ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ชีวิต ‘คนไทยในอเมริกา’ ท่ามกลางการปราบปรามผู้อพยพยุค ‘ทรัมป์ 2.0’


Insight

Thai PBS Digital Media

แชร์

ชีวิต ‘คนไทยในอเมริกา’ ท่ามกลางการปราบปรามผู้อพยพยุค ‘ทรัมป์ 2.0’

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2825

ชีวิต ‘คนไทยในอเมริกา’ ท่ามกลางการปราบปรามผู้อพยพยุค ‘ทรัมป์ 2.0’


คนไทยกระจายตัวอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก บ้างเพื่อเรียน บ้างเพื่อทำงาน บ้างเพื่อตั้งถิ่นฐาน และ ‘อเมริกา’ คงจะเป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ ของใครหลายคน

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 68 เขาก็ดำเนินนโยบายเนรเทศกลุ่มผู้อพยพ “ผิดกฎหมาย” นับล้าน (mass deportation) ตามที่ได้หาเสียงไว้ โดยมี ICE หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา เป็นกำลังหลักในการควบคุมตัวคนต่างด้าวกลับประเทศต้นทาง นอกจากนี้ ทรัมป์ยังสั่งสถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกระงับการนัดหมายพิจารณาวีซ่านักเรียนต่างชาติ และพยายามตัดงบประมาณ รวมถึงเพิกถอนการอนุญาตรับนักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) โดยเฉพาะ

ข่าวสารเกี่ยวกับการเมือง-สังคมของอเมริกาในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 คงจะดูตึงเครียดและรุนแรงในสายตาของคนนอกอย่างเรา ๆ ที่มองเข้าไป แต่สถานการณ์ในสายตาคนไทยที่อาศัยอยู่ในอเมริกาล่ะ แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่ ?

ป้าย ‘ไทยทาวน์ (Thai Town)’ ช่วงครบรอบ 20 ปีชุมชนคนไทยในลอสแอนเจลิสเมื่อปี ค.ศ. 2019 (ภาพจาก: VOA Thai)

“ความกลัว” ที่นักศึกษาไทยสะท้อนได้จากโลกวิชาการของอเมริกา

เอ (นามสมมติ) เป็นนักศึกษาไทยคนหนึ่งในอเมริกา โดยส่วนตัวนั้น เอไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายเกี่ยวกับคนต่างด้าวของทรัมป์ และในตอนนี้ เอก็ยังเดินทางท่องเที่ยวและใช้ชีวิตในอเมริกาได้ปกติ เว้นแต่จะกังวลอยู่บ้างถึงเรื่องสถานะวีซ่า และเลี่ยงเดินทางออกนอกประเทศ 

“สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนในอเมริกาได้ส่งอีเมลให้คำแนะนำนักเรียน [ทุนรัฐบาลไทย] ทุกคนเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางเข้า-ออกสหรัฐฯ ที่อาจมีขั้นตอนมากขึ้นและยากขึ้น เขาส่งมา 2 ครั้งแหละ... คำแนะนำเหล่านี้ช่วยให้เราตัดสินใจอยู่ต่อที่อเมริกา แทนที่จะกลับไปไทยช่วงปิดภาคฤดูร้อนนี้ เรามองว่าคำแนะนำเหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของความกลัวที่เกิดขึ้นในหมู่ของนักเรียนต่างชาติที่ถูกมองว่าเป็น ‘เอเลี่ยน’ ในประเทศนี้” เอให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS

จากประสบการณ์ของเอ เอคิดว่า “ความกลัว” เป็นสิ่งที่คนต่างชาติในอเมริกาต่างรู้สึก โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียน-นักศึกษาที่ไม่อยากมีปัญหาใด ๆ ทั้งที่ยังไม่สำเร็จการศึกษา “[นโยบายและมาตรการต่าง ๆ] จริงไม่จริงไม่รู้ หรือบังคับใช้แล้วหรือยัง ก็ยังเป็นที่ถกเถียงอยู่นะ แต่สิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นคือ ‘ความกลัว’ กลัวไปก่อนที่เรื่องจะเกิด” เอกล่าว “เช่น เทอมก่อนมีนักศึกษาปริญญาเอกชาวจีนจำนวนหนึ่งที่ต้องเข้าร่วมประชุมวิชาการนอกอเมริกา ตัดสินใจยกเลิกเที่ยวบินและไม่ไปร่วมงานประชุมวิชาการ เพราะกลัวว่าจะกลับเข้ามาอเมริกาอีกไม่ได้หลังจากที่ทรัมป์ขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี” 

นอกจากคำแนะนำของสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนในอเมริกา สถาบันที่เอกำลังศึกษาอยู่นั้นก็ออกคำเตือนให้นักศึกษาต่างชาติระมัดระวังการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในอเมริกา เพราะอาจถูกเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่รัฐได้ “เขาส่งอีเมลมาบอกว่า ถ้าคุณออกความคิดเห็นที่รุนแรงเกี่ยวกับการเมืองในอินเทอร์เน็ต ก็ขอให้ลบทิ้ง และเวลาเดินทางไปสนามบิน ขอให้ปิดโทรศัพท์ สมมติเขาขอตรวจโทรศัพท์ แล้วเรามีรูปภาพหรือหลักฐานว่าไปประท้วงวิจารณ์รัฐบาล ก็อาจโดนหมายหัวไว้เหมือนกัน” เอเล่า 

แต่ความกลัวที่ว่านี้จะโหมกระพือยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่มี “เรื่องเล่าขาน” ในหมู่คนต่างชาติ เอยกตัวอย่างนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวจากการทำผิดกฎหมายที่ไม่ได้รุนแรง แต่กลับนำไปสู่การยกเลิกวีซ่า 

เวลาที่เราเห็นเพื่อนมาเล่าเรื่องแบบปากต่อปากว่า ‘แก คนนั้นมันโดนเพิกถอนวีซ่า เพราะขับรถเร็ว’ มันสร้างความกลัวให้กับนักศึกษาหลาย ๆ คน โดยเฉพาะนักศึกษาต่างชาติ ‘แล้ววันหนึ่งเราจะโดนไหมวะ’

ในฐานะที่เป็นนักศึกษา เอจึงสนใจความเป็นไปในแวดวงวิชาการอเมริกันมากเป็นพิเศษ “เวลาอเมริกาฉายภาพตัวเองออกไปให้โลกเห็น มันก็จะเป็นแหล่งการศึกษาของโลก เป็นประเทศที่ส่งเสริมในเรื่องการศึกษา มีทุนวิจัยให้สถาบันต่าง ๆ และดึงนักวิชาการจากทั่วโลกเข้ามา” เอกล่าว “และในสถาบันต่าง ๆ มันไม่ได้มีแค่นักศึกษาอเมริกัน เพราะว่า [คนอเมริกัน] จำนวนหนึ่งเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะเรียนได้ แต่เราจะเห็นนักศึกษาจากต่างชาติค่อนข้างเยอะเลย” 

พิธีจบการศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2025 ท่ามกลางข่าวที่ทรัมป์จะตัดการสนับสนุนสถาบันแห่งนี้ (ภาพจาก: Spencer Platt/Getty Images/AFP)

ขณะที่นโยบายปิดรับนักศึกษาต่างชาติอาจทำให้สถาบันต่าง ๆ ในอเมริกาเสียรายได้ไป ประเด็นสำคัญกว่านั้นอยู่ที่ ครู อาจารย์ และนักวิชาการเองต่างก็กังวลต่อ “เสรีภาพทางวิชาการ” และอนาคตโลกการศึกษา หลังจากที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถูกทรัมป์ดำเนินการทางกฎหมายอย่างหนักประหนึ่งเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู “และนักวิชาการที่อาจจะเป็นกลาง ๆ หน่อย ก็เริ่มมาสนใจมากขึ้นว่า ‘แล้ววันหนึ่ง เราอาจจะเป็นสถาบันนั้นไหมที่โดนแบบเดียวกับฮาร์วาร์ด’” 

อย่างไรก็ดี เอก็ให้ความคิดเห็นต่อว่า ในบริบทแห่งความกลัวแบบนี้ คนในแวดวงวิชาการ – ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ – ยิ่งต้องสร้าง “ความหวัง” เพื่อให้โลกวิชาการในอเมริกาดำรงอยู่ต่อไปได้ และสถาบันหลายแห่งในอเมริกาก็พยายามประนีประนอมกับรัฐบาล พร้อมช่วยเหลือนักศึกษาของตนเท่าที่จะทำได้  “สิ่งที่เราทำได้คือ เราต้องพยายามมองว่ามีความหวังอะไรใหม่ ๆ ที่จะทำ อาจจะทางตรงไม่ได้ ก็ซิกแซกเอา [หัวเราะ]”

ไม่ว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ในอเมริกาจะเป็นเช่นไร เอก็ยังรู้สึกอุ่นใจระดับหนึ่งจากความเห็นอกเห็นใจที่เขาได้รับจากเพื่อนนักศึกษาชาวต่างชาติด้วยกันเอง รวมถึงเด็กอเมริกันที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของทรัมป์ “เขารู้สึกเห็นใจที่เราอยู่ในกลุ่ม ‘เปราะบาง’ และคนกลุ่มนี้เองก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ออกมาเรียกร้องให้เรา – คนต่างด้าว – ด้วย” เอพูดปิดท้าย

นักศึกษาต่างชาติคนหนึ่งถือป้ายประท้วง “ฮาร์วาร์ดไม่ใช่ฮาร์วาร์ด ถ้าไม่มีนักศึกษาต่างชาติ” เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2025 (ภาพจาก: Rick Friedman/AFP – คนที่ปรากฏอยู่ในรูปไม่เกี่ยวข้องกับบทความนี้)

“ความปกติ” และความกังวล (ของคนเชื้อชาติอื่น) ที่คนไทยสัมผัสได้ในอเมริกา

มุก เป็นคนไทยที่ถือกรีนการ์ด (Green Card) และอาศัยอยู่ในอเมริกามาได้ระยะหนึ่งแล้ว ในช่วงที่ได้พูดคุยกับมุกนั้น ขณะที่หลาย ๆ เมืองจะมีการประท้วงต่อต้านการปราบปรามคนต่างด้าวโดยเฉพาะในลอสแอนเจลิส สถานการณ์ต่าง ๆ ในเมืองที่มุกอยู่นั้นปกติ อีกทั้งตัวมุกเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าได้รับผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ “เรามีกรีนการ์ดและมาทำงานถูกกฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้แม้แต่เป็นวีซ่านักเรียนหรือวีซ่าท่องเที่ยว เราเลยมั่นว่า ‘เฮ้ย เราเป็น resident [ผู้อยู่อาศัย] ที่นี่ จ่ายภาษี ทำทุกอย่างถูกต้อง และ [อเมริกา] ก็ให้สิ่งนี้กับเราเอง ก็เลยรู้สึกไม่กลัว” มุกกล่าว

เท่าที่มุกทราบ เพื่อน ๆ หรือคนรู้จักที่ได้กรีนการ์ดไล่เลี่ยกับมุกก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพของอเมริกา “ทุกคนในกลุ่มก็ดูปลอดภัยดีนะ เขาไม่ได้มีออกมาพูดว่าโดนอะไรหรือว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นนะ เรารู้สึกว่า ถ้ามันมีปัญหา จะต้องมีคนมาแชร์อยู่แล้ว” มุกเล่าให้ Thai PBS ฟัง “และในกลุ่มก็ค่อนข้างเคลื่อนไหวตลอดว่า มีปัญหาหรือคําถามอะไรก็จะคุยกัน เป็นปีที่เหนียวแน่นมาก” 

จริงอยู่ที่ว่าคนไทยบางส่วนกลัวว่าจะถูก ICE ตามตัวหรือควบคุมตัวหรือไม่ แต่ความกลัวที่ว่าก็อาจนำไปสู่การสร้าง “ข่าวปลอม” ในหมู่คนไทยด้วยกันเอง “ขนาดแอ็กเคานต์ของคนโพสต์ยังไม่ใช่ของจริงเลยอะไร [เพราะฉะนั้น เจ้าหน้าที่] เขาไม่ได้ไล่จับคนไปทั่วหรอก ถ้าเราไม่ได้ทําอะไรผิดอะไร หรือบางคนบอกว่า ‘ต่อให้เราไม่ทําอะไรผิด เขาจะบุกเข้าไปจับที่ร้านเลย’ ก็เล่าเป็นตุเป็นตะ ซึ่งมันทําให้คนกลัว แรก ๆ บางคนไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตเลยนะ อยู่แต่ในบ้าน กักตุนอาหาร” มุกเล่า

ทั้งนี้ ก็มีคนอเมริกันเตือนมุกว่า ต้องระวังตัวเอาไว้ หากจะไปสถานที่ราชการซึ่งต้องตรวจเอกสารหรือบัตรประจำตัวต่าง ๆ  “ถ้าเขาเห็นว่าเรามีกรีนการ์ดแต่ไม่ใช่คนขาว แล้ว [เจ้าหน้าที่คนนั้น] เขาเหยียดเชื้อชาติ บางทีเขาอาจจะหาเรื่องเราก็ได้ ต่อให้เราไม่ได้ทำอะไรผิดและมีเอกสารถูกต้อง” ขณะเดียวกัน คนเชื้อสายเม็กซิกันถูกทางการเพ่งเล็งเป็นพิเศษจนรู้สึก “กลัว” มากกว่าคนเชื้อชาติอื่น ๆ 

เพื่อนสนิทที่มีเชื้อสายเม็กซิกันของเรา เขาก็พูดว่า ขนาดครอบครัวเขาเกิดแล้วก็อยู่ที่นี่มานาน เป็นพลเมืองอเมริกันแล้ว ก็ยังมีความกลัวอยู่บ้าง [คนเม็กซิกันหรือมีเชื้อสายเม็กซิกัน] บางคนใช้ชีวิตปกติ แค่ไปทำงานหรือไปโรงเรียนก็อาจจะโดน ICE บุกเข้าไปจับได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ไปก่ออาชญากรรมอะไร

เพื่อนชาวอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกันของมุกยังพูดกับมุกว่า เพื่อนคนนี้เห็นด้วยกับการประท้วงต่อต้านนโยบายปราบปรามผู้อพยพที่เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียและรัฐอื่น ๆ ในอเมริกา “ก็เพราะว่า [รัฐบาลของ] ทรัมป์ทํารุนแรงกับ [กลุ่มผู้อพยพและคนต่างด้าว] ก่อน เหมือนว่ามาไล่ล่าพวกเขาก่อน การประท้วงในแอลเอจึงเป็นการตอบตอบกลับจากการกระทําที่ทรัมป์ทำมาก่อน” มุกเล่าให้ฟังอีกทอดหนึ่ง

ผู้ประท้วงคนหนึ่งในลอสแองเจลิสชูป้าย “ผู้อพยพคือกระดูกสันหลังของเรา! ยุบ ICE เสีย!” เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2025 (ภาพจาก: Etienne Laurent/AFP)

แม้จะมีความขัดแย้งและความตึงเครียดในสังคมอเมริกัน ณ ขณะนี้ แต่มุกคิดว่า อเมริกายังคงเป็น “ประเทศเสรี” อยู่เป็นแกนหลัก “ต่อให้จะมีเรื่องทรัมป์ ต่อให้มีเรื่องคนโดนจับ เราว่ามันเป็นแค่สมัยของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่า การที่รัฐบาลนี้เข้ามาแล้วมันจะเปลี่ยน ทำให้อเมริกาไม่ใช่ประเทศเสรีภาพอีกต่อไปแล้ว คนก็ยังรักในเสรีภาพ คือมันเป็น nature [ธรรมชาติ] ของคนที่เกิดและโตที่นี่ หรือแม้แต่คนที่ย้ายมาอยู่ ก็จะถูกหล่อหลอมด้วย [แนวคิดเรื่อง] เสรีภาพ” อีกด้านหนึ่งมุกก็มองว่า คนต่างชาติและผู้อพยพจะยังคงเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจของอเมริกา

ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ส่วนหนึ่งของคนไทยในอเมริกายุคทรัมป์ 2.0 แม้ว่าคนไทยอาจไม่ได้รับผลกระทบมากนักเมื่อเทียบกับคนต่างชาติจากประเทศอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ยังติดตามสถานการณ์และความเป็นไปต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและนานเท่าใด สิ่งสำคัญคือการเคารพกฎหมาย สติ และการคัดกรองข่าวสารของประเทศนั้น ๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองเป็นสำคัญที่สุด

อ่านบทความอื่น ๆ จาก Thai PBS NOW

ติดตามบทความและเรื่องราวทันทุกกระแสที่ Thai PBS NOW: www.thaipbs.or.th/now

ภาพปกส่วนหนึ่งจาก: VOA Thai

พิธีฉลองการเปิดป้ายถนน ‘ลิตเติ้ลไทยแลนด์ (Little Thailand)’ ในนิวยอร์กเมื่อปี ค.ศ. 2022 (ภาพจาก: VOA Thai – คนที่ปรากฏอยู่ในรูปไม่เกี่ยวข้องกับบทความนี้)

แท็กที่เกี่ยวข้อง

อเมริกาคนไทยผู้อพยพต่างประเทศโดนัลด์ ทรัมป์

ผู้เขียน: Thai PBS Digital Media

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด