EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: โพสต์อ้าง Mariah Carey สวดบทสัพพีติโยอย่างไพเราะ พร้อมเปลี่ยนมาเลื่อมใสพุทธ แท้จริงสร้างจาก AI

23 ก.ย. 6820:32 น.
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: โพสต์อ้าง Mariah Carey สวดบทสัพพีติโยอย่างไพเราะ พร้อมเปลี่ยนมาเลื่อมใสพุทธ แท้จริงสร้างจาก AI

Thai PBS Verify ตรวจสอบพบโพสต์ในโลกออนไลน์ อ้างว่านักร้องชื่อดัง Mariah Carey เปลี่ยนนับถือศาสนาพุทธและร้องบทสวดมนต์ “สัพพีติโย” พบคนหลงเชื่อว่าร้องจริง ก่อนพบว่าคลิปดังกล่าวสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI

กรณีคลิปไวรัลบนโลกออนไลน์ที่อ้างว่า Mariah Carey เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธและขับร้องบทสวดมนต์ “สัพพีติโย” ล่าสุดเจ้าของคลิปยืนยัน เป็นคลิปที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI ด้านพระพยอม กัลยาโณ เห็นว่า หากไม่บิดเบือนเนื้อหาและไม่ก่อความเดือดร้อน ก็ไม่ถือว่าผิดหลักศาสนา ขณะที่นักกฎหมายเตือนว่า การนำเสียงศิลปินมาดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิส่วนบุคคลตามกฎหมาย

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก : Facebook

ตรวจสอบพบเพจ Facebook รายหนึ่งโพสต์อ้างว่าศิลปินระดับโลกอย่าง Mariah Carey เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธและได้ร้องเพลงบทสวด “สัพพีติโย” โดยปรากฏยอดผู้ชมกว่า 9,000 ครั้ง ระบุข้อความว่า

“สัพพีติโย”

มารายห์ แครี นักร้องดังระดับโลก ชาวสหรัฐอเมริกา เมื่อหลายปีก่อน แต่เลื่อมใส่ในศาสนาพุทธ รับเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ จนเธอได้ร้องเพลงนี้ขึ้นมา

นอกจากนี้ยังพบโพสต์ลักษณะดังกล่าว จากบัญชีผู้ใช้อีกรายหนึ่งเช่นกัน ระบุว่า

#แผ่เมตตาไปทั้งหมื่นจักรวาล

#กุศลสไตล์ ทุกคนมีแบบฉบับบุญของตน

#มาราย แคร์รี่ เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ หลังเดินทางมาไทยเมื่อ 10 ปีก่อน แปลงบทสวดมนต์มาใส่ในทำนองเพลงนี้ได้….นับถือจริงๆ

“สัพพีติโย” Ver. Mariah Carey แท้จริงสร้าง AI

Thai PBS Verify ได้ตรวจสอบคลิปวิดีโอดังกล่าว พบว่าตรงกับเพลงต้นฉบับที่ชื่อว่า “Without You” และพบว่าเป็นเนื้อหาบทสวดลักษณะล้อเลียนจากช่อง YouTube แห่งหนึ่ง ซึ่งเผยแพร่โดยไม่มีการระบุอย่างชัดเจนว่า เนื้อหานั้นสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI หรือไม่

เราจึงได้ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าของช่อง YouTube ที่ใช้ชื่อว่า GaoGame ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่คลิปเพลงบทสวด โดยใช้เสียงที่เลียนแบบเสียงของ Mariah Carey

เจ้าของช่องยืนยันว่า คลิปดังกล่าวเป็นผลงานที่สร้างขึ้นด้วย เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของบทสวดแต่อย่างใด 

“ช่วงแรกผมเริ่มต้นทำเนื้อหาเกี่ยวกับบทสวดมนต์ (เชิงล้อเลียน) แต่กระแสตอบรับไม่ค่อยดี มีคอมเมนต์เชิงลบเยอะ จนกระทั่งมีข่าวทุจริตเกี่ยวกับวงการสงฆ์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ลองกลับมาทำเนื้อหาเกี่ยวกับบทสวดมนต์อีกครั้ง ปรากฏว่าผลตอบรับดีขึ้น จากคนที่เคยด่า ความคิดผู้คนเริ่มไปในทาง ที่คิดว่า บทสวดมนต์ไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เริ่มมีคนมาติดตามผมมากขึ้น”

นอกจากนี้ เจ้าของช่องกล่าวว่า ได้นำบทสวดมาประกอบดนตรีทำนองเพลงจากต้นฉบับผ่านโปรแกรมของเว็บไซต์สร้าง AI ทั่วไป แบบ Text-to-Music AI Generator จากนั้นจึงนำมาตัดต่อเพิ่มเติมด้วยตัวเองเพื่อให้เสียงที่ดัดแปลงกลมกลืนมากยิ่งขึ้น 

โดยเจ้าของช่องอธิบายความเข้าใจส่วนตัวเพิ่มเติมว่า ในแพลตฟอร์ม YouTube นั้น ระบบมีการแบ่งรายได้ให้เจ้าของลิขสิทธิ์ดนตรีอยู่แล้ว ซึ่งคล้ายกับกรณีการโคฟเวอร์เพลงทั่วไป ที่มีการใช้ทำนองของศิลปินต้นฉบับ

เมื่อเสียงบทสวด AI ท้าทายหลักศาสนา

พระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี ได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ว่า หากบทสวดไม่ได้ถูกดัดแปลงจนเปลี่ยนความหมายหลักทางธรรม แม้จะมีการเปลี่ยนทำนองก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาแต่อย่างใด

“เสียงสวดมนต์จะไปดังที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่ไม่สร้างความเดือดร้อนหรือรำคาญแก่ผู้อื่น ก็ไม่ถือว่าผิดหลักศาสนา หากผู้ฟังรู้สึกชื่นชอบหรือได้แรงบันดาลใจ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี”

“ยุคนี้เป็นยุคของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ซึ่งแม้แต่อาตมาเองก็เคยถูกทำคลิปปลอมโดยใช้เทคโนโลยี AI เช่นกัน แต่ถ้าไม่สร้างความเดือดร้อน จะไปหวังความสำรวม เรียบร้อยทั้งหมดคงยาก ต้องรู้จักปล่อยวางบ้าง ไม่ควรเก็บทุกเรื่องมาเป็นทุกข์หรือจริงจังจนเกินไป”

นำเสียงนักร้องมาดัดแปลงด้วย AI ผิดกฎหมายหรือไม่ ?

ทนายทัศไนย ไชยแขวง อาจารย์วุฒิคุณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และอดีตอุปนายกสภาทนายความ กล่าวว่า การนำเสียงของนักร้องอาชีพที่มีชื่อเสียงมาใช้หรือดัดแปลงนั้น มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่หลายประการ โดยเฉพาะ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่ใช้คุ้มครองสิทธิของเจ้าของผลงาน

ทนายทัศไนย ไชยแขวง อาจารย์วุฒิคุณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และอดีตอุปนายกสภาทนายความ

กฎหมายกำหนดชัดเจนว่า เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน และนำผลงานไปใช้ในรูปแบบต่าง ๆ

“ในมุมมองของผม การนำเสียงของนักร้องมาสร้างใหม่ด้วย AI โดยใส่เนื้อเพลงใหม่เข้าไป ผู้ฟังสามารถรู้ได้ทันที ว่าเป็นเสียงของศิลปินคนใด ก็อาจถือได้ว่าเป็นการดัดแปลงงานต้นฉบับ ตามกฎหมายแล้ว บุคคลอื่นไม่มีสิทธิ์นำเสียงหรือผลงานของเจ้าของลิขสิทธิ์ไปใช้ ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยีใดก็ตาม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดเจนจากเจ้าของสิทธิ”

ยิ่งไปกว่านั้น หากศิลปินต้นฉบับ เช่น Mariah Carey มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาอื่น เช่น ศาสนาคริสต์ การนำเสียงของเธอไปใช้ในบริบททางศาสนาที่แตกต่าง อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน หรือขัดต่อเจตนาของเจ้าของเสียงและความเชื่อเดิมของศิลปินนั้นได้เช่นกัน”

  • ว่าด้วยเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ กรณีการกระทำดังกล่าว อาจจะผิดต่อกฎหมายในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ตาม มาตรา 27 และ 28 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ที่กำหนดว่าเจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการทำซ้ำ ดัดแปลง และเผยแพร่ ประกอบ มาตรา 44 และ 45 ที่เป็นการคุ้มครองสิทธิของนักแสดง นักร้อง โดยห้ามผู้อื่นนำการแสดงไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ว่าด้วยเรื่องกฎหมายแพ่ง  กรณีการนำเสียงดังกล่าวไปใช้ในลักษณะที่ทำให้เสียหายต่อชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของเจ้าของเสียงนั้น (นักร้อง) ผู้ที่นำไปดัดแปลงก็อาจจะเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 
  • ว่าด้วยเรื่อง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ กรณีนี้อาจจะไม่เข้าข่ายความผิดตาม พรบ.คอมฯ โดยเฉพาะมาตรา 14 จะเน้นเรื่องข้อมูลเท็จ ลามก หรือกระทบความมั่นคงของรัฐ ซึ่งน่าจะไม่ครอบคลุมกรณีนี้

