EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว : โพสต์อ้าง “พายุสุริยะรุนแรง” ทำให้ระบบล่มเงินหาย นักวิชาการยันไม่จริง !

31 พ.ค. 6812:06 น.
สิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว : โพสต์อ้าง “พายุสุริยะรุนแรง” ทำให้ระบบล่มเงินหาย นักวิชาการยันไม่จริง !

Thai PBS Verify พบโพสต์อ้าง "พายุสุริยะที่รุนแรงจะทำให้ระบบล่มเงินหาย" ด้านนักวิชาการยืนยัน ไม่มีทางเกิดขึ้นกับประเทศไทย

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก มีการแชร์โพสต์ภาพระบุข้อความ “เก็บเงินสดไว้บ้างนะครับ พายุสุริยะที่รุนแรงจะทำให้ระบบล่มเงินหายจากบัญชีทั้งหมด อ.ปริญญา ตันสกุล เคยบอกไว้” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้แสดงความรู้สึกไปกว่า 400 ครั้ง และแชร์โพสต์ดังกล่าวไปถึง 125 ครั้ง ด้วยกัน

จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็น “ข่าวปลอม” ที่มีลักษณะบิดเบือน ซึ่งทำให้ผู้ที่เข้ามาอ่านเข้าใจว่า พายุสุริยะส่งผลกระทบกับระบบธนาคารล่มทั้งโลก แต่จากการตรวจสอบจาก นักวิชาการยืนยัน ไม่มีทางเกิดขึ้นกับประเทศไทย เพราะไทยไม่อยู่ใกล้ขั้วโลก และมีสนามแม่เหล็กโลกปกป้องอยู่ อีกทั้งไม่มีทางเป็นไปได้ที่ระบบธนาคารจะล่มทั้งโลกพร้อม ๆ กัน

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาจาก : Facebook

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงโพสต์ที่อ้างว่า พายุสุริยะที่รุนแรงจะทำให้ระบบล่มเงินหายจากบัญชีทั้งหมด

Thai PBS Verify พบโพสต์ของผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Korn Mahalap” โพสต์ภาพระบุข้อความ “เก็บเงินสดไว้บ้างนะครับ พายุสุริยะที่รุนแรงจะทำให้ระบบล่มเงินหายจากบัญชีทั้งหมด อ.ปริญญา ตันสกุล เคยบอกไว้” โดยภาพดังกล่าวถูกโพสต์เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นถึง 61 คน โดยส่วนหนึ่งหลงเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบกับคลิปที่ผู้เขียนได้ระบุไว้ว่ามาจากบุคคลที่ชื่อ ปริญญา ตันสกุล พบว่า เป็นเพียงคำทำนายเรื่องของการชำระล้างโลก ซึ่งไม่มีหลักฐานอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม Thai PBS Verify นำโพสต์ดังกล่าว ไปทำการตรวจสอบกับ ดร. มติพล ตั้งมติธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ จากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งกรณีดังกล่าว ดร. มติพล ระบุว่า ข่าวเรื่องพายุสุริยะถือว่ามีมาตลอดเวลา ซึ่งมักถูกนำไปรวมกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว หรือภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งบางเรื่องก็มีส่วนที่จริงอยู่บ้าง เช่น กรณีของพายุสุริยะ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบบนโลก ซึ่งในอดีตที่ผ่านมามีกรณีของพายุสุริยะที่รุนแรง และก่อให้เกิดความรบกวน เช่น เหตุการณ์คาร์ริงตัน (Carrington Event) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ถือว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ โดยส่งผลให้เกิดไฟดับทั่วสหรัฐอเมริกา รวมถึงแคนาดา ซึ่งถือเป็นอันตรายที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็เป็นอันตรายที่ไม่เกิดขึ้นบ่อย ส่วนเหตุการณ์อื่น ๆ นั้น เป็นเพียงเหตุการณ์ขนาดเล็ก ที่ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นบางส่วน โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวมักจะส่งผลกระทบกับประเทศที่อยู่ใกล้กับขั้วแม่เหล็กโลกมากกว่า เช่น แคนาดา, รัสเซีย และฟินแลนด์ แต่สำหรับโลกของเรา ก็ยังคงมีสนามแม่เหล็กโลกที่ทำหน้าที่ในการปกป้องโลกจากพายุสุริยะ (ลิงก์บันทึกที่ นี่ และ นี่)

สำหรับผลกระทบของพายุสุริยะนั้น มักมีผลกระทบกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น converter หรือหม้อแปลงไฟฟ้า ที่อาจเกิดความเสียหายได้ ส่วนความเสียหายจะนานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการซ่อมแซม ว่าใช้เวลานานแค่ไหน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้น มักไม่ก่อให้เกิดการเสียหายที่ถาวร โดยยังคงสามารถที่จะซ่อมแซมได้ ส่วนกรณีของไฟดับที่ประเทศสเปนล่าสุดนั้น ก็ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์พายุสุริยะแต่อย่างใด แต่เกิดจากพลังงานทดแทนที่เข้ามาเยอะเกินไป ทำให้ระบบโหลดรับไม่ไหวจนล่มลงทั้งระบบ ซึ่งหากถามว่ากรณีของพายุสุริยะทำให้ระบบทั้งหมดล่มได้หรือไม่นั้น ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทย เพราะประเทศไทยอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงค่อนข้างปลอดภัยจากพายุสุริยะ

ดร. มติพล ตั้งมติธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ จากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ทั้งนี้หากจะระบุว่ามีผลกระทบเฉพาะเจาะจงกับระบบอุปกรณ์เงิน คำกล่าวนี้ถือว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะหากจะกระทบกับอินเทอร์เน็ตหรือดาวเทียม หรือเป็นระบบไฟฟ้า ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ซึ่งหากจะทำให้ระบบการเงินล่มหมายความว่า ระบบทุกอย่างจะต้องล่มทั้งหมดด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ง่าย ๆ

“อย่างไรก็ตามหากจะให้ระบุว่า โพสต์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็ต้องยืนยันว่าเป็นเรื่องปลอม 100% เพราะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และแม้ว่าช่วงนี้จะอยู่ในช่วงของ Solar Maximum ที่ถือเป็นช่วงเวลาที่มีปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์สูงที่สุดในวัฏจักรสุริยะ ซึ่งทำให้มีโอกาสเกิดพายุสุริยะขึ้นได้มากกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้มีข่าวว่าจะมีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ถึงขนาดที่ต้องเฝ้าระวังแต่อย่างใด ดร. มติพล กล่าว”

สำหรับเหตุการณ์พายุสุริยะนั้นถือเป็นเหตุการณ์กระแสของอนุภาคพลังงานสูง ที่พัดมาจากดวงอาทิตย์ด้วยปริมาณและความเร็วสูงกว่าระดับปกติ โดยอนุภาคนี้มีทั้งอิเล็กตรอนและโปรตอน เป็นตัวการทำให้เกิดแสงเหนือ-ใต้ และพายุแม่เหล็ก ซึ่งในกรณีที่รุนแรงก็อาจส่งผลต่อดาวเทียม, ยานอวกาศ และระบบสายส่งบนโลก โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ระบุอีกว่า การวัดระดับความรุนแรงของพายุสุริยะ สามารถวัดกันได้หลายวิธี ตั้งแต่ Kp index ไปจนถึง G-scale ซึ่งเป็นการใช้วัดระดับพายุสุริยะที่มีความรุนแรงค่อนข้างมาก ตั้งแต่ G1 จนถึง G5 (ลิงก์บันทึก)

ขณะที่จากการติดตามของ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ก่อนหน้านี้ มีรายงานพายุสนามแม่เหล็กระดับรุนแรง (G4) เกิดขึ้นแล้ว 2 ครั้ง ในเดือน ม.ค. และ เม.ย. 68 แต่ไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยแต่อย่างใด (ลิงก์บันทึก)

กระบวนการตรวจสอบ

1.ตรวจสอบแหล่งที่มา

  • ตรวจสอบว่าโพสต์มาจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือหรือไม่ เช่น สื่อหลัก หน่วยงานรัฐ หรือองค์กรวิชาการ
  • หากพบชื่อบุคคลอ้างอิง ควรค้นหาข้อมูลประกอบว่ามีการให้สัมภาษณ์จริงหรือไม่

2.ตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญ

  • ใช้แหล่งข้อมูลจากนักวิชาการหรือหน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ เช่น ดร. มติพล จาก NARIT หรือ GISTDA
  • ตรวจสอบว่ามีรายงานวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนหรือหักล้างข้อความนั้นหรือไม่

3.เปรียบเทียบกับข่าวจากหน่วยงานภาครัฐ

  • เช่น Thai PBS Verify, กรมอุตุนิยมวิทยา, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฯลฯ

ผลกระทบเมื่อได้รับข้อมูลดังกล่าว

เราพบว่ามีผู้หลงเชื่อโพสต์ดังกล่าวจำนวนหนึ่ง ซึ่งบางคนที่เชื่อระบุว่า “เกิดขึ้นแน่นอน”

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงความคิดเห็นภายในโพสต์ดังกล่าว ที่พบว่ามีบางส่วนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบได้แก่

  • สร้างความตื่นตระหนกในสังคม
  • ผู้คนอาจรีบถอนเงินจากธนาคารหรือทำพฤติกรรมเสี่ยงโดยไม่มีเหตุจำเป็น
  • กระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงิน
  • ทำให้การสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ถูกบิดเบือน
  • คนทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น พายุสุริยะ

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  1. อย่าแชร์ต่อทันที : หยุดคิดและตรวจสอบก่อน หากไม่แน่ใจ ให้ถือว่าเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้ยืนยัน
  2. ค้นหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ : เช่น สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT), GISTDA, Thai PBS Verify, สำนักข่าวระดับชาติ ฯลฯ
  3. รายงานโพสต์หรือเนื้อหาที่เป็นข่าวปลอม : “รายงาน” บนแพลตฟอร์มนั้น ๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของข่าวปลอม
  4. ให้ความรู้แก่คนรอบข้าง : ส่งลิงก์จากแหล่งข่าวที่ตรวจสอบแล้วให้เพื่อช่วยให้เข้าใจตรงกัน