ชีวิตหลังเกษียณไม่จำเป็นต้องเหงาหรือว่างเปล่า หากคุณมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยก็สามารถเริ่มต้นทำเกษตรวัยเกษียณได้ วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับคุณลุงสมชาย เกษตรกรวัย 70 ปีจากจังหวัดระยอง ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการทำเกษตรแบบไม่มีหลักสูตร แต่มีความสุข สามารถเลี้ยงชีพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
เกษตรวัยเกษียณคือการทำเกษตรกรรมในช่วงวัยเกษียณอายุ โดยมุ่งเน้นการปลูกพืชผักสวนครัวและผลไม้เพื่อการบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก พร้อมทั้งจำหน่ายผลผลิตส่วนเกินเพื่อสร้างรายได้เสริม
คุณลุงสมชายเล่าว่า "การเกษตรของลุงไม่มีหลักสูตร อยากปลูกอะไรก็ปลูก ขี้เกียจก็ไปนอน" คำพูดเรียบง่ายนี้สะท้อนปรัชญาการทำเกษตรวัยเกษียญที่ไม่ซีเรียสเกินไป แต่เน้นความสุขและความสมดุลในชีวิต
จุดเริ่มต้นของเกษตรวัยเกษียณ
ลุงสมชายเคยทำงานในโรงพยาบาล ทำงานมานานจนเกษียณอายุ แต่ก่อนเกษียณนั้นลุงได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ด้วยการทำไร่ทำนาควบคู่กับการทำงาน เมื่อถึงวัยเกษียณ ลุงก็มีที่ดินและความพร้อมที่จะเข้าสวนทันทีโดยไม่รู้สึกเหงาหรือว่างเปล่า
พื้นที่ทำเกษตรวัยเกษียณของคุณลุงสมชายอยู่ภายในบริเวณบ้านประมาณ 3-4 ไร่ ปลูกพืชแบบผสมผสาน ประกอบด้วย:
ผลไม้รายปี
พืชผักสวนครัว
การเลี้ยงสัตว์
หัวใจสำคัญของเกษตรวัยเกษียณคือความเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ลุงสมชายแชร์เทคนิคดังนี้:
ลุงมีวิธีการปลูกที่น่าสนใจ โดยนำมะเขือลูกแก่มาบีบเบา ๆ วางลงบนพื้นดินที่เหมาะสม ปล่อยให้เมล็ดงอกเองตามธรรมชาติ ลุงอธิบายว่า "ถ้าเราทำแบบนี้ มันขึ้นมันจะต้านทานโรคดีกว่าที่เพาะใส่ถุง"
ลุงสมชายเปิดใจว่า "เศรษฐกิจของลุงเป็นเศรษฐกิจของผู้สูงอายุ ขายของวันหนึ่งบางทีได้ 10-20 บาท ก็ดีใจ" รายได้จากการขายผัก ถึงแม้จะไม่มาก แต่รวมกับเงินบำนาญที่เคยเก็บไว้ก่อนเกษียณก็เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
ราคาขายผลผลิต
หลักการสำคัญคือ "กินในสิ่งที่ควรกิน อยู่ในสิ่งที่ควรอยู่" ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้ชีวิตแบบพอเพียง
ลุงสมชายแนะนำว่า "ถ้าเป็นไปได้ควรเตรียมตัวไว้ก่อน ก่อนที่ปลดเกษียณทำอะไรได้ทำไว้หน่อยๆ ก่อน พอปลดเกษียณเราก็มาทำให้เต็มที่"
สิ่งที่ควรเตรียม
ลุงสมชายกล่าวว่า "การที่เราอยู่กับต้นไม้นี่มันมีความสุขมากที่สุด ใครจะบอกว่าการทำสวนเป็นทุกข์มันเหนื่อย ไม่ใช่ ถ้าเราจะคิดให้ดีว่ามันสุขจริง ๆ เหนื่อยแล้วก็พัก ขี้เกียจแล้วก็นอน"
ตั้งแต่ลุงเปลี่ยนจากการใช้สารเคมีมาเป็นการปลูกแบบปลอดสารพิษ ทำให้มีผักปลอดภัยกินเองและขายให้เพื่อนบ้าน ชาวบ้านบอกว่า "ปลอดสารพิษ เป็นกันเอง เขาขายถูก"
เมื่อเพื่อนร่วมงานถามว่าเกษียณแล้วไม่เหงาหรือ ลุงตอบว่า "เหงาได้อย่างไร เราก็เข้าสวน แต่ถ้าคนปลดเกษียณแล้วไม่มีที่ ถึงจะเหงา เพราะมันไม่รู้จะทำอะไร"
แม้รายได้จะไม่มาก แต่ช่วยเสริมเงินบำนาณและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้อย่างมาก
เมื่อน้ำไม่พอ ผู้ใหญ่บ้านได้จัดหาระบบพลังงานแสงอาทิตย์ตั้งอยู่ที่ชายคลอง จัดเวรกันใช้น้ำ เพื่อให้ทุกคนในชุมชนมีน้ำใช้อย่างเพียงพอและเท่าเทียมกัน
สรุปแล้วเกษตรวัยเกษียญของลุงสมชายสอนให้เห็นว่า:
เกษตรวัยเกษียญไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเตรียมตัวล่วงหน้า มีพื้นที่เล็กน้อย และมีใจรักในการทำสวน คุณก็สามารถมีชีวิตวัยเกษียญที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข มีผลผลิตปลอดภัยรับประทานเอง และมีรายได้เสริมได้แบบลุงสมชาย
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
ชีวิตหลังเกษียณไม่จำเป็นต้องเหงาหรือว่างเปล่า หากคุณมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยก็สามารถเริ่มต้นทำเกษตรวัยเกษียณได้ วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับคุณลุงสมชาย เกษตรกรวัย 70 ปีจากจังหวัดระยอง ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการทำเกษตรแบบไม่มีหลักสูตร แต่มีความสุข สามารถเลี้ยงชีพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
เกษตรวัยเกษียณคือการทำเกษตรกรรมในช่วงวัยเกษียณอายุ โดยมุ่งเน้นการปลูกพืชผักสวนครัวและผลไม้เพื่อการบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก พร้อมทั้งจำหน่ายผลผลิตส่วนเกินเพื่อสร้างรายได้เสริม
คุณลุงสมชายเล่าว่า "การเกษตรของลุงไม่มีหลักสูตร อยากปลูกอะไรก็ปลูก ขี้เกียจก็ไปนอน" คำพูดเรียบง่ายนี้สะท้อนปรัชญาการทำเกษตรวัยเกษียญที่ไม่ซีเรียสเกินไป แต่เน้นความสุขและความสมดุลในชีวิต
จุดเริ่มต้นของเกษตรวัยเกษียณ
ลุงสมชายเคยทำงานในโรงพยาบาล ทำงานมานานจนเกษียณอายุ แต่ก่อนเกษียณนั้นลุงได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ด้วยการทำไร่ทำนาควบคู่กับการทำงาน เมื่อถึงวัยเกษียณ ลุงก็มีที่ดินและความพร้อมที่จะเข้าสวนทันทีโดยไม่รู้สึกเหงาหรือว่างเปล่า
พื้นที่ทำเกษตรวัยเกษียณของคุณลุงสมชายอยู่ภายในบริเวณบ้านประมาณ 3-4 ไร่ ปลูกพืชแบบผสมผสาน ประกอบด้วย:
ผลไม้รายปี
พืชผักสวนครัว
การเลี้ยงสัตว์
หัวใจสำคัญของเกษตรวัยเกษียณคือความเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ลุงสมชายแชร์เทคนิคดังนี้:
ลุงมีวิธีการปลูกที่น่าสนใจ โดยนำมะเขือลูกแก่มาบีบเบา ๆ วางลงบนพื้นดินที่เหมาะสม ปล่อยให้เมล็ดงอกเองตามธรรมชาติ ลุงอธิบายว่า "ถ้าเราทำแบบนี้ มันขึ้นมันจะต้านทานโรคดีกว่าที่เพาะใส่ถุง"
ลุงสมชายเปิดใจว่า "เศรษฐกิจของลุงเป็นเศรษฐกิจของผู้สูงอายุ ขายของวันหนึ่งบางทีได้ 10-20 บาท ก็ดีใจ" รายได้จากการขายผัก ถึงแม้จะไม่มาก แต่รวมกับเงินบำนาญที่เคยเก็บไว้ก่อนเกษียณก็เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
ราคาขายผลผลิต
หลักการสำคัญคือ "กินในสิ่งที่ควรกิน อยู่ในสิ่งที่ควรอยู่" ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้ชีวิตแบบพอเพียง
ลุงสมชายแนะนำว่า "ถ้าเป็นไปได้ควรเตรียมตัวไว้ก่อน ก่อนที่ปลดเกษียณทำอะไรได้ทำไว้หน่อยๆ ก่อน พอปลดเกษียณเราก็มาทำให้เต็มที่"
สิ่งที่ควรเตรียม
ลุงสมชายกล่าวว่า "การที่เราอยู่กับต้นไม้นี่มันมีความสุขมากที่สุด ใครจะบอกว่าการทำสวนเป็นทุกข์มันเหนื่อย ไม่ใช่ ถ้าเราจะคิดให้ดีว่ามันสุขจริง ๆ เหนื่อยแล้วก็พัก ขี้เกียจแล้วก็นอน"
ตั้งแต่ลุงเปลี่ยนจากการใช้สารเคมีมาเป็นการปลูกแบบปลอดสารพิษ ทำให้มีผักปลอดภัยกินเองและขายให้เพื่อนบ้าน ชาวบ้านบอกว่า "ปลอดสารพิษ เป็นกันเอง เขาขายถูก"
เมื่อเพื่อนร่วมงานถามว่าเกษียณแล้วไม่เหงาหรือ ลุงตอบว่า "เหงาได้อย่างไร เราก็เข้าสวน แต่ถ้าคนปลดเกษียณแล้วไม่มีที่ ถึงจะเหงา เพราะมันไม่รู้จะทำอะไร"
แม้รายได้จะไม่มาก แต่ช่วยเสริมเงินบำนาณและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้อย่างมาก
เมื่อน้ำไม่พอ ผู้ใหญ่บ้านได้จัดหาระบบพลังงานแสงอาทิตย์ตั้งอยู่ที่ชายคลอง จัดเวรกันใช้น้ำ เพื่อให้ทุกคนในชุมชนมีน้ำใช้อย่างเพียงพอและเท่าเทียมกัน
สรุปแล้วเกษตรวัยเกษียญของลุงสมชายสอนให้เห็นว่า:
เกษตรวัยเกษียญไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเตรียมตัวล่วงหน้า มีพื้นที่เล็กน้อย และมีใจรักในการทำสวน คุณก็สามารถมีชีวิตวัยเกษียญที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข มีผลผลิตปลอดภัยรับประทานเอง และมีรายได้เสริมได้แบบลุงสมชาย
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส
แท็กที่เกี่ยวข้อง: