EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: กัมพูชาอ้างไทย ใช้เครื่องบินรบปล่อยควันพิษ พบแท้จริงเป็นภาพที่สร้างจาก AI

29 ก.ค. 6815:59 น.
การเมือง#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: กัมพูชาอ้างไทย ใช้เครื่องบินรบปล่อยควันพิษ พบแท้จริงเป็นภาพที่สร้างจาก AI

พบบัญชีเฟซบุ๊ก โพสต์อ้างเครื่องบินรบไทยปล่อยควันพิษใส่กัมพูชา ตรวจสอบพบเป็นเพียงภาพที่ถูกสร้างจาก AI เท่านั้น

Thai PBS Verify พบว่าเป็นข่าวปลอม ที่เป็นการบิดเบือน โดยมีข้อเท็จจริง คือ เหตุการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งไทยมีการส่งเครื่องบิน F-16 ขึ้นบินเพื่อหยุดการปะทะของกัมพูชา แต่ข้อมูลเท็จ คือ การตั้งใจสร้างข้อมูลเท็จ ทั้งในส่วนของข้อความและรูปภาพ

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก : Facebook

กัมพูชาอ้างไทยใช้เครื่องบินรบปล่อยควันพิษ พบแท้จริงเป็นภาพที่สร้างจาก AI

ภาพบัญชี Meas Soksensan แชร์ภาพเครื่องบินรบบินปล่อยควัน พร้อมระบุเครื่องบินรบไทยปล่อยควันพิษใส่กัมพูชา

วันนี้ (29 ก.ค. 68) Thai PBS Verify พบบัญชี Facebook ชื่อ Meas Soksensan แชร์ภาพเครื่องบินรบบินผ่านป่า โดยเครื่องบินนั้นมีการปล่อยควันออกมา ซึ่งมีการแสดงความรู้สึก 3,100 ครั้ง แสดงความคิดเห็น 17 ข้อความ และมีการแชร์ไปกว่าหมื่นครั้ง โดยโพสต์ดังกล่าวมีข้อความและคำอธิบายภาพระบุว่า “It’s a CRIME! Shame on you! From now on you are part of the dark history! Your action will be judged!”  Thai aircraft released toxic smoke in the disputed area on July 27 according to the Cambodia’s Ministry of Nation Defense.” 

นำมาแปลความหมายได้ว่า “การกระทำนี้เป็นอาชญากรรม มันจะถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อันดำมืด และจะต้องมีการพิจารณาโทษ” “เครื่องบินของไทยปล่อยควันพิษในพื้นที่พิพาทเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา”

ตรวจสอบผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ

จากการตรวจสอบภาพด้วยเครื่องมือ wasitai ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจสอบภาพ AI พบว่า ภาพดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจาก AI

ตรวจสอบแล้ว: กัมพูชาอ้างไทย ใช้เครื่องบินรบปล่อยควันพิษ พบแท้จริงเป็นภาพที่สร้างจาก AI

ภาพจากเครื่องมือตรวจสอบภาพ AI แสดงผลการตรวจสอบพบว่าภาพดังกล่าวถูกสร้างจาก AI

กองทัพอากาศไทยยันไม่มีเครื่องบินรุ่นนี้ 

นอกจากนี้เราสอบถามไปยังแหล่งข่าวกองทัพอากาศไทย ระบุว่า ภาพเครื่องบินในโพสต์ดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ใช่เครื่องบินของกองทัพอากาศไทย และเครื่องบินรบของไทยก็ไม่สามารถปล่อยควันพิษจากตัวเครื่องได้ รวมถึงยังไม่เคยทำการบินโดยใช้อาวุธเคมีแต่อย่างใด

ทั้งนี้ปัจจุบ้นกองทัพอากาศไทย มีการส่งเครื่องบินรบ 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องบิน F- 16 และเครื่องบินกรินเพน (Gripen) เข้าปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ของกัมพูชาเพียง 2 ประเภทเพียงเท่านั้น

ภาพเครื่องบินกรินเพน กองทักอากาศไทย

ภาพเครื่องบินกรินเพน กองทัพอากาศไทย

เครื่องบินF-16 กองทัพอากาศไทย

ภาพเครื่องบินF-16 กองทัพอากาศไทย

กระบวนการตรวจสอบ

  1. ตรวจสอบผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ: ใช้เครื่องมือตรวจสอบภาพจากเว็บไซต์ wasitai พบว่าภาพเครื่องบินจากโพสต์ดังกล่าวเป็นภาพจาก AI ไม่ใช่เครื่องบินของกองทัพอากาศไทย
  2. ตรวจสอบจากแหล่งข่าวกองทัพอากาศไทย: จากโพสต์ดังกล่าวยืนยันประเทศไทยไม่มีเครื่องบินรุ่นนี้ และควันที่ออกมาจากเครื่องบินไม่ใช่ควันพิษ รวมถึงทางกองทัพไทยไม่เคยส่งเครื่องบินรุ่นนี้ทำการบินไปกัมพูชาแต่อย่างใด 

ผลกระทบของข้อมูลนี้ 

  1. สร้างความเข้าใจผิดและตื่นตระหนก: ผู้ที่เห็นโพสต์อาจเชื่อว่าประเทศไทยมีการปล่อยควันพิษจากเครื่องบิน ทำให้เกิดความสับสน ความกังวล หรือความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน 
  2. ทำลายภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ: การกล่าวหาในลักษณะนี้อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยและกองทัพอากาศไทยในสายตาของสาธารณะ ทั้งในและต่างประเทศ 
  3. สร้างความขัดแย้งและความเกลียดชัง: หากข้อมูลเท็จแพร่กระจายและถูกเชื่อในวงกว้าง อาจนำไปสู่ความไม่พอใจ การประณาม หรือแม้กระทั่งความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนหรือประเทศ 

ตรวจสอบแล้ว: กัมพูชาอ้างไทยใช้เครื่องบินรบปล่อยควันพิษ พบแท้จริงเป็นภาพที่สร้างจาก AI

ภาพคอมเมนต์ที่เชื่อว่าโพสต์ดังกล่าวคือเรื่องจริง

ภาพบัญชี Meas Soksensan แชร์ภาพเครื่องบินรบบินปล่อยควัน พร้อมระบุเครื่องบินรบไทยปล่อยควันพิษใส่กัมพูชา

ภาพคอมเมนต์ที่เชื่อว่าโพสต์ดังกล่าวคือเรื่องจริง

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  1. ตรวจสอบแหล่งที่มา: ก่อนจะเชื่อหรือแชร์ข้อมูลใด ๆ ให้ตรวจสอบเสมอว่ามาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือหรือไม่ ในกรณีนี้ระบุว่ามาจากบัญชี Facebook ชื่อ Meas Soksensan ซึ่งไม่ใช่แหล่งข่าวทางการ หน่วยงานรัฐที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ควรนำข้อมูลที่ได้ไปเช็กกับข่าวจากสำนักข่าวมากกว่า 1 แหล่ง เพื่อเช็กว่าข้อมูลนี้เป็นจริงหรือไม่ 
  2. สังเกตความผิดปกติของภาพ/เนื้อหา: ภาพที่สร้างจาก AI มักจะมีจุดที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ เช่น รายละเอียดที่แปลกไป ควันหรือแสงที่ไม่สมจริง รวมถึงข้อความที่ใช้อารมณ์รุนแรง หรือกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานชัดเจนก็เป็นสัญญาณเตือน 
  3. ไม่แชร์ต่อหากไม่แน่ใจ: หากไม่มั่นใจในข้อมูล ควรหยุดและไม่แชร์ต่อทันที การกดแชร์ข้อมูลเท็จเท่ากับคุณเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจเป็นอันตราย