ขนฟูชูใจ! “ออกซิโทซิน” (Oxytocin) หรือที่รู้จักในชื่อ “ฮอร์โมนความรัก” (Love Hormone) ของทาสแมวและแมวจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อทั้งคู่เกิดการสัมผัสทางกาย เช่น ลูบ กอด หรืออุ้มอย่างผ่อนคลาย
Laura Elin Pigott อาจารย์อาวุโสด้านประสาทวิทยาและการฟื้นฟูระบบประสาท มหาวิทยาลัยลอนดอนเซาท์แบงก์ (London South Bank University : LSBU) กล่าวว่า แมวอาจมีชื่อเสียงในเรื่องความเป็นอิสระ แต่การวิจัยใหม่ ๆ แสดงให้เห็นว่ามีความเชื่อมโยงที่เป็นเอกลักษณ์กับแมว ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากสารเคมีในสมอง ซึ่งก็คือ “ออกซิโทซิน” (Oxytocin) ที่มักเรียกว่า “ฮอร์โมนแห่งความรัก” (Love Hormone) โดยเป็นสารเคมีในสมองชนิดเดียวกับที่หลั่งออกมาเมื่อแม่อุ้มลูก หรือเมื่อเพื่อนกอดกันส่งเสริมความไว้วางใจและความรักใคร่ โดยในปัจจุบันมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าออกซิโทซินมีความสำคัญต่อความผูกพันระหว่างแมวกับมนุษย์ด้วย
นอกจากนี้ “ออกซิโทซิน” ยังช่วยระงับ “ฮอร์โมนความเครียด” หรือ “คอร์ติซอล” (Cortisol) และกระตุ้น “ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก” (Parasympathetic Nervous System : PSNS เป็นระบบพักผ่อนและย่อยอาหาร) เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย
แม้นนักวิทยาศาสตร์จะทราบมานานแล้วว่า การมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างเป็นมิตรจะกระตุ้นให้เกิดการหลั่ง “ออกซิโทซิน” ในสุนัขและทาสหมา แต่ยังไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับผลที่เกิดขึ้นของออกซิโทซินต่อแมว
ทำให้งานวิจัยนี้ตั้งสมมุติฐานว่า “ออกซิโทซิน” จะถูกปล่อยออกมาระหว่างแมวกับมนุษย์หรือไม่ หากปล่อยแล้วจะปล่อยเมื่อใด ?
โดยผลการศึกษาพบว่า เมื่อ “ทาสแมว” ลูบ กอด หรืออุ้มแมวอย่างผ่อนคลาย ระดับออกซิโทซินของ “ทาสแมว” และ “แมว” มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทีมวิจัยได้ตรวจวัดระดับออกซิโทซินในแมวระหว่างการเล่นและกอดเจ้าของที่บ้านเป็นเวลา 15 นาที แมวที่ผูกพันกับเจ้าของอย่างแนบแน่นและเริ่มต้นการสัมผัส เช่น การนั่งตักหรือการสะกิด พบว่าระดับออกซิโทซินพุ่งสูงขึ้น ยิ่งแมวใช้เวลาใกล้ชิดกับเจ้าของมากเท่าไร ระดับออกซิโทซินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ขณะที่ “แมวอินโทรเวิร์ต” (Introvert) ผลจะแตกต่างกัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของออกซิโทซินอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่แมวซึ่งมีความวิตกกังวล (มองหาทาสแมวอยู่ตลอดเวลา ชอบให้ทาสแมวสัมผัส) จะมีออกซิโทซินสูงตั้งแต่แรก
บางทีมนุษย์อาจเรียนรู้บางอย่างจาก “เพื่อนแมว” เกี่ยวกับการจัดการรูปแบบความผูกพัน กุญแจสำคัญในการสร้างความผูกพันกับ “แมว” คือการเข้าใจวิธีการสื่อสารของพวกมัน ซึ่งต่างจากสุนัข แมวไม่ได้อาศัยการสบตานาน ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ แต่จะใช้สัญญาณที่เรียบง่ายกว่า วิธีซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือการ “กะพริบตาช้า ๆ” เป็นรอยยิ้มแบบแมว ๆ ที่แสดงถึงความปลอดภัยและความไว้วางใจ
เสียงครางของแมวยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างสัมพันธ์กับมนุษย์ เสียงครางความถี่ต่ำของแมวไม่เพียงแต่เชื่อมโยงกับการเยียวยาในแมวเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับมนุษย์ทำให้เกิดความสงบอีกด้วย การฟังเสียงครางสามารถลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตได้ ซึ่งออกซิโทซินจะช่วยส่งเสริมประโยชน์เหล่านี้
การมี “แมว” เป็นลูก หรือเป็นเพื่อน เมื่อได้รับการเสริมด้วยออกซิโทซินเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการมีปฏิสัมพันธ์กันในแต่ละวัน สามารถช่วยป้องกันความวิตกกังวลและ “ภาวะซึมเศร้า” ได้ โดยในบางกรณีอาจช่วยให้รู้สึกสบายใจเทียบเท่ากับการสนับสนุนทางสังคมของมนุษย์เลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม แมววิวัฒนาการมาจากนักล่าที่ชอบอยู่โดดเดี่ยว ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการแสดงออกทางสังคมที่ชัดเจนเพื่อความอยู่รอด ดังนั้น เหล่าแมว ๆ อาจไม่ได้แสดงพฤติกรรมที่กระตุ้นด้วยออกซิโทซินอย่างพร้อมเพรียงหรือสม่ำเสมอ แต่แมวอาจเก็บพฤติกรรมการปล่อยออกซิโทซินไว้ใช้เมื่อรู้สึกปลอดภัยจริง ๆ
ความไว้วางใจของ “แมว” ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ แต่ต้องอาศัยความพยายาม และความพยายามอย่างเต็มที่ แต่เมื่อได้รับความไว้วางใจแล้ว ความไว้วางใจนั้นจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ด้วยสารเคมีชนิดเดียวกับที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ คู่รัก และเพื่อนมนุษย์เข้าด้วยกัน
ดังนั้น คราวหน้าหากแมวของเหล่าทาสแมวกะพริบตาช้า ๆ จากอีกฟากของโซฟา หรือปีนขึ้นมาบนตักเพื่อกอดอย่างแผ่วเบา จงรู้ไว้ว่ายังมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังเกิดขึ้นเช่นกัน นั่นก็คือ “ออกซิโทซิน” กำลังเพิ่มขึ้นในสมองทั้งคู่ ช่วยเพิ่มความไว้วางใจ และบรรเทาความเครียดในชีวิตประจำวัน ส่วนแมวเองก็ได้เข้าถึง “ความรัก” ที่มีต่อทาสแมว
ลูบแมว กอดแมว อุ้มแมว แล้ว “ทาสแมว” ชีวี..จะมีสุขมากขึ้น
หลากหลายเรื่องราว “แมว ๆ” ที่ “ทาสแมว” ได้อ่านแล้วจะยิ่งหลงรัก
📌อ่าน : ทำไม? “แมว” ส่วนใหญ่ชอบนอนตะแคงซ้าย นักวิทย์เข้าใจถึงสาเหตุแล้ว
📌อ่าน : ครั้งที่สอง! เจ้าแมว “Pepper” ช่วยนักวิทย์ค้นพบไวรัสชนิดใหม่อีกแล้ว
📌อ่าน : ดมกลิ่นไม่ใช่จำหน้า! วิธี “แมว” จดจำตัวตน “ทาสแมว”
📌อ่าน : รู้แล้ว..ทำไม? “แมวส้ม” นักวิทย์ระบุการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมได้แล้ว
📌อ่าน : มิตรภาพของแมวเป็นอย่างไร ? ศึกษาเพื่อทาสแมวเข้าใจ “แมว” มากขึ้น
📌อ่าน : แม้แมวจะเข้าใจยาก! แต่แมวเป็น “สัตว์บำบัด” ที่ดีได้
📌อ่าน : ถึงกับอึ้ง ! นักวิทยาศาสตร์พบ “แมว” แสดงออกทางสีหน้าได้ถึง 276 แบบ
📌อ่าน : คาบหนูมาให้ ! “แมว” ทำให้ค้นพบ “ไวรัสชนิดใหม่” โดยบังเอิญ
📌อ่าน : แสงที่ออกมาจากดวงตาของ “แมว” เวลากลางคืนคืออะไร ?
📌อ่าน : HIDE & SEEK นวัตกรรม “ทรายแมว” รักษ์โลก แมวกลบปลอดภัย ทาสเก็บสบายใจ
🎬 รับชมคลิป : "ทาสแมว" ใจบันดาลแรง "นักวิจัย" ก้าวออกนอกห้องแล็บ | ก่อกอง SCI
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : theconversation
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech