ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“วรวัจน์” อัด “อนุทิน-ธรรมนัส” เปิดช่องนำเข้าพืช GMOs ทำลายระบบเกษตรไทย

การเมือง
12:49
62
“วรวัจน์” อัด “อนุทิน-ธรรมนัส” เปิดช่องนำเข้าพืช GMOs ทำลายระบบเกษตรไทย
อ่านให้ฟัง
09:02อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“วรวัจน์” อัด “อนุทิน-ธรรมนัส” เปิดช่องนำเข้าพืช GMOs GEd ทำลายราคาสินค้าเกษตร ทำประเทศ-เกษตรกรไทย สูญรายได้มหาศาล เตรียมยื่นร้อง ป.ป.ช.-ศาลจังหวัด-ศาลปกครอง-ศาล รธน.ฟันเอาผิด

วันที่ 29 ก.ย.2568 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า 15 ปีที่ผ่านมา เงินที่ควรจะอยู่ในกระเป๋าของเกษตรกรไทย กลับถูกสูบออกไปเหมือนเราถูกใช้เป็นตู้เอทีเอ็มของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติ หรือทุนใหญ่ในประเทศปีละกว่า 60,000 ล้านบาท นี่ไม่ใช่ตัวเลขเล่นๆ แต่มันคือเลือดเนื้อ น้ำพักน้ำแรง และอนาคตของลูกหลานคนไทย ที่ถูกสูบเลือดสูบเนื้อในชื่อสวยหรูว่า “การพัฒนาเพื่ออุตสาหกรรม”

โดยทั้งหมดนี้เริ่มต้นเมื่อปี 2553 พรรคภูมิใจไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เข้าร่วมรัฐบาล และได้ส่งนายศุภชัย โพธิ์สุ ไปเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเป็นคนเซ็นประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 10/2553 ซึ่งปรากฏว่า ขัดต่อ พ.ร.บ.กักพืชปี 2507 ที่เป็นกฎหมายแม่อย่างชัดเจน เพราะว่า พ.ร.บ.กักพืช ห้ามนำเข้าพืชตัดต่อพันธุกรรมเข้ามาภายในประเทศไทย อนุญาตให้นำเข้ามาได้ เฉพาะเพื่อการวิจัยและการทดลองเท่านั้น

นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า แต่ปรากฏว่า ประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่นายศุภชัยเซ็นนั้น อนุญาตให้นำพืชตัดต่อพันธุกรรม ให้นำเข้าไปใช้ในอุตสาหกรรมได้ จึงเป็นการเปิดประตูผิดกฎหมาย และนี่คือจุดเริ่มต้นของความหายนะของเกษตรกรไทย ที่ทำให้เงินทุนไทยและเงินของเกษตรกรไทยรั่วไหลเกินกว่า 900,000 ล้านบาทใน 15 ปีที่ผ่านมา

วันนี้กระบอกสูบที่แข็งแรง อันที่ 2 ถูกยื่นออกมาสูบเลือดสูบเนื้อของพี่น้องเกษตรกรไทยอีกครั้งหนึ่ง เป็นพืชตัดต่อพันธุกรรมที่ชื่อ Genome Edited โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้เซ็นประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 11 ก.ค.2567 เรื่องการรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร ซึ่งก็คือ พันธุกรรมที่ขัดต่อกฎหมายคือ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 อย่างชัดเจน

พูดให้ชัดๆ คือ ข้าวโพดประเทศไทยมีความต้องการใช้ปีละ 9 ล้านตัน แต่พี่น้องเกษตรกร ผลิตได้เพียง 5 ล้านตัน จริง ๆ แล้วราคาจะต้องขึ้นไปสูงกว่านี้เพราะขาดแคลน แต่มีการนำเข้าพืช GMOs พืชอุตสาหกรรม อีกประมาณปีละ 2.6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 26,000 ล้านบาท นอกจากนั้นถั่วเหลืองประเทศไทยมีความต้องการใช้ปีละ 2 ล้านตัน แต่เกษตรกรผลิตได้เพียง 110,000 ตันจึงมีการนำเข้าพืช GMOs อีกประมาณ 1.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท

นอกจากนั้นยังมีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่นอื่นอีกประมาณ 15,000 ล้านบาท นอกจากนั้นยังเสียค่าลิขสิทธิ์เมล็ดพันธุ์อีกกว่า 5000 ล้านบาท รวมแล้วมากกว่า 60,00-70,000 ล้านบาทต่อปี

นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า เงินเหล่านี้ถูกดูดออกจากกระเป๋าของพี่น้องเกษตรกรไทย เหมือนเปิดเครื่องสูบพญานาคขนาดยักษ์ ให้ต่างชาติมาสูบกินเลือดเนื้อเกษตรกรคนไทย แล้วผลลัพธ์คืออะไร ราคาข้าวโพดไทย ตกต่ำเหลือเพียง 7-8 บาท ทั้งที่ขาดแคลน ควรจะขายได้ไม่ต่ำกว่า 15 บาท

มันสำปะหลังไทยราคาตกขายไม่ออก ถั่วเหลืองถูกกดราคา แม้แต่ข้าวก็ยังตกต่ำ เพราะนายทุนนำเข้าพืช GMOs มาทดแทนพืชกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ทำให้พี่น้องเกษตรกร ขาดทุนขายสินค้าเกษตรไม่ได้ราคา หนี้สินพุ่งไม่หยุด 15 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียแล้วเกินกว่า 900,000 ล้านบาท

เราจะไม่ลืมว่า ใครเปิดประตูนำเข้าพืช GMOs ในปี 2553 ใครมีส่วนเกี่ยวข้อง และใครกำลังจะเปิดประตูเพื่อตัดต่อพันธุกรรมที่ชื่อ Genome Edited ในวันนี้ ควรหยุดการสูบเลือดสูบเนื้อเกษตรกรไทย นี่ไม่ใช่แค่การต่อสู้ทางกฎหมาย แต่มันคือสงครามเพื่อเอาชีวิตรอดของประเทศ และเป็นการทวงคืนอนาคตของเกษตรกรไทย ประเทศไทยไม่ใช่ห้องทดลองของบริษัทข้ามชาติ และเกษตรกรไทย ไม่ได้เป็นหนูทดลองให้ใครหลอกขายพืชตัดต่อพันธุกรรมอีก

หากรัฐบาลของท่านนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล มีความห่วงใยเกษตรกรจริง อย่างที่ปากพูด ต้องยกเลิกประกาศอัปยศเหล่านี้ทันที มิเช่นนั้นท่านอย่าคาดหวังเลยว่า เกษตรกรไทยมากกว่า 30 ล้านคน จะไว้วางใจ ให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี และให้ท่านทำนโยบายที่สูบเลือดสูบเนื้อ ดูดกินถึงกระดูก พี่น้องเกษตรกรไทยอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายวรวัจน์จะยื่นร้อง 1.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยด่วน ซึ่งหากพบการกระทำผิด ให้ส่งเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อพิจารณา และเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความผิดจริยธรรมร้ายแรง และดำเนินการถอดถอนผู้ถูกร้องจากตำแหน่ง พร้อมตัดสิทธิทางการเมือง รวมถึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิกถอนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 10 พ.ศ.2553

2.ฟ้องศาลจังหวัด เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ (ทั้งรายบุคคลและในรูปแบบกลุ่ม) ให้ศาลพิจารณาสั่งให้รัฐหยุดการดำเนินนโยบายหรือประกาศที่ก่อให้เกิดความเสียหายซ้ำซ้อน , ห้ามนำเข้า GMO และ GEd โดยมิชอบ

3.ร้องศาลปกครอง ให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 10 พ.ศ.2553 และให้จำเลยชดเชยค่าเสียหายแก่โจทย์พร้อมดอกเบี้ย รวมถึงมีคำสั่งคุ้มครองห้ามจำเลยนำเข้าพืช GMO และ GEd อีกต่อไป

4.ร้องศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยการกระทำของผู้ถูกร้องว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีมูล ให้มีคำสั่งถอดถอนผู้ถูกร้องจากตำแหน่ง และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายวรวัจน์ อภิปรายนั้น ได้เปิดคลิปวีดีโอที่ทำจาก AI โดย สส.ของพรรคภูมิใจไทย เช่น นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ขอให้ประธานวินิจฉัยเรื่องการเอ่ยชื่อรัฐมนตรีท่านโน่น และรัฐบาลชุดที่ผ่าน ๆ มา 15 ปีที่แล้ว ตนไม่แน่ใจว่า พรรคภูมิใจไทยเพิ่งจะได้เป็นแกนนำ 15 ปีที่ผ่านมาใครเป็นแกนนำตนจำไม่ได้ รวมถึงนายณัฏฐช์นน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ที่ลุกขึ้นประท้วงเช่นกัน โดยขอให้ประธานวินิจฉัยว่า ในการใช้ AI ในการอภิปราย ต้องมีมาตรฐาน

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา วินิจฉัยว่า เรื่อง AI เป็นเรื่องใหม่ ไม่มีข้อบังคับห้าม แต่ตนอยากให้พึงระมัดระวัง ขอให้อยู่ในประเด็น ขอให้อภิปรายในเชิงคัดค้านหรือสนับสนุนนโยบายที่รัฐบาลแถลง นอกจากนั้น ตนคิดว่ายังไม่เหมาะสม ไม่ใช่วาระของการแถลงนโยบาย เดี๋ยวจะเป็นการอภิปรายตัวรัฐมนตรีหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และย้ำว่าขอให้อยู่ในประเด็น

อ่านข่าว : “ภคมน” จวกรัฐบาลหยุดดันทุรัง “แลนด์บริดจ์” ไม่คุ้มทุน-ไร้โอกาสทางเศรษฐกิจ

"อนุทิน" มองควรยกเลิก MOU กัมพูชา หากไทยไม่ได้ประโยชน์

อนาคต “แม่สาย” กับแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ยั่งยืน