จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็นข่าวปลอม โดยมิจฉาชีพมีการแอบอ้างภาพผู้ประกาศของ Thai PBS ที่ออกมาให้ความรู้เรื่องการขอรับเงินคืนมาสวมรอยว่า มีทนายให้ความช่วยเหลือเหยื่อมิจฉาชีพ ที่สามารถให้คำปรึกษาจนได้รับเงินคืน ก่อนลวงเหยื่อเข้ากลุ่มไลน์เพื่อทำให้เหยื่อถูกหลอกซ้ำซ้อน
Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก : TikTok

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงคลิปปลอมอ้างเป็น “ศูนย์ยื่นสิทธิเฉลี่ยทรัพย์”
ผู้ใช้บัญชี TikTok ชื่อ easc191 โพสต์คลิปวิดีโอที่มีเนื้อหาเตือนภัยหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการขอรับเงินคืน พร้อมแนบ QR Code หรือช่องทางการติดต่อมาแปะไว้ในคลิปดังกล่าว โดยระบุว่าเป็น “ศูนย์ยื่นสิทธิเฉลี่ยทรัพย์” พร้อมระบุข้อความ “ติดต่อหน่วยงานของเราได้ที่ลิงก์หน้าโปรไฟล์ หรือ QR Code ที่แปะไว้ข้างล่างเท่านั้น หน่วยงานเรามีเพียงหน่วยงานเดียวระวังของปลอม” พร้อมระบุชื่อไอดีไลน์และ QR Code
Thai PBS Verify ตรวจสอบด้วยการนำคลิปดังกล่าวมาตรวจสอบผ่านเครื่องมือ InVid-WeVerify พบว่าคลิปดังกล่าวถูกนำมาจากบัญชี TikTok ชื่อ deawberry ซึ่งเป็นบัญชีส่วนตัวของตนเอง โดยเป็นคลิปที่อธิบายถึงช่องทางการขอเงินคืนของผู้เสียหายจากภัยออนไลน์ ซึ่งถูกโพสต์ไว้ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงคลิปจริง (ซ้าย) เปรียบเทียบกับ คลิปปลอมที่ถูกนำมาใช้หลอกสแกน QR code (ขวา)
ยืนยันไม่เคยเชิญชวนให้ปรึกษาทางไลน์ในบัญชีส่วนตัว
เราติดต่อไปยัง นายธีรเดช งามเหลือ ผู้ดำเนินรายการ สถานีประชาชน ซึ่งออกอากาศทาง Thai PBS ซึ่งระบุว่า ตัวเองมีช่อง TikTok สำหรับการเตือนภัยโดยเฉพาะภัยออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดตามราวสองแสนคน โดยสร้างมาไม่ต่ำกว่า 3 ปี และคลิปที่ทำนั้นส่วนใหญ่เป็นการเตือนภัยออนไลน์ทุกรูปแบบ ซึ่งเรื่องไหนที่ได้มีการนำเสนอผ่านรายการสถานีประชาชน ก็จะนำเรื่องเหล่านั้นมาย่อยเป็นคลิปสั้นอยู่ภายในช่องดังกล่าว โดยมุ่งหวังเพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยออนไลน์ และเพื่อให้เยาวชนได้เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่ติดตามมักจะเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ที่เป็นผู้เสียหายแล้ว

นายธีรเดช งามเหลือ ผู้ดำเนินรายการสถานีประชาชน
ส่วนกรณีของคลิปดังกล่าวมีผู้หวังดีแจ้งมาบอกว่า พบคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่อยู่ในช่อง TikTok โดยตนมองว่า หากคลิปดังกล่าวถูกดูดไปแล้วนำไปใช้ประโยชน์ ก็สามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อมีการนำคลิปไปแปะลิงก์หรือให้แอด LINE ทำให้ตนเองต้องออกมาระบุให้กับประชาชนได้ระวังตัวเพิ่มมากขึ้น โดยมิจฉาชีพที่มาส่วนใหญ่มักจะมาในรูปแบบของการอ้างตัวเป็นทนายความหรือเจ้าหน้าที่ หรือผู้เสียหายที่สามารถทวงเงินคืนได้ เพื่อมาหลอกล่อให้ประชาชนหลงติดต่อเข้าไป
ทั้งนี้รู้สึกไม่พอใจที่คิดถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดและที่ผ่านมาแม้จะมีการเตือนภัยมานับ 10 ปี แต่มิจฉาชีพก็มีการปรับตัวหรือเรียกว่ากลายพันธุ์โดยการนำแอปพลิเคชัน นำเอา Social มาเกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่เคยมีเพียงการส่งข้อความหรืออีเมล แต่ปัจจุบันช่องทางที่ใช้ในการหลอกประชาชน กลับมีเพิ่มหลากหลายช่องทาง จึงอยากเตือนให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อข้อมูลปลอมจากเหล่ามิจฉาชีพเหล่านี้

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงบัญชี TikTok ส่วนตัวของ นายธีรเดช งามเหลือ ผู้ดำเนินรายการสถานีประชาชน
นอกจากนี้เรายังพบคลิปของผู้ดำเนินรายการของ ไทยรัฐทีวี ถูกนำคลิปไปใช้ในการหลอกลวงประชาชนในลักษณะดังกล่าวข้างต้นอีกด้วย
ยืนยันคืนเงินเหยื่อไม่มีการติดต่อทางออนไลน์ อย่าหลงเชื่อ

พ.ต.อ. เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท.
พ.ต.อ. เนติ วงษ์กุหลาบ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ระบุว่า รูปแบบดังกล่าวถือเป็นแผนทุษกรรมเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบในการเข้าหาเหยื่อ ซึ่งก่อนที่จะมีรูปแบบใหม่เหล่านี้ ในอดีตเคยมีเพจปลอมสำหรับการรับแจ้งความทางออนไลน์ โดยแอบอ้างหน่วยงานรัฐ ซึ่งรูปแบบนี้ถือเป็นรูปแบบแรก ๆ ที่มีการตรวจสอบพบ ต่อมาจึงมีการพัฒนาขึ้น เนื่องจากผู้เสียหายในคดีออนไลน์มีจำนวนมาก จึงเริ่มมีการแอบอ้างเป็นทนาย ซึ่งในที่นี้เหล่ามิจฉาชีพจะเข้าไปอยู่ในคอมเมนต์ใต้โพสต์ เช่น มีผู้เสียหายโพสต์ถูกหลอกจากสแกมเมอร์ ก็จะมี Comment หน้าม้า พิมพ์เข้าไปในโพสต์ดังกล่าว ว่าสามารถช่วยเหลือในการติดตามเงินคืนได้ หรือได้รับเงินคืนแล้วจากการปรึกษาทนายคนนู้นคนนี้ พร้อมให้เพิ่มเพื่อน ซึ่งใช้รูปของทนายทั้งที่มีตัวตนอยู่จริง หรือสำนักงานทนาย หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพปลอม
อย่างไรก็ตามล่าสุดได้มีการตรวจสอบพบรูปแบบใหม่ ที่มีการดูดคลิปของผู้ดำเนินรายการหรือผู้ประกาศข่าว ที่ได้มีการพูดถึงเนื้อหาการติดตามทวงคืนทรัพย์สิน นำมาประกอบกับข้อความปลอมและชักชวนให้เพิ่มเพื่อน เพื่อให้ผู้เสียหายที่หลงเชื่อสแกน QR code เพื่อขอรับความช่วยเหลือในการติดตามเงินคืน
ทั้งนี้อยากเตือนประชาชนว่า หน่วยงานรัฐจะไม่มีรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ ผ่านการเพิ่มเพื่อนในไลน์อย่างเด็ดขาด และการติดตามทรัพย์คืนนั้น ก็มีขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมาย ต้องมีคำพิพากษา ต้องมีการประกาศจาก ปปง. ซึ่งล้วนเป็นไปตามขั้นตอน จะไม่มีหน่วยงานรัฐติดต่อโดยตรงแต่อย่างใด