“อวกาศ” ดินแดนเวิ้งว้างอันไกลโพ้นที่กำลังกลายเป็นสมรภูมิที่หลายประเทศแข่งขันเพื่อช่วงชิงความเป็นมหาอำนาจนอกโลก หรือที่เรียกว่า “การแข่งขันทางอวกาศ” (Space Race) สะท้อนได้จากการเร่งพัฒนาโครงการด้านอวกาศมากมายของมหาอำนาจโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน และอินเดีย
ที่น่าจับตามองมากที่สุด ณ เวลานี้ คงหนีไม่พ้น “จีน” ที่แม้ว่าจะเป็นน้องใหม่ในวงการอวกาศ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีการบินและอวกาศของ “จีน” มาแรง โดยเฉพาะช่วง 10 ปีมานี้ ถือเป็น “ทศวรรษแห่งเทคโนโลยีการบินและอวกาศของจีน” ที่วงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างยอมรับและจับตามอง
จีนโชว์ความสำเร็จในห้วงอวกาศสู่สายตาชาวโลกอย่างต่อเนื่องช่วง 10 ปีมานี้ จีนปล่อยจรวดขึ้นสู่ห้วงอวกาศมากกว่า 200 ลำ ส่งดาวเทียมจำนวนมากขึ้นสู่วงโคจรทั้งดาวเทียมสื่อสาร ดาวเทียมสำรวจโลก และดาวเทียมสำรวจระยะไกล สร้าง “สถานีอวกาศเทียนกง” และส่งนักบินอวกาศไปปฏิบัติภารกิจนอกโลกเป็นชาติที่ 3 ของโลก สร้างประวัติศาสตร์ส่งยานลงจอดดาวอังคารได้สำเร็จเป็นชาติที่ 2 ของโลก
ล่าสุด ภารกิจ “พิชิตจันทร์” ของจีนในการส่งยานสำรวจฉางเอ๋อ-6 (Chang’e 6/嫦娥六号) ไปเก็บตัวอย่างวัตถุ “ด้านไกลของดวงจันทร์” (Far Side) น้ำหนัก 1.935 กิโลกรัมกลับมายังโลกได้สำเร็จเป็นชาติแรกของโลกเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ซึ่งนับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ
อันที่จริง ประเทศจีนโดยองค์การอวกาศแห่งชาติจีน หรือ CNSA (China National Space Administration/国家航天局) ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปี 2563 โดยยานฉางเอ๋อ-5 (Chang’e 5/嫦娥五号) ได้เก็บตัวอย่างวัตถุหนัก 1.731 กิโลกรัม จากพื้นที่ที่เรียกว่า “มหาสมุทรแห่งพายุ” (Oceanus Procellarum) ซึ่งอยู่บนด้านใกล้ของดวงจันทร์และเดินทางกลับถึงโลกเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563
องค์การอวกาศแห่งชาติจีน โดยศูนย์สำรวจดวงจันทร์และวิศวกรรมอวกาศ (Lunar Exploration and Space Engineering Center/探月与航天工程中心) ได้ส่งมอบ “ตัวอย่างวัตถุ” ที่นำกลับมาจากดวงจันทร์ไปไว้ที่ห้องปฏิบัติการตัวอย่างวัตถุจากดวงจันทร์ (月球样品实验室) ในความดูแลของหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์แห่งชาติจีนซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดสภาบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน (National Astronomical Observatories, Chinese Academy of Sciences/中国科学院国家天文台) เป็นหลัก โดยนักวิทยาศาสตร์ในจีนจะได้รับโอกาสเป็นกลุ่มแรกที่ได้วิเคราะห์ตัวอย่างวัตถุจากดวงจันทร์
โดยภายในห้องปฏิบัติการตัวอย่างวัตถุจากดวงจันทร์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นห้องเปิดผนึกแคปซูลที่เก็บตัวอย่างวัตถุจากดวงจันทร์ โดยนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์จะทำการเปิดผนึกตัวอย่างล้ำค่าที่เก็บกลับมาจากดวงจันทร์ผ่านถุงมือยางภายในตู้ปฏิบัติการเปิดผนึกมีสภาวะพิเศษที่มีก๊าซไนโตรเจน และมีความดันสูงกว่าด้านนอกเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกเข้าไปในตู้ปฏิบัติการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนของตัวอย่างในตู้ปฏิบัติการ
ส่วนที่สองเป็นห้องคัดแยกตัวอย่าง เจ้าหน้าที่จำแนกและจัดเก็บตัวอย่างที่มีอยู่โดยพิจารณาจาก “ตัวอย่างได้สัมผัสกับอากาศหรือไม่” โดยตัวอย่างที่สัมผัสกับอากาศแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นตัวอย่างเศษหินบางส่วนที่คัดออกมาจากตัวอย่างดินบนดวงจันทร์ เพื่อชั่งน้ำหนักและถ่ายภาพ อนุภาคเศษหินเหล่านี้จึงถูกสัมผัสกับอากาศ (มีหมายเลขกำกับ และแยกเก็บต่างหาก) อีกส่วนหนึ่งเป็นตัวอย่างที่ใช้แถลงข่าว ขณะที่ตัวอย่างที่ไม่ได้สัมผัสกับอากาศถูกเก็บไว้ในตู้ปฏิบัติการไนโตรเจน และส่วนที่สามเป็นห้องปฏิบัติการที่เตรียมไว้สำหรับตัวอย่างวัตถุดวงจันทร์ที่กลับมาจากยานสำรวจฉางเอ๋อ 6
