EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: เพจที่ใช้ชื่อ “สถานทูตกัมพูชา” ลงภาพอ้างไทยใช้อาวุธเคมี แท้จริงเป็นภาพเหตุการณ์ดับไฟป่าที่สหรัฐฯ

28 ก.ค. 6819:44 น.
การเมือง#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: เพจที่ใช้ชื่อ “สถานทูตกัมพูชา” ลงภาพอ้างไทยใช้อาวุธเคมี แท้จริงเป็นภาพเหตุการณ์ดับไฟป่าที่สหรัฐฯ

เพจที่ใช้ชื่อ “สถานทูตกัมพูชาในบัลแกเรีย” โพสต์ภาพเครื่องบินโปรยสารสีชมพู กล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือน ตรวจสอบพบว่าเป็นภาพถูกบิดเบือนจากเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง ด้านกระทรวงต่างประเทศยืนยันไทยปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี

จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็นข่าวปลอม ลักษณะบิดเบือน สร้างความเข้าใจผิด โดยข้อมูลเท็จ คือ เพจที่ใช้ชื่อสถานเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ณ สาธารณรัฐบัลแกเรียใช้ภาพเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง พร้อมข้อมูลระบุว่าไทยใช้อาวุธเคมีสังหารชาวกัมพูชา ข้อมูลที่แท้จริงภาพดังกล่าวเป็นภาพการดับไฟป่าที่ลุกไหม้ครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ ไม่เกี่ยวกับจากเหตุปะทะตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา แต่อย่างใด

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก: Facebook

28 ก.ค. 68 จากคำแถลงการณ์ส่วนหนึ่งของ พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ระบุว่า กองทัพไทยได้รุกล้ำดินแดนกัมพูชาและใช้อาวุธเคมีในการปฏิบัติการทางทหาร และขณะเดียวกันเพจ Facebook ที่ใช้ชื่อว่า สถานเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ณ สาธารณรัฐบัลแกเรีย โพสต์อ้างพร้อมภาพเครื่องบินโปรยสารไม่ทราบชนิดสีชมพู ระบุว่า ไทยใช้แก๊สพิษสังหารพลเรือนกัมพูชานั้น จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า สารเคมีถูกใช้ในการปฏิบัติการตามข้อกล่าวหาของกัมพูชา หรือการปฏิเสธของไทย สามารถยืนยันได้ทางวิทยาศาสตร์ มีเพียงแถลงโดยกระทรวงต่างประเทศของไทย ระบุว่า ไม่มีการใช้อาวุธเคมีแต่อย่างใด พร้อมปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention: CWC)

นอกจากนี้ แพทย์หญิง ปึจ จันท์โมนี (Pich Chanmony) ภรรยาของสมเด็จ ฮุน มาเนต (Hun Manet) นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังได้แชร์โพสต์เนื้อหาลักษณะดังกล่าว เช่นกัน (ลิงก์บันทึก)

เหตุการณ์จริงคือภาพดับไฟป่าที่สหรัฐฯ

สำนักข่าวรอยเตอร์สได้รายงานเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพเครื่องบินปล่อย “สารหน่วงไฟสีชมพู” (Pink Fire Retardant) เพื่อช่วยดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้จนสร้างความเสียหายที่สหรัฐ (ลิงก์บันทึก)

จากการตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือตรวจสอบภาพ Google Lens พบว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพการดับไฟป่าที่ลุกไหม้ครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ จากสำนักข่าว Reuters (ลิงก์บันทึก)

บันทึกการตรวจสอบโดยใช้ Google Lens พบว่าตรงกับข่าวดับไฟป่า อ้างอิงจากเว็บไซต์สำนักข่าวรอยเตอร์ส

ภาพบันทึกเปรียบเทียบระหว่างโพสต์ของสถานเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ณ สาธารณรัฐบัลแกเรีย กับ ภาพข่าวจากเว็บไซต์รอยเตอร์ส

ไทยแถลงยืนยันไม่ได้ใช้อาวุธเคมี ตามหลัก  CWC

กระทรวงการต่างประเทศไทย ปฏิเสธรายงานข่าว ซึ่งกล่าวหาว่ากองกำลังของไทยใช้อาวุธเคมี โดยระบุว่า

แถลง ตามที่ปรากฏรายงานข่าวกล่าวหาว่า กองกำลังของไทยใช้อาวุธเคมีนั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงว่า ไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ (ลิงก์บันทึก)

ประเทศไทยยืนยันการยึดมั่นต่อพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention: CWC) และยืนหยัดในท่าทีในการประณามการใช้อาวุธเคมี ไม่ว่าจะเป็นที่ใด โดยผู้ใด หรือภายใต้สถานการณ์ใดก็ตาม นอกจากนี้ ประเทศไทยยังยึดมั่นต่อตราสารระหว่างประเทศด้านการลดอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงทั้งปวง

นับตั้งแต่ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีเมื่อปี 2546 ไทยได้แสดงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ด้วยการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับองค์การห้ามอาวุธเคมี (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons: OPCW) รวมทั้งกับรัฐภาคีอนุสัญญาอื่น ๆ

กระทรวงการต่างประเทศ ขอประณามการออกข่าวบิดเบือนที่ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ในขณะที่สองฝ่ายกำลังจะมาพบกัน ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวขาดมูลความจริง และสะท้อนการบิดเบือนข้อมูลอย่างเป็นระบบ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงในพื้นที่ และมีเจตนาที่จะบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือและสถานะของประเทศไทย ในประชาคมระหว่างประเทศ

