ช่วงเวลาที่อบอวลไปด้วยความหวาน ความโรแมนติก และการเริ่มต้นชีวิตคู่ ของคู่แต่งงานใหม่มักเริ่มต้นด้วย "ฮันนีมูน" แต่ใครจะรู้ว่า ในช่วงเวลาของความสุขนี้ หลายคนอาจต้องสะดุดเพราะอาการเจ็บป่วยที่ไม่คาดคิด ชวนรู้จักกับ "โรคฮันนีมูน" หรือ "Honeymoon Disease" ที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่ตั้งตัว
- เปิดอกคุย "กลิ่นคนแก่" คู่มือดูแลตัวเองสำหรับผู้สูงอายุ
- อ้วนลงพุงระวัง "ไขมันพอกตับ" ภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม
โรคฮันนีมูน คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร
"โรคฮันนีมูน" มักจะเกิดกับผู้หญิงที่เพิ่งแต่งงาน หรือมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งกิจกรรมทางเพศบ่อยๆ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ โรคนี้สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ใหม่ หากรักษายังไม่หายขาด และหากติดเชื้อแบคทีเรียที่กระเพาะปัสสาวะจนอักเสบขึ้นจะเรียกว่า ฮันนีมูน ซิสไตติส (Honeymoon Cystitis)
อ.นพ.ศิรส จิตประไพ สาขาวิชาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายเกี่ยวกับที่มาของชื่อ "โรคฮันนีมูน" ไว้ว่า ในสมัยโบราณ การมีเพศสัมพันธ์จะเกิดได้ต้องหลังแต่งงานเท่านั้น และมักเกิดในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์หลาย ๆ ครั้ง ในระยะเวลาอันสั้น ก็คือช่วงที่ฮันนีมูน จึงเรียกกันว่า "โรคฮันนีมูน"
แม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ จะเป็นหนึ่งในสาเหตุของ ของ "โรคฮันนีมูน" แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุเดียว ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น
- การดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือ น้อยเกินไป
- พฤติกรรมชอบกลั้นปัสสาวะนาน ๆ
- ผู้ที่มีประวัติการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดหรือฉายแสงบริเวณกระเพาะปัสสาวะ-อวัยวะเพศ มาก่อน
- มีภาวะต้านทานของร่างกายต่ำกว่าปกติ
อ่านข่าว : เหนื่อยล้า เครียดนอนไม่หลับ เช็กร่างกายกำลังขาด "แมกนีเซียม" โดยไม่รู้ตัวหรือไม่
เช็กร่างกายกำลังเสี่ยง "โรคฮันนีมูน" หรือไม่
แม้โอกาสเกิดขึ้นอาจไม่ใช่ทุกคน แต่อย่าละเลยสังเกตอาการจากร่างกาย อาจเป็นสัญญาณของ "โรคฮันนีมูน" ได้ ลองเช็กตัวเองว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่
- ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ ทั้งกลางวันและกลางคืน (ถ้ามีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย)
- ปัสสาวะแสบ ปัสสาวะขัด รู้สึกกลั้นไม่อยู่ หรือปัสสาวะไม่สุด
- แสบบริเวณปลายท่อปัสสาวะ หรือบริเวณปากช่องคลอด
- มีอาการปวด หรือแสบบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยทั้งตอนปวดและไม่ปวดปัสสาวะ
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
การวินิจฉัย และ การรักษา โรคฮันนีมูน
ในการตรวจวินิจฉัยโรคฮันนีมูน ขั้นแรกแพทย์ สอบถามประวัติ อาการของโรค และการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนที่จะทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ได้แก่ การตรวจเพาะเชื้อปัสสาวะ เพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย เพื่อดูว่ามีการอักเสบหรือไม่
ส่วนของการรักษา โรคฮันนีมูน ควรพักจากการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการจะหาย ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อระบายเชื้อโรคบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะออก (ถ้ามี) ทั้งนี้ หากมีอาการมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด หากพบว่าผิดปกติก็ต้องกินยาปฏิชีวนะ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ผู้ป่วยโรคฮันนีมูนที่ทำการรักษาไม่หายขาด และยังคงทำกิจกรรมทางเพศที่ไม่ถูกสุขลักษณะ มีความเสี่ยงที่อวัยวะส่วนบนในระบบทางเดินปัสสาวะจะติดเชื้อโรค และเกิดการอักเสบ เช่น ไต กรวยไต ต่อมหมวกไต และท่อไต ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรง คือการติดเชื้อในกระแสโลหิต จนถึงขั้นเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ในที่สุด และก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคไต เนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ และนิ่วในไต เป็นต้น
การป้องกัน "โรคฮันนีมูน"
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศ
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมกลั้นปัสสาวะ เป็นเวลานานเกินไป
- ทำกิจกรรมทางเพศอย่างเหมาะสม
- หลังจากมีเพศสัมพันธ์ควรปัสสาวะทันที
- สังเกตพฤติกรรมการปัสสาวะ หากมีอาการปัสสาวะที่ผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์
- ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ
การมีเพศสัมพันธ์เป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่สิ่งสำคัญคือ "ความพอดี" เพราะโรคนี้มีโอกาสเป็นซ้ำได้ หากมีกิจกรรมทางเพศบ่อยในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะ "กระเพาะปัสสาวะ" หากดูแลรักษาไม่ดีก็อาจนำไปสู่ภาวะหรือโรคร้ายแรงได้
อ้างอิงข้อมูล : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, โรงพยาบาลเพชรเวช
อ่านข่าว : "ผู้สูงอายุ" ทำงานมีกฎหมายคุ้มครองหรือไม่