Loading...

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: คลิป TikTok อ้างกิน “บอแรกซ์-คลอรีน-ยาฆ่าพยาธิ” รักษาสารพัดโรค นักวิชาการยันเสี่ยงถึงชีวิต

15 ต.ค. 6818:15 น.
หมวดหมู่#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: คลิป TikTok อ้างกิน “บอแรกซ์-คลอรีน-ยาฆ่าพยาธิ” รักษาสารพัดโรค นักวิชาการยันเสี่ยงถึงชีวิต

Thai PBS Verify พบคลิปอ้างกิน "บอแรกซ์-คลอรีน-ยาฆ่าพยาธิ" รักษาสารพัดโรค ตั้งแต่ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดเข่า ไปจนถึงเพิ่มออกซิเจนในเลือด ตรวจสอบกับ อย.-นักวิชาการ ยืนยันอย่าทำตามเตือนอันตราย-เสี่ยงเสียชีวิต

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาจาก : TikTok

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงคลิปอ้างกิน “บอแรกซ์-คลอรีน-ยาฆ่าพยาธิ” รักษาสารพัดโรค

วิดีโอ TikTok ของผู้ใช้รายหนึ่ง เผยแพร่เนื้อหาโดยอ้างว่า สารเคมีชนิดต่าง ๆ ได้แก่ บอแรกซ์ (Borax), ซีดีเอส (CDS หรือ Chlorine Dioxide Solution) และ ไอเวอร์เมคติน (Ivermectin) หรือ ยาฆ่าพยาธิ สารเคมี 3 รายชื่อที่กล่าวมาเหล่านี้เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ทั้งนี้คลิปดังกล่าวระบุว่า บอแรกซ์ สามารถรักษาอาการปวดหลัง ปวดข้อ ปวดเข่า พร้อมสาธิตวิธีใช้ที่มีการนำบอแรกซ์มาชงกับโกโก้ โดยให้กิน 5 วันต่อสัปดาห์ หรืออ้างว่าใช้บอแรกซ์ โรยบนแผลสดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงสรรพคุณของสารเคมีต่าง ๆ เช่น ซีดีเอส หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อที่ใช้สำหรับอาหาร สามารถนำมาผสมน้ำดื่ม โดยอ้างว่าใช้ในการล้างพิษเร่งด่วน หรือเพิ่มออกซิเจนในเลือด ซึ่งชายในคลิปดังกล่าวระบุว่า เขาใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาเป็นระยะเวลานานหลายปี และปัจจุบันได้เลิกใช้ยาแผนปัจจุบันโดยสิ้นเชิง พร้อมกับอ้างว่า ปัญหาอาการป่วยต่าง ๆ เป็นผลมาจากการทานยารักษาโรคที่แพทย์แผนปัจจุบันแนะนำ เพื่อสร้างโอกาสสำหรับการขายยาให้กับประชาชน โดยคลิปดังกล่าวมีผู้เข้าชมไปกว่า 32,000 ครั้ง ซึ่งผู้เข้าชมส่วนใหญ่เชื่อว่า การทำตามสามารถทำให้รักษาโรคตามที่กล่าวมาได้

สารเคมีอันตรายทั้งหมด

Thai PBS Verify ตรวจสอบโดยใช้คำสำคัญ พบข้อมูลจาก กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ระบุว่า บอแรกซ์ (Borax) เป็นสารเคมีที่ถูกห้ามใช้ในอาหารโดยเด็ดขาดตามกฎหมายไทย เนื่องจากมีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและการทำงานของอวัยวะภายใน โดยเฉพาะตับและไต โดยอาการป่วยจากการรับประทานบอแรกซ์มีทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้หากได้รับในปริมาณมาก พร้อมทั้งปฏิเสธความเชื่อที่ว่า บอแรกซ์สามารถใช้รักษาโรคได้ โดยระบุโทษทางกฎหมายสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนนำมาใช้ในอาหารไม่ว่าจะผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท และจัดเป็นการผลิตหรือจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค เตือน บอแรกซ์ เป็นสารพิษร้ายแรง ห้ามใส่ในอาหารทุกชนิด

ขณะที่สารซีดีเอส (CDS หรือ Chlorine Dioxide Solution) นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เคยประกาศเตือนเกี่ยวกับอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์ คลอรีน ไดออกไซด์ โซลูชัน (CDS) โดยเฉพาะการกล่าวอ้างอย่างผิด ๆ ว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ โดยเน้นย้ำว่า การรับประทานสารดังกล่าวอาจนำไปสู่อาการเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหารและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ และ อย. ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ CDS ไม่เคยได้รับอนุญาตเป็นยา แต่ได้รับอนุญาตสำหรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อเท่านั้น พร้อมเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อคำกล่าวอ้างเกินจริงต่าง ๆ อีกด้วย

อย. เตือนสาร CDS มีความเสี่ยงอันตรายถึงเสียชีวิต

สำหรับ ไอเวอร์เมคติน (Ivermectin) หรือ ยาฆ่าพยาธิ พบข้อมูลจาก กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ออกมา
เตือนประชาชนว่า “ห้ามซื้อยานี้มารับประทานเอง” เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ โดยยาไอเวอร์เมคติน เป็นยาที่ใช้เฉพาะสำหรับสัตว์เพื่อฆ่าพยาธิในกระเพาะและลำไส้ พยาธิในปอด โรคพยาธิหัวใจระยะต่อมาจึงมีการนำมาใช้ในคน ซึ่งผู้ที่รับประทานยาไอเวอร์เมคตินอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มึนศีรษะ ผื่นคัน อ่อนเพลีย ปวดข้อ ปวด กล้ามเนื้อ หมดแรง ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ตาอักเสบ ตัวบวม ท้องเสีย การมองเห็นเปลี่ยนแปลง เจ็บตา ระคายเคืองตาและอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงได้ เช่น หน้ามืด เป็นลม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก มีผื่นแดง ตุ่มพอง ผิวหนังหลุดลอก มีจ้ำตามผิวหนัง หรือเลือดออกผิดปกติ ชัก เป็นต้น

นักวิชาการเตือนอันตรายถึงชีวิต

รศ. ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี ระบุว่า ที่เห็นรับประทานบอแรกซ์อยู่นั้น ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะว่าปกติแล้ว บอแรกซ์จะใช้ในเรื่องอื่น ๆ ไม่ใช่เอามาใส่เครื่องดื่ม เช่น โกโก้ แล้วนำมารับประทานในลักษณะนี้ โดยปกติแล้วบอแรกซ์จะใช้ในอุตสาหกรรมการชะล้าง เคมีภัณฑ์ต่าง ๆ หรือใช้ในการทำกาว แต่หากนำมารับประทานต้องบอกว่า ชายคนนี้เตรียมตัวฟอกไตในอนาคตได้เลย เพราะบอแรกซ์เพียงแค่ 1/4 ช้อนชา ทานทั้งเดียวหรือประมาณ 1.5 กรัม ถือว่าเป็นปริมาณที่เยอะมาก แต่กลับมีการตัดรสชาติเฝื่อนของบอแรกซ์โดยใส่เข้าไปในโกโก้ เพราะว่ามีความหวาน จะทำให้บอแรกซ์เข้าไปสะสมที่ตับและไต ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะไตเรื้อรัง ไตวายเรื้อรัง นอกจากนี้ยังมีผลต่อระบบสืบพันธุ์โดยเฉพาะผู้ชาย เนื่องจากจำนวนอสุจิจะลดน้อยลง ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นหมันได้ง่าย ๆ อีกด้วย

รศ. ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี

ส่วนกรณีของพิษจากการรับประทานบอแรกซ์นั้น หากทานเข้าไปมาก ๆ จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสียอย่างรุนแรง หน้ามืด คอแห้ง ปากแห้ง และหัวใจเต้นผิดจังหวะ ปัสสาวะน้อยลง เนื่องจากไตถูกทำลาย กรณีร้ายแรง คือไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตได้

อย่าทำเป็นเยี่ยงอย่างโดยเด็ดขาด แล้วก็คลิปนี้ไม่ขอแนะนำ อันตรายมาก

เรื่องจริงเป็นอย่างไร?

กรณีคลิปวิดีโอดังกล่าวที่อ้างว่าสารเคมี เช่น บอแรกซ์ (Borax), CDS (Chlorine Dioxide Solution) และ ไอเวอร์เมคติน (Ivermectin) สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้ เช่น ปวดข้อ ปวดหลัง และยังอ้างว่าสามารถล้างพิษหรือรักษาโรคร้ายแรงได้นั้น เป็น ข้อมูลเท็จ ที่ ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รับรอง และ เสี่ยงอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิตผู้บริโภค ถือเป็นการเผยแพร่ ข้อมูลเท็จและอันตราย ที่อาจทำให้ผู้ชมจำนวนมากหลงเชื่อ และหันไปใช้สารเคมีหรือยาที่ไม่ปลอดภัยแทนการรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสม ซึ่งไม่เพียงแต่เสี่ยงต่อสุขภาพ แต่ยังอาจเป็นการละเมิดกฎหมาย ทั้งในส่วนของผู้เผยแพร่และผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้อีกด้วย

กระบวนการตรวจสอบ

ตรวจสอบแหล่งที่มา: แหล่งที่มาเป็นเพียงบัญชีผู้ใช้ TikTok ทั่วไป ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรืองานวิจัยรองรับ ซึ่งการกล่าวอ้างโดยใช้เพียงคำพูด อาจสร้างความเข้าใจผิด หรือทำให้ผู้ชมหลงเชื่อรับประทานสารเคมีเหล่านี้เข้าไปจนได้รับอันตรายแก่ชีวิตได้

ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับหน่วยงานทางการ

  • ตรวจสอบจาก: อย., โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ

  • ผลตรวจสอบ:

    • บอแรกซ์: สารต้องห้ามในอาหาร มีผลต่อไต ตับ ระบบสืบพันธุ์ และอาจถึงตาย

    • CDS (Chlorine Dioxide Solution): สารทำความสะอาด ไม่ใช่ยา ก่อพิษต่อร่างกาย

    • ไอเวอร์เมคติน: ยาฆ่าพยาธิ ใช้เฉพาะตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น

ผลกระทบของข้อมูลเท็จเหล่านี้

  • ผลกระทบต่อสุขภาพ:

    • ผู้ที่หลงเชื่ออาจรับประทานจนทำให้สารพิษเข้าร่างกาย และเกิดอาการ ไตวาย, เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน

  • ผลกระทบด้านสังคม:

    • ทำให้ประชาชน ไม่เชื่อแพทย์ และหยุดการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ หันไปเชื่อการให้ข้อมูลผิด ๆ

    • แชร์ข้อมูลผิด ๆ ซ้ำในวงกว้าง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นวงจรซ้ำต่อเนื่อง

  • ผลกระทบด้านกฎหมาย:

    • ผู้เผยแพร่ข้อมูลผิด อาจเข้าข่าย โฆษณาผิดกฎหมาย หรือมีเจตนาหลอกลวง

ส่วนหนึ่งของผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในคลิปดังกล่าว

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

1. อย่าแชร์ต่อทันที

  • หากยังไม่แน่ใจว่า “จริงหรือเท็จ” อย่าช่วยกระจายข่าว

  • ถ่ายภาพ/เก็บลิงก์ไว้เพื่อตรวจสอบก่อน

2. ตรวจสอบกับแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ

  • สอบถามแพทย์, ตรวจสอบผ่านองค์กรอย่าง อย., โรงพยาบาล หรือ Thai PBS Verify

3. รายงาน/แจ้งเบาะแส

  • กรณีพบข้อมูลเท็จบน TikTok, Facebook, YouTube ใช้ปุ่ม “รายงาน (Report)” ว่าเป็น misleading information

  • หากมีการขายยา/สารเคมี สามารถแจ้ง อย. ผ่านสายด่วน 1556