EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว : สื่อดังลงบทความข่าว สุทธิชัย หยุ่น–ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ชวนลงทุนออนไลน์ถูกกฎหมาย แท้จริงเป็นข่าว-เว็บปลอม

15 ส.ค. 6816:48 น.
สังคมและสุขภาพ#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว : สื่อดังลงบทความข่าว สุทธิชัย หยุ่น–ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ชวนลงทุนออนไลน์ถูกกฎหมาย แท้จริงเป็นข่าว-เว็บปลอม

Thai PBS Verify พบเว็บไซต์แพร่ข่าวปลอมแอบอ้าง “สุทธิชัย หยุ่น” และผู้ว่าการแบงก์ชาติ ชวนลงทุนออนไลน์ถูกกฎหมาย ใช้โลโก้สื่อดัง ยิงโฆษณาบนโซเชียล ตำรวจไซเบอร์เตือน เข้าข่ายขบวนการคอลเซ็นเตอร์

จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็นข่าวปลอม โดยการแอบอ้างนำภาพบุคคลมีชื่อเสียง “สุทธิชัย หยุ่น” ขณะสัมภาษณ์ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในรายการ ทางช่อง Thai PBS และเผยแพร่บทความข่าวเนื้อหาชักชวนลงทุนออนไลน์ โดยแอบอ้างใช้โลโก้สำนักข่าวไทยรัฐ ตรวจสอบแล้วเป็นเว็บไซต์ปลอมของแก๊งคอลเซนเตอร์

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก : Facebook

จากกรณี รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์เตือนภัยบนเพจ Facebook ระบุว่า ข่าวสุทธิชัย หยุ่น ถูกควบคุมตัว หลังเปิดโปงโครงการรายได้ลับรัฐบาลไทย  เป็นข่าวปลอมพร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อนั้น

ภาพบันทึกหน้าจอเพจ Facebook รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ โพสต์เตือนภัยเว็บไซต์ข่าวที่เผยแพร่บทความปลอม

Thai PBS Verify ตรวจสอบพบเว็บไซต์ดังกล่าวใช้ลิงก์ URL ที่ไม่น่าเชื่อถือ และเนื้อหาด้านในเป็นบทความสัมภาษณ์ขนาดยาวระหว่าง คุณ สุทธิชัย หยุ่น ขณะสัมภาษณ์ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ในรายการหนึ่งทางช่อง Thai PBS โดยเว็บไซต์ดังกล่าวลอกเลียนแบบหน้าตาเว็บไซต์และนำโลโก้ของสำนักข่าวไทยรัฐมาใช้เพื่อความน่าเชื่อถือ

จากการตรวจสอบพบว่า ภายในเนื้อหาข่าวปลอมนั้นนำภาพมาจากรายการคุยนอกกรอบ กับสุทธิชัย หยุ่น ที่ออกอากาศทางช่อง Thai PBS โดยในภาพปรากฏโลโก้ของ Thai PBS ชัดเจน ขณะเดียวกันได้เผยแพร่ข่าวปลอมอ้างว่า “สุทธิชัย หยุ่น ถูกควบคุมตัวทันทีหลังถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส – เขาเปิดโปงโครงการรายได้ลับที่รัฐบาลไทยและกลุ่มคนชั้นสูงปกปิดจากประชาชนทั่วไปมานานหลายปี”

ในเนื้อหาบทความปลอมดังกล่าวอ้างว่า บทสัมภาษณ์นี้เป็นการตัดต่อรั่วไหลของเทปสัมภาษณ์จากรายการคุยนอกกรอบ อ้างว่าคุณสุทธิชัยพยายามซักถามทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในเรื่องของแพลตฟอร์มสร้างรายได้ที่ถูกกฎหมาย สามารถสร้างรายได้ให้คนไทยได้แต่ถูกปิดเป็นความลับจากกลุ่มคนชั้นสูง บทความดังกล่าวยังอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ใช้ระบบ AI บริหารจัดการการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ และไม่มีการเรียกเก็บภาษีจากรายได้ อีกทั้งยังกล่าวอ้างว่าบรรณาธิการข่าวของรายการ ได้ทดลองลงทุนตามคำแนะนำของผู้ว่าการ ธปท. จนสามารถทำกำไรได้เกือบหลักแสนบาท

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเว็บไซต์ปลอมดังกล่าว พบว่าไอคอนต่าง ๆ ภายในหน้าเว็บไซต์ ไม่สามารถใช้งานได้ เป็นเพียงภาพนิ่งเท่านั้น โดยมีเพียงเนื้อหาที่อ่านได้ และบริเวณด้านล่างมีการแสดงภาพหน้าจอของผู้แสดงความคิดเห็นผ่าน Facebook แต่เมื่อคลิกกลับเด้งเข้าสู่เว็บไซต์พนันของกลุ่มมิจฉาชีพทันที

ภาพบันทึกหน้าจอในเว็บไซต์ปลอมระบุถึงขั้นตอนการลงทะเบียนสมัครลงทุนออนไลน์ มีคำกล่าวอ้างชักชวนด้วยแรงจูงใจ เป็นรายได้จำนวนเงินหลักหมื่นบาท

คลิปต้นฉบับ 

จากการตรวจสอบเราพบ คลิปต้นฉบับว่ามาจากรายการ คุยนอกกรอบ โดยเนื้อหาที่คุณสุทธิชัย หยุ่น สัมภาษณ์ ผู้ว่าการ ธปท. นั้น ไม่มีเนื้อหาชักชวนลงทุนในแพลตฟอร์มออนไลน์แต่อย่างใด เป็นเพียงเนื้อหาคุยเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น

ภาพบันทึกหน้าจอเปรียบเทียบ ระหว่าง ภาพซ้าย – ภาพต้นฉบับจากรายการคุยนอกกรอบ และ ขวา – ภาพจากเว็บไซต์ปลอมที่แอบอ้างโลโก้สำนักข่าวไทยรัฐ

จากการตรวจสอบเนื้อหาของข่าวปลอมดังกล่าว ยังพบข้อสังเกตว่าเว็บไซต์ต้นทางอาจมีการนำภาพตัดต่อของคุณสุทธิชัย หยุ่น และ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ถือมือถือมาประกอบ โดยระบุว่า ดร.เศรษฐพุฒิ ได้ยื่นโทรศัพท์มือถือส่วนตัวให้กับนายสุทธิชัย เพื่อแสดงยอดการลงทุนในแพลตฟอร์มดังกล่าวอย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบคลิปรายการต้นฉบับ ไม่พบว่ามีภาพหรือเหตุการณ์ที่ผู้ว่าการ ธปท. หรือคุณสุทธิชัย นำมือถือส่วนตัวขึ้นมาแต่อย่างใด

ภาพบันทึกหน้าจอเนื้อและภาพจากเว็บไซต์ปลอม ปรากฏภาพคุณสุทธิชัย หยุ่น และ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ถือมือถือ

 

เปรียบเทียบภาพซ้าย – ภาพมือถือในเว็บไซต์ปลอม ภาพกลางและขวา – ภาพถ่ายบรรยากาศการถ่ายทำของคุณสุทธิชัย หยุ่นจากรายการคุยนอกกรอบ แสดงให้เห็นว่าเป็นมือถือคนละเครื่อง มือถือของคุณสุทธิชัยใช้เคสแบบใส

สุทธิชัย หยุ่น ยืนยัน เนื้อหาดังกล่าวไม่ใช่ความจริง

สุทธิชัย หยุ่น พิธีกร นักข่าวชื่อดังยืนยันกับทาง Thai PBS Verify ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ ยืนยันว่าทั้งคลิป เพจใด ๆ ที่มีเนื้อหาชวนลงทุนออนไลน์ หรือแนะนำซื้อ-ขายยาลดความดันนั้น เป็นข้อมูลเท็จทั้งหมด ซึ่งสิ่งเหล่านี้พบมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว ที่มีความพยามยามล่อลวงให้คนหลงเชื่อแล้วเข้าเว็บไซต์พนัน เบื้องต้นทางคุณสุทธิชัยได้ดำเนินคดีแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์

สุทธิชัย หยุ่น เปิดเผยว่า เคยตกเป็นเป้าของการปลอมแปลงด้วยเทคโนโลยี Deepfake ซึ่งมีการตัดต่อภาพและโคลนเสียงอย่างแนบเนียน จนคนใกล้ชิดหรือผู้สูงอายุบางรายยังหลงเชื่อ จนต้องออกมาชี้แจงผ่านเพจส่วนตัวหลายครั้ง

สุทธิชัยยังเล่าว่า เคยมีกรณีที่มีการตัดต่อคลิปปลอม กล่าวหาว่าตนหลอกขายยาลดความดัน โดยถึงขั้นมีเจ้าหน้าที่ล่อซื้อและได้รับพัสดุจริง แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่มีตัวยาใด ๆ อยู่ภายใน ซึ่งเป็นพฤติกรรมของมิจฉาชีพที่เปลี่ยนเป้าหมายไปเรื่อย ๆ หากมีผู้ที่ออกมาปฏิเสธหรือชี้แจง ก็จะหันไปใช้ชื่อบุคคลอื่นแทน

“ผมขอยืนยันว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มขายสินค้าใด ๆ ไม่เคยเป็นตัวแทนกิจกรรมนอกเหนือจากบทบาทในฐานะนักข่าว และไม่เคยจัดรายการหรือมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการลงทุนทั้งสิ้น”

ทั้งนี้ ยังฝากเตือนไปยังประชาชนให้ใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว โดยเฉพาะเนื้อหาที่มีพาดหัวชวนดราม่า หรือเกี่ยวข้องกับบุคคลมีชื่อเสียง ขอให้ตรวจสอบที่มาของข่าวก่อนคลิกหรือแชร์ อย่าหลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อบุคคลในสังคม

รวมภาพข่าวปลอมที่แอบอ้างคุณสุทธิชัย หยุ่นเพื่อหลอกลวงเหยื่อให้เข้าไปในเว็บไซต์ปลอม

ตำรวจสอบสวนกลางแนะวิธีสังเกตเว็บไซต์และแอปพลิเคชันปลอม

พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.ก. (CIB)

พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.ก. (CIB)  เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบขบวนการหลอกลวงประชาชนผ่านข่าวปลอม มีลักษณะเป็นบทความรูปแบบสตอรี่หรือซีรีส์ ถูกเผยแพร่ผ่านการยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Google และ Facebook

เมื่อผู้ใช้งานกดเข้าไป จะพบกับบทความที่ใช้ชื่อหัวข่าวคล้ายสำนักข่าวชั้นนำ พร้อมแอบอ้างชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และแนบลิงก์สำหรับลงทุน

“กรณีลักษณะนี้มีความผิดชัดเจน เข้าข่ายนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และหากมีผู้เสียหายหลงเชื่อไปลงทุน อาจเข้าข่าย ฉ้อโกงประชาชน ซึ่งหากมีการสอบสวน จะสามารถขยายผลสืบสวนเส้นทางการเงินไปถึงบัญชีปลายทาง หรือหากพบว่ามีการเชื่อมโยงกับชาวต่างชาติ อาจเข้าข่ายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาฟอกเงินได้ด้วย”

พ.ต.อ.เนติ เตือนเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันข่าวปลอมมีจำนวนมาก แนะนำประชาชนให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ก่อนเสพข่าว โดยเฉพาะข่าวที่อ้างชื่อสื่อหลักหรือมีโลโก้ของสำนักข่าว ควรตรวจสอบ URL ว่า ตรงกับโดเมนทางการของสื่อดังกล่าวหรือไม่ หากไม่ตรงขอให้สันนิษฐานว่าเป็นเว็บไซต์ปลอม และไม่ควรคลิกเข้าไป

พ.ต.อ.เนติ ยังกล่าวอีกว่า การเขียนบทความปลอมไว้ในเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเอง เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่แก๊งคอลเซนเตอร์ใช้ แล้วทำการยิงโฆษณาแบบคลิกเบท (Clickbait) ด้วยพาดหัวชวนช็อก จากนั้นจะชักชวนให้สมัครฟรี กรอกข้อมูลส่วนตัว อ้างว่าไม่มีค่าใช้จ่าย ก่อนแนะนำให้แอดไลน์หรือเฟซบุ๊กของผู้เชี่ยวชาญที่ใช้รูปโปรไฟล์ปลอมเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงการลงทุน

จากนั้นจะมีการพูดคุยเบื้องต้น โดยมักส่งเลขาปลอมมาทำความรู้จัก ซึ่งจะยังไม่ชวนลงทุนทันที แต่ให้ความรู้หรือพูดคุยเชิงให้ความเชื่อมั่น ก่อนเชิญเข้ากลุ่มแชท ซึ่งมีหน้าม้าทำทีเป็นแพทย์ ตำรวจ หรืออาจารย์ด้านการเงินมาพูดคุยในกลุ่มทุกวัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมแชร์ข่าวสารการลงทุน เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายเชื่อใจ

สุดท้ายจะชวนดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเทรดหุ้นปลอม ซึ่งหน้าตาคล้ายแอปพลิเคชันลงทุนจริง และเมื่อทดลองลงทุนไม้แรก มักจะได้กำไร เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและลงเงินจริงในไม้ต่อ ๆ ไป ซึ่งสุดท้ายจะเสียเงินทั้งหมด

รูปแบบการหลอกลวงนี้เป็นโมเดลตายตัวของแก๊งคอลเซนเตอร์ที่อ้างลงทุนในทองคำ forex หุ้นน้ำมัน หรือแม้แต่หุ้นนางฟ้า ซึ่งแม้ชื่อจะต่างกัน แต่รูปแบบการหลอกเหมือนกันแทบทั้งหมด

นอกจากนี้แนะนำวิธีตรวจสอบแอปพลิเคชันลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุนใด ๆ ผ่านเว็บไซต์ “SEC Check First” ของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อป้องกันการถูกหลอก

 

 

กระบวนการตรวจสอบ

  1. ตรวจสอบด้วยการหาคลิปต้นฉบับ : ตรวจสอบคลิปต้นฉบับจากรายการ “คุยนอกกรอบ กับสุทธิชัย หยุ่น” บน YouTube ของ Thai PBS พบว่าไม่มีเนื้อหาใดเกี่ยวข้องกับการชวนลงทุน
  2. ตรวจสอบ URL / โดเมนเว็บไซต์ :  ตรวจสอบ URL บน Browser โดยเปรียบเทียบเว็บไซต์ปลอมที่แอบอ้างโลโก้ของสำนักข่าวไทยรัฐ พบว่าไม่ตรงกัน และเว็บไซต์ไทยรัฐทางการคือ https://www.thairath.co.th/home
  3. ตรวจสอบองค์ประกอบเว็บไซต์พบว่าเป็นเว็บไซต์ปลอมที่ลอกเลียนหน้าเว็บของสื่อจริง
  • ปุ่มต่าง ๆ บนหน้าเว็บไม่สามารถคลิกใช้งานได้
  • เมื่อลองคลิกลิงก์หรือปุ่มในหน้าเว็บ จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บพนันทันที 

     

 

ผลกระทบจากการรับข้อมูลข่าวปลอมลักษณะนี้

1. สูญเสียทรัพย์สิน

  • เหยื่อที่หลงเชื่อ อาจโอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพเพื่อลงทุนหรือสมัครแพลตฟอร์มซึ่งเป็น เว็บไซต์ปลอม

2. ข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล

  • เมื่อลงทะเบียนกับเว็บไซต์ปลอม อาจให้ ชื่อ-นามสกุล, เบอร์โทร, บัตรประชาชน, เลขบัญชี ฯลฯ ซึ่งสามารถถูกนำไป ปลอมแปลงเอกสาร-เปิดบัญชีม้า-ยืมเงินออนไลน์ ได้
  1. ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบุคคลหรือองค์กร
  • บุคคลที่ถูกแอบอ้าง เช่น สุทธิชัย หยุ่น หรือผู้ว่าการ ธปท. เสียหายจากการถูกใช้ชื่อสร้างความน่าเชื่อถือปลอม
  • สื่อหรือองค์กรจริง เช่น Thai PBS, ไทยรัฐ ก็เสียความน่าเชื่อถือโดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง 

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

1. อย่าคลิกลิงก์ หรือกรอกข้อมูลใด ๆ

  • หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ในบทความหรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • อย่ากรอกชื่อ-เบอร์โทร-บัญชีธนาคาร หรือข้อมูลสำคัญใด ๆ

2. ตรวจสอบแหล่งที่มา

  • ดู URL ว่าเป็นของสำนักข่าวจริงหรือไม่
  • ตรวจสอบบนเว็บไซต์ของสำนักข่าวจริงว่าเคยเผยแพร่ข่าวนี้หรือไม่

3. อย่าแชร์ต่อ

  • การแชร์ข่าวปลอมทำให้ข่าวเท็จแพร่กระจายเพิ่มขึ้น
  • หากไม่แน่ใจว่าข่าวจริงหรือไม่ ให้หยุดแชร์ และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน

4. หากตกเป็นเหยื่อ ให้รีบดำเนินการ

  • แจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ หรือธนาคารเจ้าของบัญชีที่โอนเงินไป
  • รวบรวมหลักฐาน เช่น รูปภาพ เว็บไซต์ ข้อความแชท ไว้ประกอบการแจ้งความ