นับตั้งแต่ได้เริ่มแจกจ่าย “ตัวอย่างวัตถุชุดแรก” จากยานสำรวจฉางเอ๋อ 5 ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 จนถึงปัจจุบันเป็นจำนวน 7 ชุดแล้ว รวมน้ำหนัก 85.48 กรัม โดยองค์กร/สถาบันวิจัยที่มีความประสงค์จะขอยืม “ตัวอย่างวัตถุ” จากดวงจันทร์จะต้องยื่นข้อเสนอโครงการวิจัยตามกรอบเวลาที่กำหนด เมื่อโครงการผ่านการประเมินจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านตัวอย่างวัตถุดวงจันทร์แล้ว ศูนย์สำรวจดวงจันทร์และวิศวกรรมอวกาศจะดำเนินการตรวจสอบและยื่นขออนุมัติไปยังองค์การอวกาศแห่งชาติจีน
สำหรับตัวอย่างชุดที่ 7 มีคำขอ 32 ชุดจาก 13 สถาบันวิจัยผ่านการอนุมัติ แจกจ่ายตัวอย่างรวม 8,293.5 มิลลิกรัม และเป็นครั้งแรกที่เปิดให้นักวิจัยทั่วโลกสามารถยื่นข้อเสนอโครงการวิจัยได้ด้วย (ตัวอย่าง 6 ชุดก่อนหน้านี้ ให้เฉพาะองค์กร/สถาบันวิจัยในจีนเท่านั้น) โดยทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกุ้ยหลิน หรือ Guilin University of Technology (桂林理工大学) ของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติ “ตัวอย่างวัตถุดวงจันทร์” ชุดที่ 7 นี้ด้วย
โดยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ดร.เซี่ย จื้อเผิง (Xia Zhipeng/夏志鹏) อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยอุกกาบาตและวัตถุดาวเคราะห์ (Institute of Meteorites and Planetary Materials Research/陨石与行星物质研究中心) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกุ้ยหลิน ได้เดินทางไปที่หอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์แห่งชาติจีนในสังกัดสภาบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน เพื่อรับตัวอย่างวัตถุดวงจันทร์ 2 ชิ้น (Polished Sections) น้ำหนักรวม 31.2 มิลลิกรัม เพื่อนำไปวิจัยหินแพลจิโอเคลส (Plagioclase) ซึ่งเป็นแร่ประกอบหินสำคัญของดวงจันทร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกุ้ยหลิน เดิมเป็นโรงเรียนธรณีวิทยากุ้ยหลิน มีความเชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา โดยเฉพาะอุกกาบาต และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา ภายในพิพิธภัณฑ์มีอุกกาบาตดวงจันทร์ 10 กว่าก้อน และเก็บสะสมตัวอย่างหินประเภทต่าง ๆ รวมถึงหินอุกกาบาตที่ถูกค้นพบมากกว่าร้อยละ 80 จากทั่วโลก และเป็นองค์กรเพียงแห่งเดียวของจีนที่ไปดำเนินการวิจัยแบ่งประเภทหินอุกกาบาตที่ขั้วโลกใต้
มีการคาดกาณ์ว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า ตลาดอุตสาหกรรมอวกาศทั้งโลกจะมีมูลค่าประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คำว่า “เทคโนโลยีอวกาศ” ที่ฟังดูเหมือนไกลตัวแต่แท้จริงแล้วอวกาศเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด อาทิ การสื่อสารและโทรคมนาคม การตรวจวัดและพยากรณ์อากาศ การค้นหาและแสดงพิกัด สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์เพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีอวกาศที่อยู่รอบตัวเรา
ในบริบทที่ไทย-จีนได้ลงนามความร่วมมือด้านการสำรวจอวกาศและสถานีวิจัยดวงจันทร์เมื่อเดือนเมษายน 2567 และจะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมและคณะทำงานร่วมในด้านการสำรวจอวกาศการประยุกต์ใช้อวกาศ การพัฒนากำลังคนด้านอวกาศ และสาขาอื่น ๆ เพื่อวางแผนและดำเนินโครงการร่วมด้านอวกาศ โครงการแลกเปลี่ยนและการฝึกอบรมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการร่วมจัดการประชุมทางวิชาการและการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านวิทยาศาสตร์และการเสริมสร้างความร่วมมือในรูปแบบอื่น ๆ เป็นโอกาสอันดีที่ “ไทย” จะได้เรียนรู้เทคโนโลยีอวกาศจากจีน
ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเป็นอีกหนึ่งสาขาที่ควรได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในรูปแบบการบูรณาการความร่วมมือ สถาบันการศึกษาไทยสามารถแสวงหาความร่วมมือด้านการศึกษาวิจัยในสาขาที่สถาบันการศึกษาจีนมีความเชี่ยวชาญอย่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกุ้ยหลินเพื่อบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญ ต่อยอดองค์ความรู้และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของประเทศให้ได้ผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมเพราะ ผู้ชนะคือประเทศที่ทันขบวนเทคโนโลยี
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech