ทาปันรัก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ ผ่านเรื่องราวของพี่ก้อย เกษตรกรหญิงที่เปลี่ยนจากการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษมาสู่การทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน พร้อมสร้างวิสาหกิจชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สมบูรณ์แบบ
พี่ก้อยซึ่งจบการศึกษาด้านฟู้ดไซน์ (Food Science) ทั้งปริญญาตรีและโท กลับมาจากอเมริกาเพื่อช่วยงานครอบครัว หลังจากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เธอจึงตัดสินใจเริ่มต้นการทำเกษตรอินทรีย์ด้วยการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ 100 ต้น ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาฟาร์มแห่งนี้
จุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อมีการตรวจหาสารเคมีในเลือดของคนในชุมชน พบว่าส่วนใหญ่มีความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง ทำให้ชาวบ้านหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์มากขึ้น
ฟาร์มแห่งนี้เลือกปลูกกุหลาบอินทรีย์ 2 สายพันธุ์หลัก:
ความสำเร็จในการปลูกกุหลาบอินทรีย์ที่นี่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การใช้แกลบคลุมดินเพื่อไม่ให้โดนแสงแดด และการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีฟอสฟอรัสสูง
การเก็บดอกกุหลาบสำหรับเกษตรอินทรีย์มีหลักการเฉพาะ:
การดูแลกุหลาบในระบบเกษตรอินทรีย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ:
ในระบบเกษตรอินทรีย์ การป้องกันโรคและแมลงใช้วิธีธรรมชาติ:
การทำไซรัปกุหลาบจากวัตถุดิบเกษตรอินทรีย์มีขั้นตอนพิเศษ:
จากฟาร์มเกษตรอินทรีย์แห่งนี้ยังผลิต:
ความสำเร็จของเกษตรอินทรีย์ที่นี่ขยายผลสู่ชุมชน:
หลังจากปฏิบัติเกษตรอินทรีย์เป็นเวลา 1 ปี ผลการตรวจเลือดของคนในชุมชนดีขึ้นอย่างชัดเจน หลายคนกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการทำเกษตรอินทรีย์
ปุ๋ยหมักไม่กลับกองที่พัฒนาขึ้นมีส่วนประกอบ:
การทำปุ๋ยหมักสำหรับเกษตรอินทรีย์:
ฟาร์มแห่งนี้เป็นตัวอย่างของระบบเกษตรอินทรีย์ที่สมบูรณ์:
ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงระบบการปลูกลำไยจากการใช้เคมีเป็นเกษตรอินทรีย์:
การทำเกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตที่ปลอดภัย แต่ยังสร้างอิสรภาพในการพึ่งพาตนเอง ดังที่พี่ก้อยกล่าวว่า "การที่พี่ออกมาทำแบบนี้แล้วพึ่งพาตัวเองได้ มันคืออิสรภาพ"
จากการขายคะน้าครั้งแรกได้ 500 กว่าบาท หลังจากเรียนรู้การแปรรูปแล้วขายได้ 4,000 กว่าบาท แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์
เรื่องราวของท่าปันรักเป็นต้นแบบที่ดีของการพัฒนาเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน การผสมผสานระหว่างความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ทำให้เกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกในการผลิตอาหารที่ปลอดภัย แต่ยังเป็นเส้นทางสู่การพึ่งพาตนเองและสร้างรายได้ที่ยั่งยืนสำหรับเกษตรกรไทย
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส
ทาปันรัก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ ผ่านเรื่องราวของพี่ก้อย เกษตรกรหญิงที่เปลี่ยนจากการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษมาสู่การทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน พร้อมสร้างวิสาหกิจชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สมบูรณ์แบบ
พี่ก้อยซึ่งจบการศึกษาด้านฟู้ดไซน์ (Food Science) ทั้งปริญญาตรีและโท กลับมาจากอเมริกาเพื่อช่วยงานครอบครัว หลังจากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เธอจึงตัดสินใจเริ่มต้นการทำเกษตรอินทรีย์ด้วยการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ 100 ต้น ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาฟาร์มแห่งนี้
จุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อมีการตรวจหาสารเคมีในเลือดของคนในชุมชน พบว่าส่วนใหญ่มีความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง ทำให้ชาวบ้านหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์มากขึ้น
ฟาร์มแห่งนี้เลือกปลูกกุหลาบอินทรีย์ 2 สายพันธุ์หลัก:
ความสำเร็จในการปลูกกุหลาบอินทรีย์ที่นี่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การใช้แกลบคลุมดินเพื่อไม่ให้โดนแสงแดด และการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีฟอสฟอรัสสูง
การเก็บดอกกุหลาบสำหรับเกษตรอินทรีย์มีหลักการเฉพาะ:
การดูแลกุหลาบในระบบเกษตรอินทรีย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ:
ในระบบเกษตรอินทรีย์ การป้องกันโรคและแมลงใช้วิธีธรรมชาติ:
การทำไซรัปกุหลาบจากวัตถุดิบเกษตรอินทรีย์มีขั้นตอนพิเศษ:
จากฟาร์มเกษตรอินทรีย์แห่งนี้ยังผลิต:
ความสำเร็จของเกษตรอินทรีย์ที่นี่ขยายผลสู่ชุมชน:
หลังจากปฏิบัติเกษตรอินทรีย์เป็นเวลา 1 ปี ผลการตรวจเลือดของคนในชุมชนดีขึ้นอย่างชัดเจน หลายคนกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการทำเกษตรอินทรีย์
ปุ๋ยหมักไม่กลับกองที่พัฒนาขึ้นมีส่วนประกอบ:
การทำปุ๋ยหมักสำหรับเกษตรอินทรีย์:
ฟาร์มแห่งนี้เป็นตัวอย่างของระบบเกษตรอินทรีย์ที่สมบูรณ์:
ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงระบบการปลูกลำไยจากการใช้เคมีเป็นเกษตรอินทรีย์:
การทำเกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตที่ปลอดภัย แต่ยังสร้างอิสรภาพในการพึ่งพาตนเอง ดังที่พี่ก้อยกล่าวว่า "การที่พี่ออกมาทำแบบนี้แล้วพึ่งพาตัวเองได้ มันคืออิสรภาพ"
จากการขายคะน้าครั้งแรกได้ 500 กว่าบาท หลังจากเรียนรู้การแปรรูปแล้วขายได้ 4,000 กว่าบาท แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์
เรื่องราวของท่าปันรักเป็นต้นแบบที่ดีของการพัฒนาเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน การผสมผสานระหว่างความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ทำให้เกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกในการผลิตอาหารที่ปลอดภัย แต่ยังเป็นเส้นทางสู่การพึ่งพาตนเองและสร้างรายได้ที่ยั่งยืนสำหรับเกษตรกรไทย
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส