เกษตรกู้โลก: เมื่อสารเคมีกลายเป็นภัยเงียบในจานอาหาร
"ฉีดเช้าเก็บเย็น ฉีดเย็นเก็บเช้า" คำฮิตติดหูที่สะท้อนปัญหาใหญ่ของชุมชนบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ที่ชาวบ้านเคยฉีดยาฆ่าแมลงตอนเช้าแล้วเก็บขายตอนเย็น โดยไม่ได้ล้างทำความสะอาด สารเคมีที่ตกค้างในผักเหล่านี้สะสมในร่างกายจนกลายเป็นมะเร็ง สถิติเผยว่าทุก 7 ชั่วโมงมีคนตายหนึ่งคนเพราะมะเร็ง
พี่นิ อดีตนักข่าวสายท่องเที่ยวที่เคยเห็นแม่ขายผักเคมีมาตลอด จนวันหนึ่งได้ยินเสียงเหนื่อยล้าของแม่ จึงตัดสินใจลาออกจากกรุงเทพฯ หลังทำงานไป 15 ปี เพื่อกลับมาเป็นเกษตรกู้โลกคนหนึ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบอาหารในชุมชน
เกษตรกู้โลก: ก่อตั้งเครือข่ายสองแควออร์แกนิก
หลังกลับบ้านพี่นิไม่ได้มาเพียงคนเดียว เธอเข้าอบรมโครงการ "คนกล้าคืนถิ่น" และรวบรวมสมาชิกกว่า 20 คนก่อตั้งเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ชื่อ "สองแควออร์แกนิก" โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเกษตรกรอินทรีย์ในพื้นที่
การเป็นเกษตรกู้โลกของพี่นิเริ่มจากการทำโครงการ "แบ่งปันกันปลูก" ที่เปิดพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ให้ชาวบ้านที่มีพื้นที่น้อยหรือพื้นที่มีความเสี่ยงปนเปื้อนสารเคมีเข้ามาปลูกผักฟรี โดยพื้นที่นี้ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสารเคมีตกค้าง
คุณน้านารีและป้าน้อง สมาชิกโครงการแบ่งปันกันปลูก เล่าว่าเหตุผลที่เข้าร่วมเป็นเกษตรกู้โลกก็เพราะตรวจเลือดแล้วพบสารเคมีตกค้างในร่างกาย การปลูกผักที่บ้านเองก็ทำไม่ได้เพราะแปลงข้างเคียงฉีดยาฆ่าหญ้า ทำให้ตรวจแล้วไม่ผ่านมาตรฐาน
"จะทำได้เหรอไม่ฉีดยา" เสียงสงสัยจากชาวบ้านเป็นอุปสรรคแรก แต่ทั้งคุณน้าและป้าน้องก็พิสูจน์ด้วยการสร้างแคร่ยกพื้นปลูกผัก ถอนหญ้าเอง และใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ปรากฏว่าได้ผลผลิตดี ราคาขายสูงกว่า และที่สำคัญได้กินผักปลอดสารไปด้วย
เกษตรกู้โลก: ปลูกแต่ผักดีมีประโยชน์
หัวใจของการเป็นเกษตรกู้โลกของพี่นิคือการเลือกปลูกพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะพืชสีแดงที่มีสารแอนโทไซยานิน ช่วยยับยั้งและป้องกันมะเร็ง อาทิ
เรดคอส - ผักสลัดสีแดงที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
เรดซอเรล - รสเปรี้ยว ใช้ปั่นน้ำและทำสลัด
แรดิส - เก็บได้ใน 25 - 30 วัน มีฤทธิ์ต้านเบาหวาน
เคล - ราชินีแห่งผัก ขายดีที่สุด ปลูกครั้งเดียวเก็บได้หลายรอบ
ผักกวยเล้ง - ปลูกยาก แต่ปลูกได้ครั้งเดียวเก็บได้นาน
เกษตรกู้โลก: เทคนิคการปลูกแบบยกแคร่
การเป็นเกษตรกู้โลกต้องมีเทคนิค พี่นิใช้วิธียกแคร่ขนาด 1x10 เมตร ข้อดีคือ
ทำงานง่าย เอื้อมถึง ไม่ต้องก้มนั่งยอง
แม่ที่ผ่าตัดหลังสามารถช่วยงานได้
หญ้าไม่ค่อยขึ้นเพราะพื้นสูง
ระบายน้ำดี เหมาะกับผักที่ไม่ชอบความชื้น
สำหรับการดูแล พี่นิใช้ระบบน้ำหยด รดวันละ 2 ครั้ง (05.00 และ 11.00) ใส่ปุ๋ยหมักอินทรีย์ทุก 10 - 15 วัน และที่สำคัญ - "ปรุงดินให้อร่อย" ด้วยปุ๋ยหมักจากเศษผักและมูลสัตว์
เกษตรกู้โลก: สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยสลัด Shake Shake
ความเป็นเกษตรกู้โลกไม่ได้หยุดแค่ปลูก แต่ยังแปรรูปเป็น "สลัด Shake Shake" สลัดในแก้วพร้อมทาน ราคา 40 บาท วางขายที่ร้านในคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับการตอบรับดีจากนักศึกษาเพราะสะดวก กินง่าย สดสะอาด และเป็นออร์แกนิก นอกจากนี้ยังมี "คอมบูชะ" เครื่องดื่มชาเขียวหมักน้ำผึ้ง แทนน้ำตาล เพื่อความเป็นธรรมชาติสูงสุด
เกษตรกู้โลก: จากรายได้สู่การเปลี่ยนแปลง
พี่นิ ตระหนักว่าการชวนชาวบ้านเป็นเกษตรกู้โลกด้วยเรื่องสุขภาพไม่ได้ผล "เขาจะเชื่อเรื่องเงิน ไม่เชื่อเรื่องสุขภาพ" จึงต้องพิสูจน์ด้วยรายได้จริง ผักอินทรีย์ขายได้ราคาดีกว่า แถมได้กินเองปลอดภัย
ป้าน้องเชิญชวนว่า "อยากให้ทุกคนมาทำ ได้กินผักปลอดสารไปด้วย ดีต่อสุขภาพ ไม่ต้องไปหาหมอบ่อย" ส่วนคุณแม่ของพี่นิก็ดีใจที่เห็นคนในชุมชนทำผักอินทรีย์ ไม่ต้องกินสารพิษอีกต่อไป
เกษตรกู้โลก: ความสุขที่แท้จริง
"แฮปปีมาก" พี่นิตอบเมื่อถูกถามว่าเป็นอย่างไร จากนักข่าวสู่เกษตรกู้โลก "เมื่อก่อนการเดินทางคือการทำงาน มันเหนื่อย ตอนนี้คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของพี่"
การเป็นเกษตรกู้โลกไม่ได้หมายถึงแค่ปลูกผักปลอดสาร แต่คือการสร้างรากฐานสุขภาพให้คนไทย สร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน และที่สำคัญ สร้างชุมชนที่ห่วงใยซึ่งกันและกัน จากบ้านกลาง พิษณุโลก สู่ทุกพื้นที่ของประเทศไทย
"ถ้าเราอยากมีชีวิตยืนยาวอย่างมีความสุข เราต้องดูแลตั้งแต่วันนี้ ตอนที่เรายังสบายดี ไม่ใช่ป่วยแล้วค่อยมาแก้ มันไม่ทันแล้ว"
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส
เกษตรกู้โลก: เมื่อสารเคมีกลายเป็นภัยเงียบในจานอาหาร
"ฉีดเช้าเก็บเย็น ฉีดเย็นเก็บเช้า" คำฮิตติดหูที่สะท้อนปัญหาใหญ่ของชุมชนบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ที่ชาวบ้านเคยฉีดยาฆ่าแมลงตอนเช้าแล้วเก็บขายตอนเย็น โดยไม่ได้ล้างทำความสะอาด สารเคมีที่ตกค้างในผักเหล่านี้สะสมในร่างกายจนกลายเป็นมะเร็ง สถิติเผยว่าทุก 7 ชั่วโมงมีคนตายหนึ่งคนเพราะมะเร็ง
พี่นิ อดีตนักข่าวสายท่องเที่ยวที่เคยเห็นแม่ขายผักเคมีมาตลอด จนวันหนึ่งได้ยินเสียงเหนื่อยล้าของแม่ จึงตัดสินใจลาออกจากกรุงเทพฯ หลังทำงานไป 15 ปี เพื่อกลับมาเป็นเกษตรกู้โลกคนหนึ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบอาหารในชุมชน
เกษตรกู้โลก: ก่อตั้งเครือข่ายสองแควออร์แกนิก
หลังกลับบ้านพี่นิไม่ได้มาเพียงคนเดียว เธอเข้าอบรมโครงการ "คนกล้าคืนถิ่น" และรวบรวมสมาชิกกว่า 20 คนก่อตั้งเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ชื่อ "สองแควออร์แกนิก" โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเกษตรกรอินทรีย์ในพื้นที่
การเป็นเกษตรกู้โลกของพี่นิเริ่มจากการทำโครงการ "แบ่งปันกันปลูก" ที่เปิดพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ให้ชาวบ้านที่มีพื้นที่น้อยหรือพื้นที่มีความเสี่ยงปนเปื้อนสารเคมีเข้ามาปลูกผักฟรี โดยพื้นที่นี้ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสารเคมีตกค้าง
คุณน้านารีและป้าน้อง สมาชิกโครงการแบ่งปันกันปลูก เล่าว่าเหตุผลที่เข้าร่วมเป็นเกษตรกู้โลกก็เพราะตรวจเลือดแล้วพบสารเคมีตกค้างในร่างกาย การปลูกผักที่บ้านเองก็ทำไม่ได้เพราะแปลงข้างเคียงฉีดยาฆ่าหญ้า ทำให้ตรวจแล้วไม่ผ่านมาตรฐาน
"จะทำได้เหรอไม่ฉีดยา" เสียงสงสัยจากชาวบ้านเป็นอุปสรรคแรก แต่ทั้งคุณน้าและป้าน้องก็พิสูจน์ด้วยการสร้างแคร่ยกพื้นปลูกผัก ถอนหญ้าเอง และใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ปรากฏว่าได้ผลผลิตดี ราคาขายสูงกว่า และที่สำคัญได้กินผักปลอดสารไปด้วย
เกษตรกู้โลก: ปลูกแต่ผักดีมีประโยชน์
หัวใจของการเป็นเกษตรกู้โลกของพี่นิคือการเลือกปลูกพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะพืชสีแดงที่มีสารแอนโทไซยานิน ช่วยยับยั้งและป้องกันมะเร็ง อาทิ
เรดคอส - ผักสลัดสีแดงที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
เรดซอเรล - รสเปรี้ยว ใช้ปั่นน้ำและทำสลัด
แรดิส - เก็บได้ใน 25 - 30 วัน มีฤทธิ์ต้านเบาหวาน
เคล - ราชินีแห่งผัก ขายดีที่สุด ปลูกครั้งเดียวเก็บได้หลายรอบ
ผักกวยเล้ง - ปลูกยาก แต่ปลูกได้ครั้งเดียวเก็บได้นาน
เกษตรกู้โลก: เทคนิคการปลูกแบบยกแคร่
การเป็นเกษตรกู้โลกต้องมีเทคนิค พี่นิใช้วิธียกแคร่ขนาด 1x10 เมตร ข้อดีคือ
ทำงานง่าย เอื้อมถึง ไม่ต้องก้มนั่งยอง
แม่ที่ผ่าตัดหลังสามารถช่วยงานได้
หญ้าไม่ค่อยขึ้นเพราะพื้นสูง
ระบายน้ำดี เหมาะกับผักที่ไม่ชอบความชื้น
สำหรับการดูแล พี่นิใช้ระบบน้ำหยด รดวันละ 2 ครั้ง (05.00 และ 11.00) ใส่ปุ๋ยหมักอินทรีย์ทุก 10 - 15 วัน และที่สำคัญ - "ปรุงดินให้อร่อย" ด้วยปุ๋ยหมักจากเศษผักและมูลสัตว์
เกษตรกู้โลก: สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยสลัด Shake Shake
ความเป็นเกษตรกู้โลกไม่ได้หยุดแค่ปลูก แต่ยังแปรรูปเป็น "สลัด Shake Shake" สลัดในแก้วพร้อมทาน ราคา 40 บาท วางขายที่ร้านในคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับการตอบรับดีจากนักศึกษาเพราะสะดวก กินง่าย สดสะอาด และเป็นออร์แกนิก นอกจากนี้ยังมี "คอมบูชะ" เครื่องดื่มชาเขียวหมักน้ำผึ้ง แทนน้ำตาล เพื่อความเป็นธรรมชาติสูงสุด
เกษตรกู้โลก: จากรายได้สู่การเปลี่ยนแปลง
พี่นิ ตระหนักว่าการชวนชาวบ้านเป็นเกษตรกู้โลกด้วยเรื่องสุขภาพไม่ได้ผล "เขาจะเชื่อเรื่องเงิน ไม่เชื่อเรื่องสุขภาพ" จึงต้องพิสูจน์ด้วยรายได้จริง ผักอินทรีย์ขายได้ราคาดีกว่า แถมได้กินเองปลอดภัย
ป้าน้องเชิญชวนว่า "อยากให้ทุกคนมาทำ ได้กินผักปลอดสารไปด้วย ดีต่อสุขภาพ ไม่ต้องไปหาหมอบ่อย" ส่วนคุณแม่ของพี่นิก็ดีใจที่เห็นคนในชุมชนทำผักอินทรีย์ ไม่ต้องกินสารพิษอีกต่อไป
เกษตรกู้โลก: ความสุขที่แท้จริง
"แฮปปีมาก" พี่นิตอบเมื่อถูกถามว่าเป็นอย่างไร จากนักข่าวสู่เกษตรกู้โลก "เมื่อก่อนการเดินทางคือการทำงาน มันเหนื่อย ตอนนี้คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของพี่"
การเป็นเกษตรกู้โลกไม่ได้หมายถึงแค่ปลูกผักปลอดสาร แต่คือการสร้างรากฐานสุขภาพให้คนไทย สร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน และที่สำคัญ สร้างชุมชนที่ห่วงใยซึ่งกันและกัน จากบ้านกลาง พิษณุโลก สู่ทุกพื้นที่ของประเทศไทย
"ถ้าเราอยากมีชีวิตยืนยาวอย่างมีความสุข เราต้องดูแลตั้งแต่วันนี้ ตอนที่เรายังสบายดี ไม่ใช่ป่วยแล้วค่อยมาแก้ มันไม่ทันแล้ว"
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส