ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เปิด 4 ตัวตึง นักธุรกิจเขมร “ลับพันลึก” บัญชีดำสหรัฐฯ คว่ำบาตร

การเมือง
16:12
1,064
เปิด 4 ตัวตึง นักธุรกิจเขมร “ลับพันลึก” บัญชีดำสหรัฐฯ คว่ำบาตร

เฉิน จื้อ หรือ ฉิน จื้อ (CHEN ZHI) , Huione Group ของ ฮุน โต (Hun To) “ยิม เลียก” (Yim Leak), และ “เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์” หรือ เบน สมิธ (Benjamin Mauerberger), คือ 3 รายชื่อ ชาวต่างชาติในกัมพูชา และบริษัทที่ปรากฏในบัญชีที่สภาสหรัฐฯ เสนอคว่ำบาตรจากจำนวน 43 รายชื่อ หลังยื่นร่างกฎหมาย H.R 5490 ทลายกลุ่มอาชญากรหลอกลวงออนไลน์ข้ามชาติ ซึ่งมีความสัมพันธ์ระดับ “ลับพันลึก” กับเครือข่ายของ “ตระกูล ฮุน ” และทุนไทยบางกลุ่ม

การเปิดฉากความร่วมมือของ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ โดยมีเป้าหมายโจมตีเครือข่ายการลงทุน และค้ามนุษย์ เพื่อทลายฐานสแกมเมอร์ หลอกลวงออนไลน์ เครือข่ายขนาดใหญ่ในข้อหาฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติกับ เฉิน จื้อ หรือฉิน จื้อ (CHEN ZHI) ประธานกลุ่มทุน ปริ๊นซ์ กรุ๊ป ( Princes Group )

เฉิน จื้อ ถูกแจ้งข้อหาในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ความผิดฐานฟอกเงินและใช้มาตรการริบทรัพย์ทางแพ่งยึดทรัพย์รวมทั้งคริปโทเคอร์เรนซีมูลค่าทรัพย์สินโดยประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1 4.9 แสนล้านบาท ขณะที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรยึดอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมดังกล่าวมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท

ปฏิบัติการครั้งนี้ ถือเป็นการทลายอาณาจักรสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ที่ตั้งอยู่ในกัมพูชา และ Princes Group คือ ตัวการหลัก ข้อมูลจากสหรัฐฯ ระบุว่า มีชาวอเมริกันสูญเงินจากการถูกหลอกลวงออนไลน์ 16.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการถูกชักชวนให้ทำธุรกิจรูปแบบต่าง ๆ จากเครือข่ายบังหน้าของเครือ Princes Group

ในปี 2016 เฉิน จื้อ ยัง ได้ขยายการลงทุนของ Princes Group ตั้งบริษัทจินเปย์ กรุ๊ป (Jinbei Group) ร่วมกับ ซอร์ ซกคา (Sor Sokha)รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาคนปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นประธานคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์ ในเมืองสีหนุวิลล์

Jinbei Group ประกอบกิจการด้านความบันเทิง สันทนาการ โรงแรมและกาสิโนชั้นนำ จำหน่ายเคมีภัณฑ์ เสื้อผ้า อสังหาริมทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร การบริการท่องเที่ยว และอื่น ๆ มีข้อมูลระบุว่า มูลค่าการลงทุนมากกว่า 300 ล้านบาท

รวมทั้ง บริษัทโกลเดน ฟอร์จูน รีสอร์ต เวิลด์ จำกัด (Golden Fortune Resorts World Ltd.) ในลักษณะ “อุทยานเทคโนโลยีขนาดใหญ่” โกลเดน ฟอร์จูน ไซเอนส์ แอนด์ เทคโนโลยี ปาร์ค ตั้งอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญ แต่หลังฉาก คือ ศูนย์สแกมเมอร์ใหญ่ ซึ่งทั้งหมดได้ถูกสหราชอาณาจักรคว่ำบาตรไปแล้วเช่นกัน

กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมสีเทาในกัมพูชา นอกจาก “เฉิน จื้อ” และ Princes Group ซึ่งถือเป็นกระเป๋าเงินสำคัญของสองพ่อลูกตระกูลฮุน “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” แต่ยังมีกลุ่ม Huione Group ของ ฮุน โต (Hun To) หลานชายของ “ฮุน เซน” ด้วย

จากข้อมูลพบว่า “Huione Group” คือกลุ่มธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ของกัมพูชา ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับฮุน โต (Hun To) หนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญของ Huione Group โดยมีตำแหน่งเป็นกรรมการของ Huione Pay บริษัทในเครือของ Huione Group ซึ่งมีการให้บริการหลากหลาย บริการชำระเงินผ่านแพลตฟอร์ม Huione Pay PLC หรือHuione Crypto แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล และ Haowang Guarantee ตลาดออนไลน์ที่ขายสินค้าและบริการผิดกฎหมาย

แม้เมื่อเดือนมีนาคม 2025 ธนาคารแห่งชาติกัมพูชาได้เพิกถอนใบอนุญาตของ Huione Pay เนื่องจากการละเมิดกฎระเบียบ รวมทั้งสหรัฐฯ ขึ้นแบล็กลิสต์ Huione Group เครือบริษัทการเงินกัมพูชา ฐานเป็นศูนย์กลางฟอกเงินแก๊งคอลเซนเตอร์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2025 ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.fincen.gov ระบุว่า หน่วยงาน “FinCEN (Financial Crimes Enforcement Network)” กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศขึ้นแบล็กลิสต์ Huione Group เครือบริษัทการเงินของกัมพูชา หลังพบ เป็นศูนย์กลางสำคัญในการฟอกเงินของแก๊งคอลเซนเตอร์ และกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ โดยมีมูลค่าการฟอกเงินรวมกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 140,000 ล้านบาท

FinCEN เปิดเผยผลการสืบสวนที่พบว่า Huione Group ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในการฟอกเงินจาก “การปล้นไซเบอร์” ของเกาหลีเหนือ และการหลอกลวงแบบเชือดหมู (pig butchering) หรือแก๊งคอลเซนเตอร์ที่หลอกเหยื่อลงทุนแล้วเชิดเงิน

โดยการสืบสวนของ FinCEN พบว่าระหว่างเดือน ส.ค. 2021 ถึง ม.ค. 2025 Huione Group ฟอกเงินจำนวนมหาศาล คือ 37 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเหยื่อจากเกาหลีเหนือถูกปล้นผ่านระบบไซเบอร์ สูงถึงจำนวน 36 ล้านดอลลาร์ จากการหลอกลวงการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล และอีก 300 ล้านดอลลาร์ จากการหลอกลวงไซเบอร์รูปแบบอื่น

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังกำหนดมาตรการปิดกั้นเครือข่ายดังกล่าวด้วยการ ห้ามสถาบันการเงินสหรัฐฯ ทำธุรกรรมใดๆ กับ Huione Group และปิด Telegram หลายพันช่อง ที่ใช้โดย Huione Guarantee ขณะที่ทางธนาคารแห่งชาติกัมพูชา เพิกถอนใบอนุญาตธนาคารของ Huione Pay เมื่อเดือน มี.ค.2025

มีรายงานจากผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์บล็อกเชน ระบุว่า Huione Guarantee เป็นตลาดอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่าธุรกรรมรวมกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์ 

ส่วน ยิม เลียก ( Yim Leak ) ประธาน BIC Group เป็นลูกชายของ Yim Chhay Ly รองนายกฯ กัมพูชา ธุรกิจของเขา นอกเหนือจากด้านการเงิน BIC Bank, อสังหาฯ, และอุตสาหกรรมพลังงานแล้ว BIC Group ซึ่งมีบริษัทในเครือจำนวนมาก

ปัจจุบันได้ลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์ บนพื้นที่จำนวน 61 เฮกตาร์ที่ชื่อว่า One Phnom Penh นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของบริษัท Kulen Property Group บริษัทที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชาด้วย

มีการประเมินว่า “ยิม เลียก” มีทรัพย์สินมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กลุ่มบริษัทของเขามีคนไทยหลายตระกูลเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งการถือหุ้นและร่วมลงทุน

การที่ ยิม เลียก ( Yim Leak ) มีอยู่ในบัญชีที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าใช้ BIC Bank เป็นช่องทางฟอกเงินสแกมเมอร์จาก ทั้งคนไทยและกัมพูชา โดยทั้งคู่มีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากเบน สมิธ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และตัวกลาง ให้ Yim Leak ในโครงการลงทุน เช่น การเข้าถือหุ้นในบริษัทไทย (Finansia X, Bangchak) ผ่าน CAI และพันธมิตรลาว-กัมพูชา

พวกเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนใน "ธุรกิจสีเทา" เช่น ฟอกเงินจากสแกมเมอร์และกาสิโนชายแดน โดยใช้ความสัมพันธ์กับ ฮุน เซน เป็นฐาน

สำหรับ เบน สมิธ หรือ “เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์” (Benjamin Mauerberger) ตามประวัติ ถือสัญชาติกัมพูชา ในปี 2014 เป็นที่ปรึกษาเลขาธิการวุฒิสภากัมพูชา และยังเป็นที่ปรึกษาของ ฮุน เซน

เบน สมิธ ได้เข้ามาลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยและขอเปลี่ยนสัญชาติเป็นไทย เมื่อปี 2024 ในช่วง อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาต และถูกจับจ้องจากสื่อ หลังปรากฏกายพร้อม “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ 

และถูกตั้งข้อสังเกตว่า การพบปะดังกล่าว อาจไม่ใช่เป็นการเจรจาธุรกิจทั่วไป หรือ นัดรับประทานอาหารตามปกติ แต่อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทย

เดือน ต.ค.2568 “เบน สมิธ” ออกแถลงการณ์ภาษาไทยชี้แจงว่า เขาและครอบครัว หุ้นส่วนทางธุรกิจ ตกเป็นเหยื่อของการโจมตี เพื่อทำลายชื่อเสียงจากนักข่าวต่างประเทศรายหนึ่ง และสื่ออื่น ๆ ได้นำไปขยายความต่อ กล่าวหาด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จและบิดเบือน ให้เห็นว่า เขาเป็นอาชญากรหนีคดี สื่อในลักษณะมีอาชีพจากการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยไม่มีความจริงหรือหลักฐานใด ๆ

“ในบรรดาข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จทั้งหลาย ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงที่สุดได้แก่ข้อกล่าวหาที่ว่า ผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงิน แก๊งคอลเซนเตอร์ และการค้ามนุษย์ในประเทศกัมพูชา ยืนยันว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องที่ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น ไม่ว่าทั้งในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต”

ครั้งนั้น เบน สมิธ ระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อกล่าวหาทั้งหลาย ล้วนเป็นความเท็จ ขาดข้อเท็จจริงรองรับ และมีเจตนา เพื่อก่อให้เกิดความสับสนแก่สาธารณชน… ยืนยันว่า ตนเป็นพลเมืองที่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายของทุก ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พักอาศัย เดินทาง หรือทำธุรกิจ 

นอกจากนี้ ยังระบุในแถลงการณ์ว่า “จะเริ่มดำเนินการทางกฎหมายกับ ทอม ไรท์ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะพบว่ามีชื่ออยู่ในบัญชีที่ร่างกฎหมายสหรัฐเสนอคองเกรสตั้งทีมเฉพาะกิจปราบสแกมเมอร์”

อ่านข่าว

เส้นทาง “เฉิน จื้อ” CEO ปริ๊นซ์ กรุ๊ป สหรัฐฯฟ้องริบทรัพย์ครั้งแรกโลก

ผ่าอาณาจักร Call center- Scammer ศูนย์กลาง “เขมร-เมียนมา”