ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เปิดอกคุย "กลิ่นคนแก่" คู่มือดูแลตัวเองสำหรับผู้สูงอายุ

ไลฟ์สไตล์
13:04
6,107
เปิดอกคุย "กลิ่นคนแก่" คู่มือดูแลตัวเองสำหรับผู้สูงอายุ
อ่านให้ฟัง
08:01อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"กลิ่นคนแก่" สิ่งที่หลายคนสงสัยและอาจรู้สึกไม่มั่นใจเมื่ออายุเพิ่มขึ้น แต่แท้จริงแล้ว กลิ่นนี้ไม่ใช่สัญญาณของความสกปรกหรือปัญหาสุขภาพร้ายแรงเสมอไป หากแต่เป็นกลิ่นธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกาย เมื่อก้าวสู่ช่วงวัยกลางคนและสูงอายุ

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมผู้สูงอายุบางคนถึงมีกลิ่นตัวเฉพาะ จนกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ "กลิ่นคนแก่" นี่ไม่ใช่เรื่องของความสะอาดส่วนบุคคล แต่เป็น ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปตามวัย การทำความเข้าใจสาเหตุที่มาและวิธีรับมือ จะช่วยให้สามารถใช้ชีวิตในทุกช่วงวัยได้อย่างมั่นใจและสบายใจยิ่งขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ไขปริศนาของ "กลิ่นคนแก่" แล้วว่าสาเหตุหลักมาจากสารประกอบโนเนนอล (Nonenal) สารนี้ไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็เกิดขึ้นมาเอง แต่เป็นผลผลิตที่ได้จากกระบวนการออกซิเดชันของกรดไขมันบนผิวหนัง

ปกติแล้ว ผิวหนังของคนจะมีต่อมไขมันที่ผลิตไขมัน (Sebum) เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้น ในไขมันเหล่านี้มีกรดไขมันชนิดหนึ่งที่เรียกว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัว โอเมกา-7 หรือที่รู้จักกันในชื่อ กรดพัลมิโทเลอิก เมื่อเราอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป เกราะป้องกันอนุมูลอิสระของผิวหนังตามธรรมชาติจะเริ่มอ่อนแอลง ทำให้กรดไขมันโอเมกา-7 ที่ลอยขึ้นสู่ผิวหน้าทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศได้ง่ายขึ้น และเกิดเป็นสารโนเนนอลขึ้นมานั่นเอง

โนเนนอลมีลักษณะเป็น ไขมันไม่ละลายในน้ำ จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมการอาบน้ำด้วยสบู่ธรรมดา ๆ ถึงไม่สามารถขจัดกลิ่นนี้ให้หมดไปได้ทั้งหมด กลิ่นที่เกิดขึ้นมักถูกอธิบายว่าเป็นกลิ่นหืน ๆ คล้ายหญ้า หรือกลิ่นอับ ๆ คล้ายกลิ่นเก่าของน้ำมันที่เสียแล้ว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

นอกจากสารโนเนนอลแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นตัวตามวัยได้ เช่น

  • การผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลง ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมตัวมากขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงในต่อมเหงื่อและการทำงานของแบคทีเรียบนผิวหนัง
  • การใช้ยาบางชนิด อาจส่งผลต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย
  • ปัญหาสุขภาพพื้นฐาน เช่น โรคเบาหวาน โรคไต หรือโรคตับ รวมถึงภาวะในระยะเริ่มต้นของโรคพาร์กินสันก็อาจเกี่ยวข้องได้

"กลิ่นคนแก่" อันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ ?

ดร.ชิง ชิน ชเวน ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังชี้ว่า การผลิตสารโนเนนอลหรือการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นตัวตามวัย ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม กลิ่นนี้อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจและอารมณ์ของผู้สูงอายุได้ เช่น ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อตนเอง หรือเขินอาย นำไปสู่ความกังวลในการเข้าสังคม และการปลีกตัวออกมา

ในทางกลับกัน การศึกษาในปี 2555 พบว่ามนุษย์สามารถแยกแยะอายุของบุคคลได้จากกลิ่นตัวเพียงอย่างเดียว และผู้ทดลองอายุน้อย มองว่ากลิ่นตัวของผู้สูงอายุเป็นกลิ่นที่ค่อนข้างเป็นกลางและไม่น่ารังเกียจมากนัก ที่น่าสนใจคือ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่อาจไม่ได้รับรู้กลิ่นนี้จากตัวเองหรือจากผู้อื่นมากนัก เนื่องจากประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นอาจลดลงตามวัย

