ตำบลสามเรือน มีพื้นที่ติดทั้งลำคลองและทุ่งนา วิถีชีวิตชาวบ้านที่อยู่ติดริมคลองยังใช้เรือเพราะว่าในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม เป็นช่วงที่น้ำหลากมาเต็มลำคลองและไหลท่วมบ้านเรือนและทุ่งนาข้าว บ้านริมคลองจะถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 2 - 3 เมตร ดังนั้นเรือก็ยังมีความจำเป็นก็ยังใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน
แม้ปัจจุบันที่นี่จะถูกรายล้อมด้วยโรงงานอุตสาหกรรม แต่การทำนาก็แบบดั้งเดิมยังคงอยู่เพราะที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์ "อ้วน" ชาวนารุ่นใหม่เจ้าของที่นามรดกที่ได้รับจากพ่อแม่ ยังคงวิถีการทำนาแบบดั้งเดิมตามแบบบรรพบุรษทำมา อ้วนเล่าว่า ถนัดแค่ทำนาปีอย่างเดียวซึ่งข้าวนาปีที่เขาปลูกนั้นเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมือง ปลูกมาตั้งแต่โบราณ ที่ชื่อว่า "ข้าวสามรวง" ที่ต้องถูกบ่มทั้งสามฤดู ร้อน ฝน หนาว ทำให้ได้ข้าวที่ดีมีคุณภาพ แข็งแรง แกร่ง มีความพิเศษ ทนแดด ทนฝน ทนหนาว สู้น้ำ อยู่กับน้ำท่วมได้นานหลายเดือน ซึ่งชาวนาบางคนเรียกว่า "ข้าวขึ้นน้ำ" เป็นข้าวที่ปลูกในนาที่มีน้ำท่วมขังในระหว่างการเจริญเติบโตของข้าว มีระดับน้ำลึกตั้งแต่ 1 - 3 เมตร เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน ความพิเศษคือข้าวจะสามารถยืดปล้อง แตกแขนงและรากที่ข้อเหนือผิวดิน และการชูรวงเหนือน้ำได้ ถ้าหากมีศัตรูมารบกวนชาวนาหลายคนยังใช้ "หุ่นไล่กา" ในการไล่ศัตรูข้าว ในแต่ละปีหากดูแลดีจะให้ลผลิตสูงถึง 500 กิโลกรัมต่อหนึ่งไร่
ผู้ใหญ่หนุ่ม อดีตผู้ใหญ่คนเก่งเล่าว่า ที่นี่มีวิถีความอุดมสมบูรณ์ทั้งในหน้าแล้งและหน้าฝน ในช่วงหน้าฝนน้ำหลาก ชาวบ้านจะหากินในนาข้าวด้วยการลงข่าย อย่างเช่น พี่สัน ช่างทำเรือคนเก่งของหมู่บ้านและเป็นคนหาปลาด้วยการลงข่ายในนาข้าวในช่วงน้ำท่วม จะได้ปลาหมอและยังหากินกับพืชพืชบางชนิดที่ชอบน้ำเป็นพิเศษ ซึ่งปีหนึ่งมีกินเพียงแค่ ครั้งเดียวที่ชื่อว่า "ต้นบา" ซึ่งเป็นพืชตระกูลบัว มีใบเหมือนบัวแต่ว่าหนากว่า นิยมเอามาดองแล้วกินกับปลาหมอ ย่าง และน้ำพริก เป็นเมนูยอดนิยมของชาวบ้านในช่วงน้ำหลาก
ในช่วงหน้าแล้งเมื่อน้ำลดและเกี่ยวข้าวเสร็จปลาย ๆ เดือนกุมภาพันธ์ - เดือนมีนาคม ก็จะมีอีกหนึ่งอาชีพของชาวบ้านที่นี่เกิดขึ้นมานั่นก็คือปลูก "เห็ดตับเต่า" ใต้ต้นโสน เพราะว่าหมู่บ้านที่นี่เป็นที่ราบลุ่มมีท้องทุ่งนา มีหนอง คลอง และห้วยเล็ก ๆ ทำให้มีดงต้นโสนขึ้นตามธรรมชาติทั่วไป วิถีชีวิตของเห็ดตับเต่าจะอาศัยอาหารจากรากพืชโดยเฉพาะต้นโสน มีทั้งดอกเล็ก ดอกใหญ่บางดอกนั้นมีขนาดใหญ่ถึงน้ำหนักหนึ่งกิโลกรัม เฉพาะตำบลนี้มีพื้นที่ปลูกเห็ดประมาณ 300 กว่าไร่ เช่น สวนลุงก๊ก ลุงออด ลุงสวยป้าเล็ก ในรอบหนึ่งปีจะเก็บได้แค่ประมาณ 4 เดือนเท่านั้น ช่วงเดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม ชาวสวนบางคนมีความเชื่อในการปลูกเห็ดถ้าจะให้ผลดีต้องชม ด่าไม่ได้ เพราะว่าเห็ดมันจะไม่ขึ้น เห็ดตับเต่า ขายกิโลกรัมละ 100 - 200 บาท สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านรวมแล้วปีละหลายล้านบางปีได้ถึง 20 กว่าล้านบาท ดังนั้นชาวบ้านที่นี่ก็จะดูแลใต้ต้นโสนของพวกเขาเป็นอย่างดีเพราะว่าเป็นขุมเงินขุมทองเป็นขุมทรัพย์ที่อยู่บนดิน
พบกับเรื่องราววิถีความสมบูรณ์ของคน ต.สามเรือน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่หากินได้ทั้งช่วงน้ำหลาก และน้ำลดรวมทั้งเห็ดตับเต่าสร้างชีวิตให้คนที่นี่ได้อย่างไร ติดตามได้ในรายการซีรีส์วิถีคน ตอน วิถีคนสามเรือน ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 13.30 - 14.00 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
ซีรีส์วิถีคน
วิถีคนสามเรือน ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
วิถีคนน้ำผุด ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง
วิถีคนห้วยเกษม อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี
บ้านแม่ก๋อน-แม่ดึ๊ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
วิถีคนบนภูเขา จ.เชียงใหม่ และจ.แม่ฮ่องสอน
วิถีคนหาดทนง ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
ขุมทรัพย์ในธรรมชาติ
วิถีคนบ้านสำโรงใหญ่ ต.สำโรง อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี
วิถีคนบ้านท่าเรือ ต.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม
วิถีคนจัยปูร์ ประเทศอินเดีย
ซีรีส์วิถีคน
วิถีคนสามเรือน ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
วิถีคนน้ำผุด ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง
วิถีคนห้วยเกษม อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี
บ้านแม่ก๋อน-แม่ดึ๊ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
วิถีคนบนภูเขา จ.เชียงใหม่ และจ.แม่ฮ่องสอน
วิถีคนหาดทนง ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
ขุมทรัพย์ในธรรมชาติ
วิถีคนบ้านสำโรงใหญ่ ต.สำโรง อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี
วิถีคนบ้านท่าเรือ ต.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม
วิถีคนจัยปูร์ ประเทศอินเดีย