่าตัวในปี 2022 

เมื่อเวลาผ่านไป ภายหลังป็อกบาออกมาให้สัมภาษณ์ถึงอดีตเฮดโค้ชมูรินโญว่า ยังให้ความเคารพอดีตบอสของเขาเช่นเดิม เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าตัวได้กลับมาลงสนามในฐานะนักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ดอีกครั้ง

เอริก เทน ฮาก vs คริสเตียโน โรนัลโด 

AFP__20241028__36KW943__v1__HighRes__EngFblManUtdTenHag.jpg

สำหรับแฟนฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชื่อ “คริสเตียโน โรนัลโด้” คือหนึ่งในนักเตะขวัญใจตลอดกาล ในช่วงเวลาหนึ่ง นักเตะเจ้าของฉายา CR7 คนนี้ เคยรังสรรค์ผลงานอันเร่าร้อนและร้อนแรงให้กับพลพรรคทีมปีศาจแดง กระทั่งเมื่อเจ้าตัวย้ายออกไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ในสเปน แฟน ๆ ต่างยังคงคิดถึงผลงานของเขาไม่เสื่อมคลาย

12 ปีผ่านไป เกิดเซอร์ไพรส์สนั่นวงการฟุตบอล เมื่อ คริสเตียโน โรนัลโด้ สืบเท้ากลับมายังสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ดอีกครั้ง ภายใต้การทำทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา ก่อนจะต่อด้วยผู้จัดการทีมขัดตาทัพอย่าง ราล์ฟ รังนิก และผู้จัดการทีมชาวเนเธอร์แลนด์ เอริก เทน ฮาก

นอกจากผลงานโดยรวมของทีมปีศาจแดงจะยังไม่สม่ำเสมอแล้ว ข่าวคราวความไม่ลงรอยกันของโรนัลโด้กับเอริก เทน ฮาก ยังค่อย ๆ ปะทุขึ้นมาเป็นระยะ กระทั่งมีภาพที่โรนัลโด้เดินออกจากสนามไปก่อนที่เกมจะจบเกมการแข่งขัน เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้รับโอกาสในการลงสนาม ความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งลดระดับลงอย่างรุนแรง ฝ่ายหนึ่งมองว่า โค้ชไม่มีความจริงใจ และไม่เคารพความเป็นนักฟุตบอลของตัวเอง อีกฝ่ายหนึ่งมองว่า นักเตะพยายามส่งอิทธิพลเป็นศูนย์กลางของทีม และฟอร์มโดยรวมก็ไม่แข็งแกร่งดังเดิม 

ความบาดหมางเดินทางไปจนกระทั่ง โรนัลโดไปออกรายการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ และพาดพิงทั้งโค้ช (เอริก เทน ฮาก) และกับสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด จนส่งผลให้เจ้าตัวถูกยกเลิกสัญญาจากสโมสร พร้อมทั้งปิดฉากตำนานหมายเลข 7 ที่ (คาดหวังว่า) จะกลับมาช่วยทวงความยิ่งใหญ่ให้ทัพปีศาจแดงไปโดยปริยาย

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ vs อาร์เน่อ สลอต

โม ซาลาห์ & อาร์เน่อ สลอต

ไม่มีใครปฏิเสธว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คือ กุญแจสำคัญ ที่มีส่วนในการพาลิเวอร์พูลกลับมายิ่งใหญ่ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในรอบหลายสิบปี ทว่าด้วยผลงานที่ไม่ค่อยดีนัก ในพรีเมียร์ลีกช่วงต้นฤดูกาล 2025-2026 ของพลพรรคหงส์แดง เป็นเหตุให้เกิดแรงกดดันต่อนักเตะหมายเลข 1 ของสโมสร มากไปกว่านั้น คือข่าวความไม่ลงรอยกันระหว่าง อาร์เน่อ สลอต กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ค่อย ๆ เข้มข้นและแจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ 

สัญญาณแห่งปัญหา คือการที่สลอตเลือกที่จะดรอปซาลาห์จาก 11 ผู้เล่นตัวจริงถึง 3 นัดติดต่อกัน นี่อาจเรียกว่าเป็นมหกรรมการดรอปซาลาห์เป็นครั้งแรก เนื่องจากที่ผ่านมา ซาลาห์แทบจะไม่เคยถูกดรอปการลงสนาม (ถ้าไม่เจ็บ ไม่ป่วย) เหตุการณ์นี้ถือเป็น “ชนวน” ที่ถูกจุดติด ที่สื่อกีฬาทั่วโลกต่างจับจ้องรอเวลา (ระเบิด) อย่างแรง 

แม้สถานการณ์ล่าสุด นักเตะผู้มีนิกเนมจากแฟน ๆ ว่า ‘โม ซาลาห์’ จะกลับมาได้รับโอกาสลงสนามในฐานะ “ตัวจริง” และลิเวอร์พูลระบายความกดดัน ด้วยผลงานที่เริ่มกลับเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น แต่ข่าวลือเรื่องความระหองระแหงของผู้จัดการทีม & นักเตะซูเปอร์สตาร์คู่นี้ ยังคงรอวันปะทุ หากเมื่อใดที่ผลงานของทีมมีอันตกต่ำลงอีกครั้ง

เรื่องความไม่ลงรอยกันในเกมกีฬา ถือเป็นสิ่งที่พบเจอกันได้อยู่บ่อยครั้ง หากแต่สามารถก้าวข้ามด้วยการมอง “เป้าหมาย” ความสำเร็จร่วมกัน ปัญหาระหว่างทางก็จะลดขนาดลง…

อ่านบทความอื่น ๆ

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

นักฟุตบอลฟุตบอลโรนัลโด้โมฮาเหม็ด ซาลาห์เป๊ป กวาร์ดิโอลาซลาตัน อิบราฮิโมวิชเซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสันเซอร์ เดวิด เบ็คแฮม
สันทัด โพธิสา

ผู้เขียน: สันทัด โพธิสา

เจ้าหน้าที่เนื้อหาออนไลน์อาวุโส Thai PBS สนใจความเคลื่อนไหวของสังคม ผู้คน และเทรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และรวมถึงเป็นสมาชิกทาสแมวมายาวนาน

บทความ NOW แนะนำ