ปัจจัยกระตุ้น "กลิ่นคนแก่" 

แม้จะเป็นกลิ่นธรรมชาติ แต่พฤติกรรมและสภาพแวดล้อมบางอย่างก็สามารถทำให้กลิ่นนี้ชัดเจนขึ้นได้ เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต การสูบบุหรี่ สุขอนามัยที่ไม่เหมาะสม การทำความสะอาดผิวมากเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ชีวิตแบบนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ออกกำลังกาย รวมถึงน้ำหนักตัวที่มากเกินไป

การรับประทานอาหารแปรรูป น้ำตาลสูง เนื้อแดง หัวหอม หรือกระเทียมมากเกินไป ระบบย่อยอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยก็มีส่วนเช่นกัน รวมถึงการสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์ และการระบายอากาศที่ไม่ดีในที่พักอาศัย เสื้อผ้าที่ไม่สะอาดก็สามารถดูดซับและกักเก็บกลิ่นได้

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

แม้จะไม่สามารถกำจัดกลิ่นนี้ให้หายไปได้อย่างถาวร แต่ก็มีหลายวิธีที่สามารถลดหรือทำให้กลิ่นจางลง เช่น

  1. การดูแลสุขอนามัยและผิวพรรณ
    • อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังออกกำลังกายหรือมีเหงื่อออกมาก 
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม เช่น สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากลูกพลับ จะมีสารแทนนิน ที่มีคุณสมบัติสลายสารโนเนนอลที่เป็นไขมัน สบู่หรือเจลอาบน้ำที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรีย  
    • ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเป็นครั้งคราว ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
    • ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ 

  2. โภชนาการและน้ำดื่ม
    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลเบอร์รี่ ผักใบเขียว บรอกโคลี มันเทศ และฟักทอง
    • จำกัดการบริโภคอาหารแปรรูป 
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

  3. การเลือกเสื้อผ้าและการดูแล
    • เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากใยผ้าธรรมชาติที่ระบายอากาศได้ดี ช่วยให้เหงื่อระเหยได้ง่ายและป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย
    • หลีกเลี่ยงผ้าใยสังเคราะห์-ผ้าขนสัตว์ผสมใยสังเคราะห์สูง ผ้าเหล่านี้มักจะกักเก็บน้ำมันและเหงื่อไว้ ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี และยากต่อการซักทำความสะอาดกลิ่นให้หมดไป
    • ซักเสื้อผ้าด้วยน้ำร้อน ช่วยขจัดไขมันและกลิ่นที่ฝังแน่น สำหรับกลิ่นที่ซักออกยาก สามารถเติมเบกกิ้งโซดา ลงในน้ำซักได้ 
    • รักษาสภาพแวดล้อมในบ้านให้มีการระบายอากาศที่ดี เปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท ทำความสะอาดบ้านและของใช้ในบ้านเป็นประจำ

  4. การออกกำลังกายและการจัดการความเครียด
    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ต่อมเหงื่อขยายและขับของเสียออกจากร่างกาย ลดการสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่น
    • จัดการความเครียด นอนหลับให้เพียงพอ
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุ

หากคุณเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ และสังเกตเห็นกลิ่นตัวที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งสำคัญคือการเข้าหาด้วยความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ เลือกเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมในการพูดคุยอย่างเป็นส่วนตัว พยายามทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ และเน้นที่การดูแลตนเอง ให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการเลือกผลิตภัณฑ์และกิจวัตรการดูแลผิวพรรณของตนเอง เพื่อให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและควบคุมสถานการณ์ได้

จำไว้ว่าการดูแลสุขอนามัยอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้สูงอายุที่มีร่างกายอ่อนแอ และการสนับสนุนจากคนรอบข้างจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ท้ายที่สุด "กลิ่นคนแก่" เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลไกทางชีวภาพตามธรรมชาติของร่างกาย และไม่ใช่สิ่งที่น่าละอาย การทำความเข้าใจวิทยาศาสตร์เบื้องหลังและนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ จะช่วยให้ทั้งตัวผู้สูงอายุและคนรอบข้างใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและสดชื่นในทุกช่วงวัย

แหล่งข้อมูล : Body odour changes as you age : What you need to knowElderly Clothing Care : How to Remove Stains and OdoursIs Old Person Smell Real? Here’s What You Need to Know

อ่านข่าวเพิ่ม :

National Guard คือใคร ? ทำไมทรัมป์ส่งลงคุมม็อบ LA.

รพ.ตำรวจ ตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง ให้ "หมอแอร์" ออกราชการไว้ก่อน