EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว : โพสต์ “งดหาของป่าแนวชายแดน” นายอำเภอยันเรื่องจริง ป้องกันการแฝงตัวผู้ไม่หวังดี

6 มิ.ย. 6818:32 น.
1
สังคมและสุขภาพ
#ข่าวจริง
ตรวจสอบแล้ว : โพสต์ “งดหาของป่าแนวชายแดน” นายอำเภอยันเรื่องจริง ป้องกันการแฝงตัวผู้ไม่หวังดี

Thai PBS Verify พบโพสต์ระบุ "ขอความร่วมมืองดหาของป่าแนวชายแดน" ตรวจสอบแล้วเป็นการขอความร่วมมือของอำเภอจริง ขณะที่สถานการณ์แนวชายแดนยังคงปกติ

จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็น “ข่าวจริง” จากการตรวจสอบพบว่า เป็นการขอความร่วมมือจากนายอำเภอน้ำยืนเพียงเท่านั้น ยังไม่ใช่หนังสือจากจังหวัดแต่อย่างใด ขณะที่สถานการณ์แนวชายแดนยังคงปกติ

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาจาก : Facebook

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงข้อความขอความร่วมมือประชาชนแนวชายแดนงดเข้าไปหาของป่า

Thai PBS Verify ตรวจสอบโพสต์ของผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กที่ชื่อ “ป๊อก แป๊ก” หลังโพสต์ข้อความ “ขอความร่วมมือประชาชนพื้นที่ชายเเดนงดเข้าป่าเก็บหาของป่าในช่วงนี้ด้วยนะครับ” โดยโพสต์ดังกล่าวมีผู้สนใจแชร์ไปนับ 10 ครั้ง โดยโพสต์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา (ลิงก์บันทึก)

จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ระบุในช่องแนะนำตัวว่า กระจายข่าวสารสู่ชุมชน เพื่อชุมชน มีผู้ติดตาม 20,000 คน ภายในบัญชีดังกล่าวโพสต์ถึงข่าวสารและชีวิตส่วนตัวเป็นหลัก

เรานำข้อความดังกล่าวไปสอบถามกับ นายอาทิตย์ บุษบา นายอำเภอน้ำยืน ซึ่งยืนยันว่า ตนเองได้มีการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ เนื่องจาก ณ ปัจจุบัน กองกำลังทหารในพื้นที่ ได้มีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ จึงได้มีการขอความร่วมมือกับอำเภอให้ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ทราบ แต่ไม่ใช่คำสั่งแต่อย่างใด โดยเหตุผลก็คือเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถแยกแยะผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งได้มีการประชาสัมพันธ์ไปเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (6 มิ.ย. 68) หลังจากได้รับการประสานจากกองร้อยทหารพรานที่ 2310 (ลิงก์บันทึก)

อาทิตย์ บุษบา นายอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี

ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้มีสถานการณ์ใดเป็นพิเศษหรือผิดปกติแต่อย่างใด เป็นเพียงการขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอน้ำยืน โดยที่ผ่านมาก็ยังคงสามารถหาของป่าได้ตามปกติ แต่หลังจากนี้อาจจะต้องขอความร่วมมืองดเข้าพื้นที่ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการออกคำสั่งแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามเราพบว่า ก่อนที่จะมีการขอความร่วมมือจากอำเภอน้ำยืนนั้น ได้มีกระแสข่าวการพบทุ่นระเบิดและการลาดตระเวนของทหารกัมพูชาตามแนวชายแดนในพื้นที่ช่องบก ทำให้มีการโพสต์เตือนชาวบ้านในพื้นที่ ให้งดการออกหาของป่าออกมาอย่างต่อเนื่อง (ลิงก์บันทึก)

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงโพสต์เตือนถึงการออกหาของป่าของชาวบ้านที่เริ่มพบการลาดตระเวนของทหารกัมพูชาในพื้นที่ป่าช่องบก

ขณะที่มีรายงานข่าวปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือคำสั่งด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดตามแนวชายแดน ติดตามประเมินสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ทั้งจำนวนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ชี้แจงแผนอพยพประชาชน กำหนดจุดรวมพลและจุดพักพิงในพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก พร้อมสั่งการให้ฝ่ายปกครองจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ลงพื้นที่แจ้งข่าวให้กับประชาชน ติดตามสถานการณ์และให้กำลังใจกำลังพล ตามมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายใน (ลิงก์บันทึก)

กระบวนการตรวจสอบ

  1. สอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง : Thai PBS Verify ได้สอบถาม นายอาทิตย์ บุษบา นายอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งยืนยันว่าเป็นการ ขอความร่วมมือ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่คำสั่งห้ามหรือสถานการณ์ฉุกเฉินใด ๆ
  2. ค้นหาจากข่าวจากช่องหลักหรือเพจที่เชื่อถือได้ : ตรวจสอบกับหน่วยงานราชการโดยตรง เช่น จังหวัด / อำเภอ ผ่านเพจทางการ ได้แก่ “ประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี” หรือ “ที่ว่าการอำเภอน้ำยืน”

ข้อแนะนำสำหรับประชาชน

  1. ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานทางการ : ให้ใช้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น จังหวัด, อำเภอ, ศูนย์ประชาสัมพันธ์ หรือสื่อมวลชนหลักที่มีการตรวจสอบก่อนเผยแพร่
  2. ระวังการแชร์ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน : ข้อมูลที่มาจากโซเชียลมีเดียอาจมีเจตนาดี แต่หากยังไม่ชัดเจนว่าเป็นคำสั่งทางการหรือไม่ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น
  3. ปฏิบัติตามคำขอความร่วมมืออย่างมีเหตุผล : แม้จะไม่ใช่ “คำสั่ง” แต่การให้ความร่วมมือ เช่น การงดเข้าป่าช่วงนี้ เป็นการช่วยสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่
  4. ไม่ตื่นตระหนก แต่ควรเตรียมพร้อมตามคำแนะนำภาครัฐ : การมีแผนอพยพ จุดรวมพล หรือจุดปลอดภัย เป็นมาตรการเชิงป้องกันทั่วไป ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดเหตุรุนแรงในทันที
  5. แจ้งเบาะแสหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน่วยงานท้องถิ่น : เช่น ที่ว่าการผู้ใหญ่บ้าน, ที่ทำการอำเภอ, ที่ว่าการจังหวัด