ภาพถ่ายล่าสุดเหนือชายฝั่งตะวันตกของทะเลทรายสะฮารา จากกลุ่มดาวเทียม Copernicus Sentinel แสดงให้เห็นถึงพายุทรายขนาดใหญ่ที่หอบพัดพาฝุ่นทราย พร้อมแร่ธาตุจากทะเลทรายอันแห้งแล้งให้ลอยข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังป่าแอมะซอน ณ อีกฟากหนึ่งของโลก
พายุทรายมักเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยในทะเลทรายสะฮารา มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิจวบจนไปถึงต้นฤดูใบไม้ร่วงของทุก ๆ ปี ทรายที่มีลมหอบขึ้นไปนั้นสามารถลอยค้างอยู่ในอากาศได้นานตั้งแต่หลักวันไปจนถึงหลักเดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยสภาพอากาศ ความชื้น ความเร็วลม และความปั่นป่วนของชั้นอากาศในบรรยากาศโทโพสเฟียร์ (Troposphere) เราเรียกพายุทรายที่เกิดขึ้นเป็นประจำเหล่านี้ว่าชั้นอากาศสะฮารา (Saharan Air Layer)
ภาพถ่ายล่าสุดที่ทางองค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency หรือ ESA) เผยออกมาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2025 เป็นภาพถ่ายที่ถูกรวมข้อมูลกันจากดาวเทียม Copernicus Sentinel-3 และ Copernicus Sentinel-5P เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 โดยที่ข้อมูลภาพในย่านแสงที่ตามองเห็นจากดาวเทียม Copernicus Sentinel-3 แสดงให้เห็นกลุ่มฝุ่นทรายสีส้มหนาแน่นจากทะเลทรายสะฮาราในพื้นที่ประมาณ 150,000 ตารางกิโลเมตรของมหาสมุทรแอตแลนติกตะวันออก ซึ่งพายุทรายนั้นกินพื้นที่ใหญ่กว่าประเทศกาบูเวร์ดี (Cabo Verde) ที่เป็นเกาะทางด้านบนซ้ายมือของภาพถ่ายจากดาวเทียม
และประกอบกับภาพถ่ายจากดาวเทียม Copernicus Sentinel-5P นั้นมีเครื่องมือ Tropomi สุดทันสมัย ซึ่งสามารถทำแผนที่ร่องรอยของก๊าซในชั้นบรรยากาศได้หลายชนิดรวมถึงวัดดัชนีละอองลอยภายในชั้นบรรยากาศได้ด้วย การนำข้อมูลจากดาวเทียมทั้งสองดวงมารวมกันได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจกลุ่มฝุ่นขนาดใหญ่เหล่านี้ได้ดีขึ้น และนักพยากรณ์อากาศก็สามารถคาดการณ์คุณภาพอากาศได้ดีขึ้น
ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแบบจำลองคุณภาพอากาศที่ใช้โดย Copernicus Atmosphere Monitoring Service เช่น การคาดการณ์คุณภาพอากาศในระดับโลกโดยการประเมินความเข้มข้นของอนุภาคในบรรยากาศ ตลอดจนตรวจสอบและคาดการณ์ว่าชั้นฝุ่นจะเคลื่อนที่ไปไกลแค่ไหนและจะพัฒนาไปอย่างไร และจะส่งผลต่อพื้นที่อย่างไร
แม้พายุทรายจากทะเลทรายต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลกจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง และเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ และเรามักจะได้ยินข่าวปัญหาพายุทรายตามเมืองใหญ่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พายุทรายจากสะฮาราที่ส่งผลต่อโมร็อกโกและสเปน หรือพายุทรายจากทะเลทรายโกบีส่งผลต่อปักกิ่งและโตเกียว แต่พายุทรายที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลเหล่านี้เป็นกระบวนการตามปกติของธรรมชาติ เพราะในทุก ๆ ปีพายุทรายเหล่านี้จะนำแร่ธาตุจากทะเลทรายเติมเต็มให้กับมหาสมุทรและป่าที่อยู่ห่างไกลออกไป เช่น พายุทรายจากทะเลทรายสะฮาราหอบนำฝุ่นทรายไปตกยังป่าแอมะซอนในทวีปอเมริกาใต้ เสริมแร่ธาตุให้กับป่าและมหาสมุทรระหว่างทาง ซึ่งแร่ธาตุจากทะเลทรายเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อพืชและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ดังนั้นกระบวนการเหล่านี้จึงเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่ไม่ได้สร้างแต่ปัญหาโดยตัวมันเอง กลับกัน มันก็มีประโยชน์ต่อชีวิตต่าง ๆ บนโลกอย่างมหาศาล
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
ที่มาข้อมูล : ESA
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech