Failed to load player resources
Please refresh the page to try again.
ERROR_BYTEARK_PLAYER_REACT_100001
ในวันนี้ เราจะพาคุณผู้ชมไปเจาะลึกถึงภูมิปัญญาการถนอมอาหารอันเก่าแก่ของพี่น้องไทยกะเริง แห่งตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม กับการทำ ปลากะเตา หรือที่ชาวบ้านออกเสียงว่า "ปลากะเต๋า" ซึ่งเป็นอาหารพื้นถิ่นที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่น่าค้นหา
ปลากะเตา หรือ ปลากะเต๋า คือภูมิปัญญาการถนอมอาหารของพี่น้องชาติพันธุ์ ไทยกะเริง ในจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นการนำเอาปลาเล็กปลาน้อยหลากหลายชนิด เช่น ปลาซิว, ปลาขาว, ปลาแก้ว, ปลาสร้อย, ปลาหมักแปบ, ปลาแต้บ หรือแม้กระทั่งกุ้งฝอย มาแปรรูปด้วยวิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานข้ามปี ชาวไทยกะเริงซึ่งมีรากเหง้ามาจากประเทศลาว โดยเฉพาะกลุ่ม ลาวภูไทกะเริง ได้นำพาภูมิปัญญานี้ติดตัวมาด้วย และยังคงสืบทอดการทำ ปลากะเตา มาจนถึงปัจจุบัน โดยพบว่าในเมืองปากเซทางตอนใต้ของประเทศลาว และจังหวัดอุบลราชธานี ก็มีการทำ ปลากะเตา ในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แต่มีข้อแตกต่างที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่ยังเป็นการตากแห้งเป็นตัวโดยไม่มีการปั้นก้อน
การทำ ปลากะเตา เริ่มต้นจากการเสาะแสวงหาวัตถุดิบหลัก นั่นคือปลาเล็กปลาน้อย และกุ้งฝอย ซึ่งชาวบ้านมีภูมิปัญญาในการจับสัตว์น้ำเหล่านี้ด้วยเครื่องมือและวิธีการที่หลากหลาย:
หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการจับปลาเล็กปลาน้อยคือ "สะดุ้ง" ซึ่งคุณยายในพื้นที่เรียกว่า "ตึกสะดุ้ง" มีลักษณะคล้ายกับการยกยอ แต่มีขนาดประมาณสี่ศอก ใช้แรงมือในการจุ่มและยกขึ้นมา การ ตึกสะดุ้ง ต้องอาศัยความชำนาญและสายตาที่ไว เพราะต้องลุ้นว่าปลาจะเข้ามามากน้อยเพียงใด และเมื่อเห็นปลาเคลื่อนไหวก็ต้องรีบยกขึ้นมาทันที
สำหรับกุ้งฝอย ชาวบ้านนิยมใช้ "ตุ้มกุ้ง" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นจากไม้ไผ่ ตาข่ายไนลอน และเศษขวดน้ำดื่ม ภายในจะใส่เหยื่อล่อเช่น ปลาร้า ข้าวเหนียวปิ้ง หรือข้าวจี่ จากนั้นนำไปวางแช่ทิ้งไว้ข้ามคืนในห้วย หนอง คลอง บึง แล้วจึงกลับมาเก็บกู้
อีกหนึ่งวิธีที่ใช้ในการจับปลาซิวคือการใช้อวนตาข่าย ซึ่งปลาซิวที่พบในธรรมชาติของท้องถิ่นนี้มีหลากหลายชนิด เช่น ปลาซิวควาย หรือหากตัวโตกว่านี้ก็จะเรียกว่าปลาซิวอ้าว โดยปลาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเมื่อน้ำมาก็จะไหลลงสู่แหล่งน้ำ
หลังจากได้ปลาเล็กปลาน้อยและกุ้งฝอยมาแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็น ปลากะเตา ซึ่งสตางค์ถึงกับนิยามให้ใหม่ว่าเป็น "คุกกี้ของคนอีสาน" เนื่องจากลักษณะสุดท้ายที่ออกมาจะคล้ายกับคุกกี้ที่ผ่านการอบแห้ง
ปลากะเตา สามารถเก็บรักษาไว้ได้สองวิธีหลักๆ เพื่อให้คงคุณภาพและรสชาติได้นาน:
การปั้นเป็นก้อนแบนแล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิทสองถึงสามแดด เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะจะทำให้ ปลากะเตา แห้งสนิท ไม่มีน้ำเหลืออยู่เลย สามารถเก็บไว้รับประทานได้ยาวนานเป็นปี
ในกรณีที่ไม่มีแดด หรือได้ปลามาจำนวนมากในช่วงหน้าน้ำหลาก ชาวบ้านก็มีอีกหนึ่งวิธีคือการนำ ปลากะเตา ที่โขลกเสร็จแล้ว (และแห้งแล้ว) บรรจุใส่ "กระบั้ง" หรือกระบอกไม้ไผ่ โดยจะใช้ไม้กระทุ้งอัดให้แน่น และนำไปวางไว้ข้างเตาไฟ วิธีนี้ช่วยประหยัดแรงในการตากแดด และยังคงอร่อยเหมือนเดิม คุณแม่เล่าว่าในสมัยก่อน การมีกระบั้ง ปลากะเตา ถือเป็นของมีค่าที่ชาวไทยกะเริงหวงแหนมาก ห้ามหายเด็ดขาด เพราะถ้าหายก็ "บ่อแซ่บ" (ไม่อร่อย) ซึ่งแสดงถึงคุณค่าทางจิตใจและเศรษฐกิจของอาหารชนิดนี้
ปัจจุบัน การทำ ปลากะเตา ยังคงมีการทำจริงจังในชุมชน โดยมีชาวบ้านประมาณสิบกว่าคนที่ทำเพื่อจำหน่ายในราคาสามแผ่นยี่สิบบาท
ปลากะเตา ไม่ได้เป็นเพียงอาหารถนอมเท่านั้น แต่ยังถือเป็นเครื่องปรุงสำคัญชนิดหนึ่งของพี่น้อง ไทยกะเริง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเมนูต่างๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแกงหน่อไม้, แกงเห็ด, แกงต้มปลา หรือเมนูขึ้นชื่ออย่าง "ป่นปลากะเตา" และ "หมกหม้อปลากะเตา"
ป่นปลากะเตา คือเมนูที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้ลิ้มลอง ปลากะเตา กระบวนการทำและการปรุงรสชาติที่จัดจ้านจะทำให้คุณติดใจ
หมกหม้อปลากะเตา เป็นอีกหนึ่งเมนูที่พี่ป้าน้าอาในชุมชนนิยมนำ ปลากะเตา มาเป็นส่วนผสม โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้ตากแดด ปลากะเตา จะถูกนำมา "ข่างไฟ" หรือย่างไฟด้วยไม้คันหลาว (ไม้สำหรับหาบข้าว) บนเตาไฟจนแห้ง
ปลากะเตา จึงเป็นมากกว่าอาหาร แต่คือเรื่องราวของภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ ความผูกพันกับธรรมชาติ และวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของพี่น้อง ไทยกะเริง ซึ่งยังคงรักษาคุณค่าของอาหารพื้นถิ่นนี้ไว้อย่างเหนียวแน่น หากมีโอกาสได้ไปเยือนนครพนม อย่าลืมลิ้มลอง ปลากะเตา และสัมผัสวิถีชีวิตอันงดงามนี้ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจถึงความ "แซ่บอีหลี" ของ ปลากะเตา อย่างแท้จริง
"ปลากะเตา" เป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารของพี่น้องชาติพันธุ์ไทกะเลิง ที่มีการทำสืบทอดกันมา ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ มีขั้นตอนและวิธีการ คือ นำปลาเล็กปลาน้อยที่หาได้ในธรรมชาติ ในช่วงต้นฝนที่มีน้ำหลาก ได้แก่ ปลาซิว ปลาขาว ปลาแก้ว และกุ้งฝอย มาถนอมอาหาร โดยการนำปลาไปล้างทำความสะอาด เอาขี้เอาไส้บางส่วนออก นำไปตากแห้ง แล้วนำมาโขลกกับเกลือ บรรจุใส่ในกระบอกไม้ไผ่ หรือปั้นเป็นแผ่น เก็บไว้ข้างเตาไฟ หรือนำแช่ตู้เย็น เก็บไว้รับประทานได้ตลอดทั้งปี เมนูพื้นบ้านดั้งเดิมจากปลากะเตา ได้แก่ ป่นปลากะเตา
ติดตามชมได้ในรายการ ภัตตาคารบ้านทุ่ง ตอน ปลากะเตา วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
00:00
00:00