สรุป กรณีเอาเสียงนักร้องมาดัดแปลงเป็นบทสวดมนต์โดย AI ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิ์ ถือว่า ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์แน่นอน และอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้ด้วย

เข้าข่ายนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จหรือไม่ ?

ทนายทัศไนย กล่าวว่า ต้องพิจารณาการกระทำดังกล่าวว่าก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ โดยเฉพาะในภาพรวมของสังคม ไม่ใช่เฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น

“ในมุมมองผม พ.ร.บ. คอมฯ ไม่ได้มุ่งลงโทษความผิดเฉพาะรายแบบเจาะจง แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ถูกเผยแพร่ในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด หรือหลงเชื่อในวงกว้าง สมมติว่า มีบุคคลบางกลุ่มเชื่อข้อมูลที่เผยแพร่ออกไป แต่ไม่ถึงขั้นเป็นความเชื่อในระดับสังคมโดยรวม ก็อาจยังไม่เข้าองค์ประกอบของ ‘การนำเข้าสู่ระบบข้อมูลอันเป็นเท็จ’ ได้อย่างชัดเจน”

“ในทางปฏิบัติ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ถูกนำมาฟ้องร้องกันจำนวนมาก แต่ศาลเองก็มีแนวโน้มยกฟ้องจำนวนไม่น้อย เพราะพิจารณาจากเจตนา, ผลกระทบ และบริบทโดยรวมของสังคม”

พร้อมยังกล่าวว่าปัจจุบัน ประเทศไทยเรายังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่ควบคุมเทคโนโลยี AI โดยตรง เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่และกฎหมายยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ต้องรอให้มีความชัดเจนก่อน

“AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้น แม้ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะมาควบคุม แต่หากใช้ AI อย่างไม่สุจริต จนเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือสังคม ก็มีกฎหมายอื่น ๆ ที่สามารถนำมาใช้รับผิดทางกฎหมายได้”

“สุดท้าย อยากฝากว่า ควรใช้ AI อย่างสร้างสรรค์ และเคารพต่อสิทธิของผู้อื่น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบตามมา”

 

กระบวนการตรวจสอบ

ค้นหาด้วยการใช้คำสำคัญ : ใช้คำสำคัญเพื่อค้นหาคลิปต้นฉบับ และนำมาตรวจสอบข้อเท็จ

สัมภาษณ์เจ้าของเนื้อหาโดยตรง : สอบถามไปยังเจ้าของคลิปวิดีโอดังกล่าวเพื่อยืนยันว่า เนื้อหาทั้งหมดสร้างจากเทคโนโลยี AI

ผลกระทบจากการรับข้อมูลเท็จ

อาจก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสังคม
แม้ข้อมูลข่าวปลอมที่กล่าวอ้างว่า Mariah Carey เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ อาจไม่ได้สร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง แต่ก็มีผู้คนบางส่วนที่เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับตัวบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับรู้หรือการตีความในวงสังคมบางกลุ่ม

ภาพบันทึกหน้าจอผู้คนที่มาแสดงความคิดเห็นในโพสต์บิดเบือนเนื้อหาดังกล่าวในเชิงเข้าใจผิด

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  1. ตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างรอบคอบ
    ควรพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เช่น สำนักข่าวหลัก หรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ ก่อนแชร์หรือเชื่อข้อมูลนั้น ๆ
  2. ไม่แชร์หรือเผยแพร่ข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน
    หากไม่แน่ใจในความถูกต้องของข้อมูล ควรงดแชร์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ
  3. สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ AI และเทคโนโลยี
    เรียนรู้และเข้าใจถึงข้อจำกัดและการใช้งานเทคโนโลยี AI อย่างถูกวิธี เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของข้อมูลปลอมที่ถูกสร้างจาก AI หรือนำ AI ไปใช้ในทางที่ผิดหรือสร้างผลกระทบ