ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทาปันรักษ์ เกษตรอินทรีย์วิถีแม่ทา

ออกอากาศ7 ก.ย. 68

จากติวเตอร์สู่เกษตรกร: เส้นทางสู่เกษตรอินทรีย์ที่เปลี่ยนชีวิต

ทาปันรัก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ ผ่านเรื่องราวของพี่ก้อย เกษตรกรหญิงที่เปลี่ยนจากการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษมาสู่การทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน พร้อมสร้างวิสาหกิจชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สมบูรณ์แบบ

การเริ่มต้นสู่เกษตรอินทรีย์: จากวิกฤติสู่โอกาส

พี่ก้อยซึ่งจบการศึกษาด้านฟู้ดไซน์ (Food Science) ทั้งปริญญาตรีและโท กลับมาจากอเมริกาเพื่อช่วยงานครอบครัว หลังจากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เธอจึงตัดสินใจเริ่มต้นการทำเกษตรอินทรีย์ด้วยการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ 100 ต้น ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาฟาร์มแห่งนี้

จุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อมีการตรวจหาสารเคมีในเลือดของคนในชุมชน พบว่าส่วนใหญ่มีความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง ทำให้ชาวบ้านหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์มากขึ้น

กุหลาบอินทรีย์: จุดเด่นของเกษตรอินทรีย์ในลำพูน

การเลือกพันธุ์กุหลาบสำหรับเกษตรอินทรีย์

ฟาร์มแห่งนี้เลือกปลูกกุหลาบอินทรีย์ 2 สายพันธุ์หลัก:

  • Bishop's castle (บิชอป คาสเซิล) สายพันธุ์จากอังกฤษ มีกลิ่นหอมละมุนเหมือนเพอร์ฟูม
  • มอญแดง สีแดงสวย มีกลิ่นหอมแนวสุขภาพ

ความสำเร็จในการปลูกกุหลาบอินทรีย์ที่นี่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การใช้แกลบคลุมดินเพื่อไม่ให้โดนแสงแดด และการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีฟอสฟอรัสสูง

การเก็บเกี่ยวและแปรรูปในระบบเกษตรอินทรีย์

การเก็บดอกกุหลาบสำหรับเกษตรอินทรีย์มีหลักการเฉพาะ:

  • เก็บเฉพาะดอกที่บานในตอนเช้า เพราะมีกลิ่นหอมคุณภาพดีที่สุด
  • คัดเลือกเฉพาะดอกที่มีเกสรสีเหลือง บ่งบอกถึงความสด
  • นำไปแปรรูปเป็นชาร้อนและไซรัปเย็น

วิธีการดูแลรักษาในระบบเกษตรอินทรีย์

การตัดแต่งและบำรุงรักษาแบบเกษตรอินทรีย์

การดูแลกุหลาบในระบบเกษตรอินทรีย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ:

  • การตัดแต่งที่ถูกต้องจะช่วยให้ได้ดอกใหญ่และมากขึ้น
  • การตัดโคนต่ำเพื่อให้ตาดอกใหม่งอกออกมา
  • การใช้ระบบน้ำหยดทุกวันประมาณ 1 ชั่วโมงในช่วงบ่าย

การป้องกันศัตรูพืชแบบเกษตรอินทรีย์

ในระบบเกษตรอินทรีย์ การป้องกันโรคและแมลงใช้วิธีธรรมชาติ:

  • ปลูกโหระพาแซมในแปลงกุหลาบเพื่อไล่แมลงศัตรูพืช
  • ใช้ชีวภัณฑ์ บิวเวอร์เรีย สำหรับป้องกันเพลี้ยไฟ
  • การไม่ใช้สารเคมีทำให้ระบบนิเวศสมดุลเอง

ผลิตภัณฑ์จากเกษตรอินทรีย์และการแปรรูป

ไซรัปกุหลาบจากเกษตรอินทรีย์

การทำไซรัปกุหลาบจากวัตถุดิบเกษตรอินทรีย์มีขั้นตอนพิเศษ:

  • ใช้กุหลาบครึ่งกิโลต่อหนึ่งหม้อ
  • ต้องร่อนเกสรออกเพื่อไม่ให้น้ำเฝื่อน
  • เก็บในตู้เย็น 3 - 4 เดือนเพื่อให้กลิ่นออกเต็มที่
  • ใช้ 30 มล. ต่อน้ำ 1 แก้วเมื่อเสิร์ฟ

ผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากเกษตรอินทรีย์

จากฟาร์มเกษตรอินทรีย์แห่งนี้ยังผลิต:

  • แชมพูอัญชันว่านหางจระเข้
  • สบู่เหลวขมิ้นชัน
  • ซอสพิซซาจากมะเขือเทศและหอมหัวใหญ่อินทรีย์
  • ชากุหลาบออร์แกนิก

การพัฒนาชุมชนผ่านเกษตรอินทรีย์

การรวมกลุ่มเกษตรกรเกษตรอินทรีย์

ความสำเร็จของเกษตรอินทรีย์ที่นี่ขยายผลสู่ชุมชน:

  • การตั้งกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์ในจังหวัดลำพูน
  • การเปิดตลาดอินทรีย์เพื่อจำหน่ายผลผลิต
  • การศึกษาวิจัยเรื่องสารเคมีในเลือดของชาวบ้าน

ผลลัพธ์ของการปรับเปลี่ยนสู่เกษตรอินทรีย์

หลังจากปฏิบัติเกษตรอินทรีย์เป็นเวลา 1 ปี ผลการตรวจเลือดของคนในชุมชนดีขึ้นอย่างชัดเจน หลายคนกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการทำเกษตรอินทรีย์

ปุ๋ยหมักสำหรับเกษตรอินทรีย์: สูตร "บ้านท่าศพเศร้าแต่ผักไม่เศร้า"

ส่วนประกอบของปุ๋ยหมักเกษตรอินทรีย์

ปุ๋ยหมักไม่กลับกองที่พัฒนาขึ้นมีส่วนประกอบ:

  • หญ้าสด
  • ขี้วัว
  • กากน้ำตาล
  • ซี่โครงวัว

วิธีการทำปุ๋ยหมักเกษตรอินทรีย์

การทำปุ๋ยหมักสำหรับเกษตรอินทรีย์:

  1. วางชั้นหญ้าและขี้วัวสลับกัน
  2. รดด้วยน้ำกากน้ำตาล
  3. รดน้ำทุกวันเช้าเย็น
  4. ใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน จะได้ปุ๋ยหมักคุณภาพดี

ความยั่งยืนของเกษตรอินทรีย์และการพึ่งพาตนเอง

ระบบเกษตรผสมผสานแบบเกษตรอินทรีย์

ฟาร์มแห่งนี้เป็นตัวอย่างของระบบเกษตรอินทรีย์ที่สมบูรณ์:

  • ปลูกผลไม้หลากหลายชนิด เช่น ลำไย ลองกอง ส้มสายน้ำผึ้ง
  • เลี้ยงไก่ไข่เพื่อใช้ในครัวเรือน
  • ปลูกผักสวนครัวแบบอินทรีย์
  • มีแหล่งน้ำจากบาดาลน้ำลึก

การเปลี่ยนแปลงจากเกษตรเคมีสู่เกษตรอินทรีย์

ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงระบบการปลูกลำไยจากการใช้เคมีเป็นเกษตรอินทรีย์:

  • ปีแรกมีปัญหาโรคและแมลงมาก
  • ไม่ให้ผลผลิตในช่วงแรก
  • หลังจากปรับตัวแล้วระบบจะสมดุลเอง
  • ปัจจุบันให้ผลผลิตดีและไม่ต้องใช้สารเคมี

บทเรียนจากเกษตรอินทรีย์: อิสรภาพและความสุข

การทำเกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตที่ปลอดภัย แต่ยังสร้างอิสรภาพในการพึ่งพาตนเอง ดังที่พี่ก้อยกล่าวว่า "การที่พี่ออกมาทำแบบนี้แล้วพึ่งพาตัวเองได้ มันคืออิสรภาพ"

จากการขายคะน้าครั้งแรกได้ 500 กว่าบาท หลังจากเรียนรู้การแปรรูปแล้วขายได้ 4,000 กว่าบาท แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์

สรุป: อนาคตของเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย

เรื่องราวของท่าปันรักเป็นต้นแบบที่ดีของการพัฒนาเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน การผสมผสานระหว่างความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ทำให้เกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกในการผลิตอาหารที่ปลอดภัย แต่ยังเป็นเส้นทางสู่การพึ่งพาตนเองและสร้างรายได้ที่ยั่งยืนสำหรับเกษตรกรไทย

ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส

จากติวเตอร์สู่เกษตรกร: เส้นทางสู่เกษตรอินทรีย์ที่เปลี่ยนชีวิต

ทาปันรัก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ ผ่านเรื่องราวของพี่ก้อย เกษตรกรหญิงที่เปลี่ยนจากการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษมาสู่การทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน พร้อมสร้างวิสาหกิจชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สมบูรณ์แบบ

การเริ่มต้นสู่เกษตรอินทรีย์: จากวิกฤติสู่โอกาส

พี่ก้อยซึ่งจบการศึกษาด้านฟู้ดไซน์ (Food Science) ทั้งปริญญาตรีและโท กลับมาจากอเมริกาเพื่อช่วยงานครอบครัว หลังจากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เธอจึงตัดสินใจเริ่มต้นการทำเกษตรอินทรีย์ด้วยการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ 100 ต้น ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาฟาร์มแห่งนี้

จุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อมีการตรวจหาสารเคมีในเลือดของคนในชุมชน พบว่าส่วนใหญ่มีความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง ทำให้ชาวบ้านหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์มากขึ้น

กุหลาบอินทรีย์: จุดเด่นของเกษตรอินทรีย์ในลำพูน

การเลือกพันธุ์กุหลาบสำหรับเกษตรอินทรีย์

ฟาร์มแห่งนี้เลือกปลูกกุหลาบอินทรีย์ 2 สายพันธุ์หลัก:

  • Bishop's castle (บิชอป คาสเซิล) สายพันธุ์จากอังกฤษ มีกลิ่นหอมละมุนเหมือนเพอร์ฟูม
  • มอญแดง สีแดงสวย มีกลิ่นหอมแนวสุขภาพ

ความสำเร็จในการปลูกกุหลาบอินทรีย์ที่นี่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การใช้แกลบคลุมดินเพื่อไม่ให้โดนแสงแดด และการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีฟอสฟอรัสสูง

การเก็บเกี่ยวและแปรรูปในระบบเกษตรอินทรีย์

การเก็บดอกกุหลาบสำหรับเกษตรอินทรีย์มีหลักการเฉพาะ:

  • เก็บเฉพาะดอกที่บานในตอนเช้า เพราะมีกลิ่นหอมคุณภาพดีที่สุด
  • คัดเลือกเฉพาะดอกที่มีเกสรสีเหลือง บ่งบอกถึงความสด
  • นำไปแปรรูปเป็นชาร้อนและไซรัปเย็น

วิธีการดูแลรักษาในระบบเกษตรอินทรีย์

การตัดแต่งและบำรุงรักษาแบบเกษตรอินทรีย์

การดูแลกุหลาบในระบบเกษตรอินทรีย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ:

  • การตัดแต่งที่ถูกต้องจะช่วยให้ได้ดอกใหญ่และมากขึ้น
  • การตัดโคนต่ำเพื่อให้ตาดอกใหม่งอกออกมา
  • การใช้ระบบน้ำหยดทุกวันประมาณ 1 ชั่วโมงในช่วงบ่าย

การป้องกันศัตรูพืชแบบเกษตรอินทรีย์

ในระบบเกษตรอินทรีย์ การป้องกันโรคและแมลงใช้วิธีธรรมชาติ:

  • ปลูกโหระพาแซมในแปลงกุหลาบเพื่อไล่แมลงศัตรูพืช
  • ใช้ชีวภัณฑ์ บิวเวอร์เรีย สำหรับป้องกันเพลี้ยไฟ
  • การไม่ใช้สารเคมีทำให้ระบบนิเวศสมดุลเอง

ผลิตภัณฑ์จากเกษตรอินทรีย์และการแปรรูป

ไซรัปกุหลาบจากเกษตรอินทรีย์

การทำไซรัปกุหลาบจากวัตถุดิบเกษตรอินทรีย์มีขั้นตอนพิเศษ:

  • ใช้กุหลาบครึ่งกิโลต่อหนึ่งหม้อ
  • ต้องร่อนเกสรออกเพื่อไม่ให้น้ำเฝื่อน
  • เก็บในตู้เย็น 3 - 4 เดือนเพื่อให้กลิ่นออกเต็มที่
  • ใช้ 30 มล. ต่อน้ำ 1 แก้วเมื่อเสิร์ฟ

ผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากเกษตรอินทรีย์

จากฟาร์มเกษตรอินทรีย์แห่งนี้ยังผลิต:

  • แชมพูอัญชันว่านหางจระเข้
  • สบู่เหลวขมิ้นชัน
  • ซอสพิซซาจากมะเขือเทศและหอมหัวใหญ่อินทรีย์
  • ชากุหลาบออร์แกนิก

การพัฒนาชุมชนผ่านเกษตรอินทรีย์

การรวมกลุ่มเกษตรกรเกษตรอินทรีย์

ความสำเร็จของเกษตรอินทรีย์ที่นี่ขยายผลสู่ชุมชน:

  • การตั้งกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์ในจังหวัดลำพูน
  • การเปิดตลาดอินทรีย์เพื่อจำหน่ายผลผลิต
  • การศึกษาวิจัยเรื่องสารเคมีในเลือดของชาวบ้าน

ผลลัพธ์ของการปรับเปลี่ยนสู่เกษตรอินทรีย์

หลังจากปฏิบัติเกษตรอินทรีย์เป็นเวลา 1 ปี ผลการตรวจเลือดของคนในชุมชนดีขึ้นอย่างชัดเจน หลายคนกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการทำเกษตรอินทรีย์

ปุ๋ยหมักสำหรับเกษตรอินทรีย์: สูตร "บ้านท่าศพเศร้าแต่ผักไม่เศร้า"

ส่วนประกอบของปุ๋ยหมักเกษตรอินทรีย์

ปุ๋ยหมักไม่กลับกองที่พัฒนาขึ้นมีส่วนประกอบ:

  • หญ้าสด
  • ขี้วัว
  • กากน้ำตาล
  • ซี่โครงวัว

วิธีการทำปุ๋ยหมักเกษตรอินทรีย์

การทำปุ๋ยหมักสำหรับเกษตรอินทรีย์:

  1. วางชั้นหญ้าและขี้วัวสลับกัน
  2. รดด้วยน้ำกากน้ำตาล
  3. รดน้ำทุกวันเช้าเย็น
  4. ใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน จะได้ปุ๋ยหมักคุณภาพดี

ความยั่งยืนของเกษตรอินทรีย์และการพึ่งพาตนเอง

ระบบเกษตรผสมผสานแบบเกษตรอินทรีย์

ฟาร์มแห่งนี้เป็นตัวอย่างของระบบเกษตรอินทรีย์ที่สมบูรณ์:

  • ปลูกผลไม้หลากหลายชนิด เช่น ลำไย ลองกอง ส้มสายน้ำผึ้ง
  • เลี้ยงไก่ไข่เพื่อใช้ในครัวเรือน
  • ปลูกผักสวนครัวแบบอินทรีย์
  • มีแหล่งน้ำจากบาดาลน้ำลึก

การเปลี่ยนแปลงจากเกษตรเคมีสู่เกษตรอินทรีย์

ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงระบบการปลูกลำไยจากการใช้เคมีเป็นเกษตรอินทรีย์:

  • ปีแรกมีปัญหาโรคและแมลงมาก
  • ไม่ให้ผลผลิตในช่วงแรก
  • หลังจากปรับตัวแล้วระบบจะสมดุลเอง
  • ปัจจุบันให้ผลผลิตดีและไม่ต้องใช้สารเคมี

บทเรียนจากเกษตรอินทรีย์: อิสรภาพและความสุข

การทำเกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตที่ปลอดภัย แต่ยังสร้างอิสรภาพในการพึ่งพาตนเอง ดังที่พี่ก้อยกล่าวว่า "การที่พี่ออกมาทำแบบนี้แล้วพึ่งพาตัวเองได้ มันคืออิสรภาพ"

จากการขายคะน้าครั้งแรกได้ 500 กว่าบาท หลังจากเรียนรู้การแปรรูปแล้วขายได้ 4,000 กว่าบาท แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์

สรุป: อนาคตของเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย

เรื่องราวของท่าปันรักเป็นต้นแบบที่ดีของการพัฒนาเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน การผสมผสานระหว่างความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ทำให้เกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกในการผลิตอาหารที่ปลอดภัย แต่ยังเป็นเส้นทางสู่การพึ่งพาตนเองและสร้างรายได้ที่ยั่งยืนสำหรับเกษตรกรไทย

ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส

ละครดี ซีรีส์เด่น

ดูทั้งหมด

♫ ♫ Songs Popular ♫ ♫

ดูทั้งหมด

คลิปมาใหม่

คนดูเยอะ 👀

ดูทั้งหมด

เสน่ห์ประเทศไทย