จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็นข้อมูลที่เกิดความเข้าใจผิด จากกรณีที่มีการแชร์โพสต์อ้างถึงปรากฏการณ์ “Red Rain” หลังการสลายตัวของพายุวิภา ซึ่งระบุว่าจะมีฝนถล่มภาคเหนือยาวนานถึง 40 ชั่วโมง จนเกิดน้ำท่วมหนักนั้น กรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันว่า ไม่มีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Red Rain ในทางวิชาการ และหลังจากพายุวิภาสลายตัวแล้ว ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดฝนในประเทศไทยจะมาจากร่องมรสุมและฝนตามฤดูกาล จึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการอย่างใกล้ชิด
Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาจาก : Facebook
ตรวจสอบพบโพสต์ อ้างปรากฏการณ์ Red Rain ว่าเป็นปรากฏการณ์ผิดธรรมชาติ มีความรุนแรงมากกว่าพายุถึง 3 เท่า ก่อให้เกิดมวลน้ำมหาศาลและฝนตกต่อเนื่องจนทำให้เกิดน้ำท่วมหนัก โดยโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ต่อไปมากกว่า 2,000 ครั้ง และมีผู้เข้ามาแสดงความรู้สึกกว่า 4,000 ครั้ง
ในส่วนหนึ่งของโพสต์ระบุว่า
Red Rain รุนแรงกว่าพายุฝนทั่วไปถึงสามเท่า แถมเกิดเม็ดฝนขนาดใหญ่และสร้างมวลน้ำฝนได้มหาศาล แค่การเกิดฝนตกหนักของ Red Rain เพียง 1-2 ชั่วโมง ก็สามารถทำให้น้ำท่วมอำเภอเมืองได้ทั้งจังหวัด
และฝนตกรุนแรงที่ อ.พญาเม็งราย จ.เชียงรายจะโดน Red Rain เข้าถล่มแบบแช่นานถึง 18 ชั่วโมง อุทกภัยจากฝนตกหนักและการเข้าถล่มของ Red Rain แบบรุนแรงที่สุดก็คือ อำเภอเมืองเชียงราย ที่จะต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่มนานถึงกว่า 40 ชั่วโมงแบบข้ามวันข้ามคืน อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนักถึงหนักที่สุดในตัวเมือง และต้องใช้เวลานานกว่าจะระบายน้ำออกให้หมดได้
สรุป จังหวัดและอำเภอต่าง ๆ ที่จะถูกปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่ม ผมขอเตือนเพื่อน ๆ ที่ติดตาม facebook ของผม ที่ท่านอาศัยอยู่ในพื้นที่ ดังกล่าว ให้เตรียมตัวรับมือให้อยู่ในขั้นสูงสุดนะครับ ต้องช่วยเหลือตนเองและเพื่อน ๆให้มากที่สุด อย่าไปคาดหวังกับรัฐบาลกันมาก เพราะตอนนี้ทักษิณกับลูกสาว กำลังมัวแต่เดินสาย ทำลายและแก้แค้นพรรคภูมิใจไทยอย่างเดียว ไม่ได้มีความสนใจความเป็นอยู่ของประชาชนอีกแล้ว
กรมอุตุฯ ยืนยัน Red Rain ไม่มีอยู่จริง
สมควร ต้นจาน รองโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา และผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ ยืนยันว่าข้อมูลที่ระบุว่าเกิดปรากฏการณ์ “Red Rain” และฝนถล่มติดต่อกันนานกว่า 40 ชั่วโมง ไม่เป็นความจริง ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงกระแสข่าวที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีพื้นฐานทางวิชาการ เพราะในทางอุตุนิยมวิทยา ไม่มีคำศัพท์หรือปรากฏการณ์ใดที่เรียกว่า “Red Rain” (ลิงก์บันทึก)

สมควร ต้นจาน รองโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา และผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ
สมควร ต้นจาน รองโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา และผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ ยืนยันว่าข้อมูลที่ระบุว่าเกิดปรากฏการณ์ “Red Rain” และฝนถล่มติดต่อกันนานกว่า 40 ชั่วโมง ไม่เป็นความจริง ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงกระแสข่าวที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีพื้นฐานทางวิชาการ เพราะในทางอุตุนิยมวิทยา ไม่มีคำศัพท์หรือปรากฏการณ์ใดที่เรียกว่า “Red Rain” (ลิงก์บันทึก)
รองโฆษกกรมอุตุฯ กล่าวว่าสำหรับสถานการณ์ฝนในประเทศไทย ผลกระทบในระดับรุนแรงจากพายุวิภา จะเกิดขึ้นเพียงช่วงวันที่ 28–29 กรกฎาคมนี้ หลังจากนั้นอาจมีฝนตกหนักบางแห่ง แต่ไม่ต่อเนื่อง และจะกลับเข้าสู่สภาวะฝนตามฤดูกาลในช่วงปลายเดือน
นอกจากนี้ แม้อาจมีอิทธิพลเล็กน้อยจากพายุฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ แต่พายุไม่ได้เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง ดังนั้น ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดฝนยังคงเป็นร่องมรสุมตามฤดูกาล จึงไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องหรือยาวนานเกินจริงตามที่มีการกล่าวอ้าง
ทางด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไตรเทพ วิชย์โกวิทเทน ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า แม้พายุวิภาจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศไทยในขณะนี้ แต่เมื่อพายุเคลื่อนผ่านไปแล้ว โอกาสที่จะเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องจะลดลงอย่างมาก เนื่องจากพายุเกิดจากการปะทะกันของอากาศร้อนและเย็น รวมถึงแรงลมที่มาจากทะเลหรือมหาสมุทร ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เอื้อต่อการเกิดลมมรสุมและฝนฟ้าคะนอง แต่เมื่อพายุผ่านไป สภาพอากาศจะเริ่มนิ่ง อุณหภูมิไม่แปรปรวนเหมือนเดิม ทำให้ฝนลดน้อยลงตามธรรมชาติ (ลิงก์บันทึก)
“ส่วนตัวไม่เคยได้ยินคำว่า Red Rain ปกติจะคุ้นชื่อของ Rain Bomp (ระเบิดฝน) ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก
“แต่สำหรับปรากฏการณ์ที่อ้างว่าเป็น Red Rain หลังจากเกิดพายุวิภาแล้วมีฝนตกถล่มนั้น หากพายุวิภาผ่านไปแล้ว จะไม่สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะฝนตกหนักต่อเนื่องอีกต่อไปได้ ทั้งนี้เนื่องจากต้องทำความเข้าใจว่า การเกิดขึ้นของพายุนั้น เมื่อพายุก่อตัว ก็จะต้องมีทิศทางการเคลื่อนที่ ซึ่งโดยปกติแล้วสภาพภูมิอากาศบนพื้นแผ่นดิน มีทั้งความกดอากาศต่ำและความกดอากาศสูง โดยความแตกต่างของสภาพอากาศทั้งสอง หากมีความต่างกันมาก ก็จะทำให้เกิดการเลื่อนไหลของมวลอากาศ ซึ่งมีอุณหภูมิเป็นตัวแปรสำคัญอีกหนึ่งอย่างด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้นหากความแตกต่างทั้งสอง 2 ชนิดนี้ ไปพาดผ่านบนทะเลหรือมหาสมุทร ก็จะทำให้เกิดลมมรสุมเกิดขึ้น ซึ่งสำหรับประเทศไทยมักได้อิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่น ซึ่งถือเป็นพายุที่รุนแรงที่สุด”
“อย่างไรก็ตามเมื่อไปพายุพัดผ่านไปแล้ว โดยปกติทั่วไปการเลื่อนไหลของอุณหภูมิก็จะลดลง ทำให้โอกาสการเกิดฝนตกหนักเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย”
แล้วคำว่า “Red Rain” มาจากไหน?
เมื่อย้อนไปดูโพสต์ ของบัญชีดังกล่าวย้อนหลัง จะพบว่า ได้อธิบายเกี่ยวกับคำว่า ปรากฏการณ์ Red Rain ไว้ว่าเป็นเพียงคำศัพท์ที่ผู้ใช้บัญชีดังกล่าวสร้างขึ้นมาเอง อ้างว่า เป็นปรากฏการณ์ฝนตกหนักผิดธรรมชาติ ที่เครื่องมือไม่สามารถจับพิกัดการเคลื่อนที่ของการเกิดฝนได้ และฝนมีขนาดเม็ดใหญ่สามารถก่อให้เกิดความเสียหาย รวมถึงรัฐบาลไม่มีงบเพียงพอในการรับมือสถานการณ์นี้ และเนื้อหาในโพสต์เป็นเพียงการวิเคราะห์และความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น
โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งในโพสต์ ระบุว่า
ปรากฏการณ์ Red Rain (ฝนแดง) เป็นศัพท์ที่ผมตั้งขึ้นมาเอง หมายถึงการเกิดปรากฏการณ์ ฝนตกหนักผิดธรรมชาติ อย่างรุนแรงและมีปริมาณฝนมาก และมีเม็ดฝนขนาดใหญ่ผิดปกติ เทียบเท่ากับฝนพายุหรือมากกว่า แม้ว่าจะไม่ใช่พายุฝนเลยก็ตาม
Red Rain ต่างจาก Rain Bomb ที่นักวิชาการชอบเรียกว่า ปรากฏการณ์การเกิดการระเบิดของฝน ที่ทำให้ฝนตกหนักในช่วงสั้น ๆ
แต่ Red Rain โหดกว่านั้นเยอะ เพราะเกิดจากฝีมือมนุษย์ ที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจสร้างมันขึ้นมา เช่นเกิดจากเครื่องมือเทคโนโลยีที่มนุษย์ตั้งใจผลิตขึ้น หรือ เกิดจากความผิดพลาด ของอุปกรณ์เกิดการรั่วซึมของก๊าซ ที่มนุษย์ผลิตขึ้น ทำให้เกิดฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไป และไม่สามารถแก้ไขได้
โดยผู้ใช้บัญชีดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลายประเทศ เช่น จีน, สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ประสบกับฝนตกหนักและน้ำท่วมอย่างผิดปกติ โดยเชื่อมโยงปรากฏการณ์เหล่านี้กับโครงการทดลอง “ดวงอาทิตย์เทียม” ซึ่งเชื่อว่าไม่สามารถควบคุมให้เสถียรได้ และอาจส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศในหลายภูมิภาค
ประเทศไทยเคยเกิดปรากฏการณ์นี้แล้วในเชียงใหม่และแม่สาย ทำให้เกิดน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมเตือนว่ามีแนวโน้มจะเกิด Red Rain ซ้ำในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เช่น น่าน, เชียงราย, พะเยา, ตาก และบางส่วนของเชียงใหม่ โดยผู้เผยแพร่เชื่อว่า ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เป็นผลจากฝีมือมนุษย์ และแสดงความกังวลถึงความไม่พร้อมของภาครัฐในการรับมือ พร้อมแนะนำประชาชนในพื้นที่เตรียมความพร้อมป้องกันอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำป่า
พร้อมกล่าวว่า ความน่ากลัวของ Red Rain ทำให้ฝนตกหนักแค่หนึ่งชั่วโมง ก็ทำให้น้ำท่วมหนักได้ทั้งจังหวัด ด้วยขนาดของเม็ดฝนที่ใหญ่ผิดปกติทำให้เกิดปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติถึงสามเท่า และยากที่จะรับมือทัน
ทั้งนี้ข้อมูลที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียงความคิดเห็นที่ไม่มีข้อมูลทางวิชาการรองรับของผู้ใช้บัญชี Facebook รายหนึ่งเท่านั้น ในส่วนของสถานการณ์พายุหรือสภาพอากาศควรติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการ เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อย่างใกล้ชิด