ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.อ่างทอง และ จ.ศรีสะเกษ โดยได้พูดถึงโครงการ "คนละครึ่ง" ยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินการโครงการฯ และมอบหมายให้ รมว.คลัง เร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้
ทั้งนี้ ตามรายงานจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้มีแค่คนละครึ่ง 50:50 เท่านั้น แต่รอบนี้ยังมี 60:40 ด้วย เบื้องต้นแบ่งตามกลุ่มประชาชน โดยประชาชนทั่วไป รัฐช่วยจ่ายร้อยละ 50 ส่วนกลุ่มผู้อยู่ในระบบเงินได้บุคคลธรรมดา รัฐช่วยจ่ายร้อยละ 60 และอาจเพิ่มวงเงินใช้จ่าย เช่น จาก 1,000 บาทเป็น 1,200 บาท
ส่วนกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มสิทธิให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในลักษณะ Top up เช่น หากบัตรสวัสดิการให้สิทธิ 300 บาท รัฐบาลอาจเติมให้อีก 700 บาท รวมเป็น 1,000 บาท เพื่อไม่ให้น้อยกว่าประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงกลางเดือน ต.ค. ถึงปลายเดือน ต.ค. ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจหมุนได้หลายรอบ
สำหรับงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ ประเมินว่าอาจจะมากกว่า 25,000 ล้านบาท จำนวนผู้ใช้สิทธิคาดว่าจะอยู่ที่ 25-26 ล้านคน ส่วนวงเงินที่จะได้รับสิทธิอาจลดลงเมื่อเทียบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะใช้งบประมาณปี 2568 และงบปี 2569 มาดำเนินโครงการ ไม่ได้กู้เพิ่ม
ผู้ค้า-ผู้บริโภคประสานเสียงตอบรับ "คนละครึ่ง"
ร้านโชห่วย เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ให้ข้อสังเกตกับทีมข่าวว่า แม้จะเห็นว่ามีผู้มาใช้บริการต่อเนื่อง แต่จำนวนลูกค้าลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เช่นเดียวกับยอดการใช้จ่ายก็น้อยลง
ขณะที่ผู้บริหารร้านค้าปลีกรายหนึ่ง ยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ยอดขายลดลงร้อยละ 30-40 จึงต้องจัดการต้นทุนให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ และหาสินค้าที่ตอบสนองลูกค้าที่กำลังซื้อน้อยลง รวมทั้งเจรจาต่อรองราคากับผู้ผลิตสินค้า
ส่วนชาวบ้านคนหนึ่งเปิดเผยว่า ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เน้นซื้อสินค้าราคาไม่สูงมาก และหากมีโครงการคนละครึ่งจะทำให้การจับจ่ายคล่องตัวมากขึ้น