ด้านกองทัพไทยได้แถลงระบุเป็นภาษาไทยและอังกฤษ ถึงกรณีโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้กล่าวหาว่ากองทัพไทย ใช้อาวุธเคมีในการปฏิบัติการทางทหารบริเวณชายแดน ถือเป็น ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงอย่างสิ้นเชิง และเป็นการบิดเบือนข้อมูลในลักษณะที่ร้ายแรงและไร้จริยธรรม (ลิงก์บันทึก)

ระบุว่า

ภาพประกอบแถลงกองทัพไทย

ประเทศไทยไม่เคยมีนโยบายในการพัฒนา ผลิต ครอบครอง หรือใช้อาวุธเคมีในทุกกรณี โดยยึดมั่นในพันธกรณีตาม อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention – CWC) อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งดำเนินการทางทหารภายใต้กรอบกฎหมายมนุษยธรรมสากล โดยยึดหลัก คุ้มครองพลเรือนผู้บริสุทธิ์ เป็นสำคัญ

ยิ่งไปกว่านั้น ภาพที่กัมพูชานำมาใช้ประกอบข้อกล่าวหา กลับถูกตรวจสอบพบว่า เป็นภาพจากเหตุการณ์ปล่อยควันเพื่อดับไฟป่าของต่างประเทศ ที่ถูกนำมาตัดต่อและเผยแพร่ในเชิงบิดเบือน ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมจงใจผลิต “ข่าวปลอม” (Fake News) และ “ข้อมูลข่าวสารปลอม” (Disinformation) ที่ละเมิดหลักจริยธรรมสากลและเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาค

กองทัพไทยขอเรียกร้องต่อ ประชาคมโลก และ องค์กรระหว่างประเทศ ให้ ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง และร่วมกันประณามการใช้ข้อมูลปลอมเพื่อสร้างความชอบธรรมของกัมพูชา ซึ่งไม่เพียงแต่บั่นทอนความน่าเชื่อถือของตนเอง แต่ยังเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสันติภาพ และความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียน

ขอเชิญประชาชนทั่วโลก ช่วยกัน “รีพอร์ต (Report)” ข่าวปลอมดังกล่าว บนสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทาง เพื่อไม่ให้การบิดเบือนเช่นนี้ลุกลามไปสู่การปลุกปั่นในระดับสากล

————————

Royal Thai Armed Forces Condemn Cambodia’s Disinformation Campaign Over False Chemical Weapons Allegation

The Royal Thai Armed Forces strongly condemn the recent false accusation made by the Spokesperson of Cambodia’s Ministry of National Defense, claiming that Thailand deployed chemical weapons during military operations along the border. This baseless allegation constitutes a severe and unethical distortion of facts.

Thailand has never developed, produced, possessed, or used chemical weapons under any circumstances. We strictly adhere to the obligations under the Chemical Weapons Convention (CWC) and conducts all military operations in full compliance with international humanitarian law, with the protection of innocent civilians as a fundamental principle.

Furthermore, the image used by Cambodia to support its claim has been verified as a photo originally taken from a foreign wildfire smoke deployment—intentionally manipulated and disseminated in a misleading context. This constitutes a clear case of fake news and disinformation, violating global ethical standards and posing a threat to regional security.

The Royal Thai Armed Forces urge the international community and relevant international organizations to jointly verify the facts and condemn the use of disinformation by Cambodia as a means of legitimizing its actions. Such behavior not only damages Cambodia’s own credibility but also hinders peace efforts and regional stability within ASEAN.

We call on people around the world to report the dissemination of this fake news across all social media platforms, to prevent such deliberate distortion from escalating into broader international provocation.

 

กระบวนการตรวจสอบ

ตรวจสอบภาพด้วยเครื่องมือค้นหารูปภาพ Google Lens: เพจ Facebook ที่ใช้ชื่อ สถานเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ณ สาธารณรัฐบัลแกเรีย อ้างว่าไทยใช้เครื่องบินปล่อยอาวุธเคมีสังหารชาวกัมพูชา จากการตรวจสอบภาพดังกล่าว พบว่าเป็นภาพเหตุการณ์ปฏิบัติการดับไฟป่าในสหรัฐฯ จากเว็บไซต์สำนักข่าวรอยเตอร์ส

 

ผลกระทบจากการรับข้อมูลนี้

1. ผลกระทบต่อประชาชน ในการสร้างความเข้าใจผิด: ผู้คนที่เห็นข่าวโดยไม่ตรวจสอบ อาจเชื่อว่าไทยใช้อาวุธเคมีจริง ก่อให้เกิดความเกลียดชังและความรุนแรงของเหตุการณ์และสร้างความตื่นตระหนก เนื่องจากภาพและข้อความปลุกเร้าอารมณ์ เช่น “โปรยสารพิษสีชมพู” อาจทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

2. ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: ก่อให้เกิดความตึงเครียดทางการทูต เนื่องจากข้อมูลเท็จมาจากหน่วยงานทางการ เช่น สถานทูตหรือโฆษกรัฐ อาจทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างรัฐบาล ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  • ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนเชื่อและแชร์: ก่อนที่จะเชื่อหรือแชร์ข้อมูลใด ๆ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาและความน่าเชื่อถือของข่าวนั้น ๆ เสมอ 
  • สังเกตความผิดปกติของภาพและเนื้อหา: ข่าวปลอมมักเกิดใช้ภาพที่ไม่เกี่ยวข้องหรือขาดการตรวจสอบที่มาของภาพก่อนเผยแพร่ 
  • ติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ: ควรติดตามข่าวสารจากสำนักข่าวที่ได้รับการยอมรับและมีมาตรฐานในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง