EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: กัมพูชาอ้าง! สื่อไทยปล่อยข่าวปลอม “ไทยคุม 11 พื้นที่ชายแดน” ด้าน ศบ.ทก. ยืนยัน ควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมดจริง

30 ก.ค. 6817:26 น.
การเมือง#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: กัมพูชาอ้าง! สื่อไทยปล่อยข่าวปลอม “ไทยคุม 11 พื้นที่ชายแดน” ด้าน ศบ.ทก. ยืนยัน ควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมดจริง

พบเพจเฟซบุ๊กชื่อ “PR Cambodian Government” โพสต์โจมตีสื่อไทย อ้างรายงานข่าว "ไทยควบคุม 11 พื้นที่ชายแดน" เป็นข้อมูลเท็จ ยืนยันกัมพูชายังคุมพื้นที่อยู่ ด้าน ศบ.ทก. ของไทย ยืนยันเข้าควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด 11 แห่ง ได้ตั้งแต่เช้าวันที่ 29 ก.ค. 68 แล้ว

Thai PBS Verify พบว่าเป็นข่าวปลอม ที่โจมตีโดยตั้งใจ โดยให้ข้อมูลเท็จว่า กองกำลังทหารกัมพูชายังคงควบคุมพื้นที่อยู่ ไม่ได้ถูกประเทศไทยควบคุมตามที่สื่อไทยรายงาน

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก : Facebook

ตรวจสอบแล้ว: กัมพูชาอ้าง! สื่อไทยปล่อยข่าวปลอม

ภาพเพจเฟซบุ๊ก PR Cambodian Government โพสต์อ้างสื่อไทย รายงานข่าว “ไทยควบคุม 11 พื้นที่ชายแดน” เป็นข้อมูลเท็จ

Thai PBS Verify พบเพจเฟซบุ๊ก PR Cambodian Government โพสต์ภาพข่าวของ TOP News ที่รายงานข่าว “เปิด 11 พื้นที่ทหารไทยปักธง ปกป้องอธิปไตยชาติจากทหารเขมรผู้รุกราน” พร้อมข้อความกล่าวว่า “ការបង្ហោះរបស់បណ្ដាញផ្សព្វផ្សាយថៃនេះគឺជាព័ត៌មានក្លែងក្លាយ!

គិតត្រឹមពេលនេះ កងទ័ពកម្ពុជាកំពុងឈរជើងគ្រប់គ្រងយ៉ាងពេញលេញនៅតំបន់ចំនួន ៨ ដែលស្ថិតនៅក្នុងដែនអធិបតេយ្យរបស់កម្ពុជា​។ដូចនេះសូមប្រជាពលរដ្ឋកុំយល់ច្រឡំ សូមឈប់ផ្សព្វផ្សាយនិងកុំចែករំលែកព័ត៌មាននេះ!”

 

ทั้งนี้แปลความหมายได้ว่า “การเผยแพร่ของสื่อไทยนี้เป็นข้อมูลเท็จ! จนถึงขณะนี้ กองทัพกัมพูชายังคงยืนหยัดควบคุมพื้นที่ทั้ง 8 แห่งได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าเข้าใจผิด ขอให้หยุดเผยแพร่และอย่าแชร์ข้อมูลนี้!” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้ามาแสดงความรู้สึก 40 ครั้ง รวมถึงแสดงความคิดเห็น 56 ครั้ง ด้วยกัน 

ตรวจสอบผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ

เมื่อเราได้นำภาพดังกล่าวไปค้นหาด้วยเครื่องมือตรวจสอบภาพ Google lens พบว่า ภาพดังกล่าวไปตรงกับข่าว เปิด 11 พื้นที่ ทหารไทยปักธง ปกป้องอธิปไตยชาติจากทหารเขมรผู้รุกราน ของสำนักข่าว Top News  ซึ่งข่าวดังกล่าวมาจากศูนย์ข่าว ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา (ลิงก์บันทึก)

ตรวจสอบแล้ว: กัมพูชาอ้าง! สื่อไทยปล่อยข่าวปลอม

ศบ.ทก. เผย ไทยยึดพื้นที่แนวชายแดน 11 แห่งได้เรียบร้อย

นอกจากนี้เรายังพบรายงานข่าวของ Thai PBS ที่รายงานว่า พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด 11 แห่ง ภายในเวลา 06.00 น.  ได้แก่ ภูมะเขือ, ช่องอานม้า, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย,แนวเขตแดนช่องบก, โดนตวล, สัตตาโสม, ช่องจอม, ช่องสายตะกู บ้านกรวด, พระวิหารและพลาญยาว (ลิงก์บันทึก)

ภาพเพจเฟซบุ๊ก Thai PBS รายงาน 11 พื้นที่ที่ประเทศไทยสามารถควบคุมได้

ภาพเพจเฟซบุ๊ก Thai PBS รายงาน 11 พื้นที่ที่ประเทศไทยสามารถควบคุมได้

 

กระบวนการตรวจสอบ

  1. ตรวจสอบผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ : เมื่อนำภาพดังกล่าวไปตรวจสอบด้วยเครื่องมือ Google Lens พบว่าตรงกับข่าวของสำนักข่าว TOP News ที่มีการนำเสนอข่าว เปิด 11 พื้นที่ ทหารไทยปักธง ปกป้องอธิปไตยชาติจากทหารเขมรผู้รุกราน
  2. ตรวจสอบแหล่งอ่างอิงข้อมูล: ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา รายงานข้อมูลประเทศไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด 11 แห่ง เมื่อเวลา 06.00 น. ของวันที่ 29 ก.ค. 68
  1. สร้างความสับสนและบิดเบือนข้อเท็จจริง
  • ประชาชนอาจสับสนว่าข้อมูลใดเป็นจริง โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานจากทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันโดยตรง

2. ทำลายความน่าเชื่อถือและสร้างความตึงเครียด

  • สร้างความตึงเครียดระหว่างประเทศ: ข้อมูลเท็จดังกล่าว อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางการทูต หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้
  • กระทบความสัมพันธ์ประชาชน: ประชาชนของทั้งสองประเทศอาจเกิดความไม่เข้าใจหรือความรู้สึกเชิงลบต่อกัน จากการรับข้อมูลที่บิดเบือน

3. เป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อ

  • สร้างความได้เปรียบทางข้อมูล: การที่ฝ่ายหนึ่งเผยแพร่ข้อมูลที่ขัดแย้ง อาจมีเจตนาเพื่อโฆษณาชวนเชื่อ หรือสร้างภาพลักษณ์ว่าตนเองเป็นฝ่ายที่ถูกต้องหรือควบคุมสถานการณ์ได้
  • บั่นทอนขวัญกำลังใจ: หากข้อมูลเท็จถูกเชื่อในวงกว้าง อาจบั่นทอนขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ หรือทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อการทำงานของรัฐบาลและกองทัพ

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

1. ตรวจสอบแหล่งที่มาและเปรียบเทียบข้อมูล

  • อย่าเชื่อทันที: เมื่อเห็นข้อมูลที่ดูเหมือนเป็นข่าวใหญ่หรือขัดแย้งกับสิ่งที่เคยทราบมา ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเสมอ โดยเฉพาะข้อมูลที่มาจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ หรือมีการกล่าวหาที่รุนแรง
  • เปรียบเทียบจากหลายแหล่ง: ค้นหาข้อมูลจากสำนักข่าวหลักที่เชื่อถือได้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเปรียบเทียบรายงานข่าวและข้อเท็จจริง หากพบว่าข้อมูลส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกัน ก็มีแนวโน้มว่าข้อมูลจะเป็นความจริงมากกว่า

2. พิจารณามุมมองและความตั้งใจ

  • ทำความเข้าใจแรงจูงใจ: ข้อมูลจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมักจะถูกนำเสนอในมุมที่สนับสนุนหรือปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเสมอ และอาจมีเจตนาที่จะรักษาภาพลักษณ์ หรือลดความกังวลภายในประเทศ
  • มองหาหลักฐานสนับสนุน: ข้อมูลที่น่าเชื่อถือควรมีหลักฐานอ้างอิงที่ชัดเจน เช่น การยืนยันด้วยเครื่องมือตรวจสอบ, แหล่งข่าวที่ระบุตัวตนได้, การอ้างอิงถึงหน่วยงานความมั่นคงของประเทศ เช่น กระทรวงกลาโหม, กองทัพ หรือภาพถ่าย/วิดีโอที่ตรวจสอบได้

3. หยุดการแพร่กระจายของข้อมูลที่ไม่แน่ใจ

  • ไม่แชร์ต่อทันที: หากไม่แน่ใจในความถูกต้องของข้อมูล ห้ามกดไลก์ คอมเมนต์ หรือแชร์โดยเด็ดขาด เพราะการกระทำเหล่านี้จะยิ่งทำให้ข้อมูลเท็จแพร่กระจายออกไปมากยิ่งขึ้น