การกินอาหารไม่ใช่เพียงแค่การเติมพลังงานให้กับร่างกาย แต่เป็นการเลือกกินที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศของโลกใบนี้ การกินอย่างยั่งยืนจึงเป็นแนวทางที่สำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ
การกินอย่างยั่งยืนหมายถึง การเลือกบริโภคอาหารที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยคำนึงถึงแหล่งที่มาของอาหาร วิธีการผลิต และผลกระทบต่อระบบนิเวศ ดังที่นักกีฬาดำน้ำ อย่างทราย สิรณัฐ สก๊อต ได้กล่าวไว้ว่า "ถ้าเราทิ้งขยะในแหล่งอาหารของเรา อาหารที่เรากินก็เป็นอาหารขยะ"
เริ่มต้นจากการเข้าใจปัญหาของระบบการผลิตอาหาร ปัญหาใหญ่ของทะเลไทยในปัจจุบันไม่ใช่ชาวประมงพื้นบ้าน แต่เป็นชาวประมงนายทุนที่ใช้วิธีการทำลายล้างทรัพยากรทะเล การใช้ไฟล่อปลาได้ตลอดเวลา และการใช้อวนถี่เกินไป ทำให้ไม่มีช่องวา "ถ้าเกิดเราไม่มีช่องว่างปล่อยให้ปลาเล็กปลาน้อยรอด มันไม่มีใครที่จะมาฟื้นฟูประชากรปลาต่อ"
การกินอย่างยั่งยืนยังหมายถึงการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น การเลือกซื้อไข่จากเกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงไก่แบบฟรีเรนจ์ (Free Range) และออร์แกนิก ทำให้ไก่ "เดินเล่นบนภูเขาแล้วก็ร้องเพลงกันระหว่างที่เขาเอ็นจอยกับชีวิตเขา" ไม่เพียงแต่ได้อาหารที่มีคุณภาพ แต่ยังช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยอีกด้วย
การกินอย่างยั่งยืนเน้นการบริโภคอาหารตามฤดูกาล เช่น การกินมะม่วงในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม การกินตามธรรมชาติทำให้ได้คุณค่ามากกว่า และยังได้รับสารอาหารที่เข้มข้นที่สุด
การเลือกผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น "ไม่ต้องกินอาโวคาโดจากเม็กซิโก อาโวคาโดจากเชียงใหม่ก็น่าจะดีพอเหมือนกัน" การเลือกกินของในประเทศจะช่วยลดการขนส่งและสนับสนุนเกษตรกรไทย
การกินอย่างยั่งยืนไม่จำเป็นต้องเป็นมังสวิรัติ แต่ควรเลือกแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ เช่น ไข่จากไก่ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ หรือปลาจากแหล่งที่สะอาด การหลีกเลี่ยงอาหารทะเลจากพื้นที่ที่มีมาตรฐานการจับไม่ดี
การกินเน้นความหลากหลาย กินถั่วหลากหลายพันธุ์ เพราะอะมิโน แอซิด ในถั่วแต่ละชนิดมีไม่เหมือนกัน การใช้ข้าวหลายสีและเก็บเกี่ยวผักผลไม้ที่หลากหลาย จะช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ
เริ่มต้นจากการเข้าใจว่า "ทุกอย่างที่เราใช้ในชีวิตประจำวันมีที่มาที่ไปจากแหล่งธรรมชาติ" การเลือกใช้เกลือทะเลจากทะเลที่สะอาด การหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปมากเกินไป และการสนับสนุนการเกษตรออร์แกนิก
คำนึงถึงบทบาทของสัตว์ในระบบนิเวศ แม้แต่ฉลามที่ "มีบทบาทในระบบนิเวศ เขาจะกินซากวาฬซากต่าง ๆ ที่ตกค้างเหลืออยู่ ซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญในมหาสมุทร"
การเปลี่ยนวิถีเริ่มจากการตัดสินใจเลือกซื้อ การเลือกซื้อแบบอินทรีย์ มากกว่าอาหารแปรรูป (Processed food) และการอ่านฉลากและเข้าใจที่มาของอาหาร
การกินอย่างยั่งยืนในการปรุงอาหารคือการใช้วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น การ "ใช้น้ำผัดอย่างเดียว" แทนการใช้น้ำมัน การใช้ผลไม้แห้งแทนน้ำตาล และการใช้เครื่องเทศธรรมชาติ
การกินอย่างยั่งยืนมอบประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การเลือกอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดสารเคมี และมีสารอาหารครบถ้วน จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีพลังงานที่ดี
ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้น้ำ และช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ "เราสามารถเลือกความสะดวกของคุณให้มันสะดวกกับธรรมชาติได้ด้วย"
การกินอย่างยั่งยืนไม่ใช่เรื่องยากหรือต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างรุนแรง แต่เป็นการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน "วิถีของเราค่อนข้างที่จะเป็นมิตรกับธรรมชาติอยู่แล้ว" เราเพียงแต่ต้องกลับมาใส่ใจและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทั้งตัวเราเองและโลกใบนี้
การกินอย่างยั่งยืนคือการ "กินเพื่อชีวิตที่ดีของเราและความยั่งยืนของโลก" เป็นการลงทุนในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อไป และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าของประเทศไทย
ติดตามได้ในรายการกินอยู่คือ วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
การกินอาหารไม่ใช่เพียงแค่การเติมพลังงานให้กับร่างกาย แต่เป็นการเลือกกินที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศของโลกใบนี้ การกินอย่างยั่งยืนจึงเป็นแนวทางที่สำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ
การกินอย่างยั่งยืนหมายถึง การเลือกบริโภคอาหารที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยคำนึงถึงแหล่งที่มาของอาหาร วิธีการผลิต และผลกระทบต่อระบบนิเวศ ดังที่นักกีฬาดำน้ำ อย่างทราย สิรณัฐ สก๊อต ได้กล่าวไว้ว่า "ถ้าเราทิ้งขยะในแหล่งอาหารของเรา อาหารที่เรากินก็เป็นอาหารขยะ"
เริ่มต้นจากการเข้าใจปัญหาของระบบการผลิตอาหาร ปัญหาใหญ่ของทะเลไทยในปัจจุบันไม่ใช่ชาวประมงพื้นบ้าน แต่เป็นชาวประมงนายทุนที่ใช้วิธีการทำลายล้างทรัพยากรทะเล การใช้ไฟล่อปลาได้ตลอดเวลา และการใช้อวนถี่เกินไป ทำให้ไม่มีช่องวา "ถ้าเกิดเราไม่มีช่องว่างปล่อยให้ปลาเล็กปลาน้อยรอด มันไม่มีใครที่จะมาฟื้นฟูประชากรปลาต่อ"
การกินอย่างยั่งยืนยังหมายถึงการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น การเลือกซื้อไข่จากเกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงไก่แบบฟรีเรนจ์ (Free Range) และออร์แกนิก ทำให้ไก่ "เดินเล่นบนภูเขาแล้วก็ร้องเพลงกันระหว่างที่เขาเอ็นจอยกับชีวิตเขา" ไม่เพียงแต่ได้อาหารที่มีคุณภาพ แต่ยังช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยอีกด้วย
การกินอย่างยั่งยืนเน้นการบริโภคอาหารตามฤดูกาล เช่น การกินมะม่วงในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม การกินตามธรรมชาติทำให้ได้คุณค่ามากกว่า และยังได้รับสารอาหารที่เข้มข้นที่สุด
การเลือกผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น "ไม่ต้องกินอาโวคาโดจากเม็กซิโก อาโวคาโดจากเชียงใหม่ก็น่าจะดีพอเหมือนกัน" การเลือกกินของในประเทศจะช่วยลดการขนส่งและสนับสนุนเกษตรกรไทย
การกินอย่างยั่งยืนไม่จำเป็นต้องเป็นมังสวิรัติ แต่ควรเลือกแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ เช่น ไข่จากไก่ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ หรือปลาจากแหล่งที่สะอาด การหลีกเลี่ยงอาหารทะเลจากพื้นที่ที่มีมาตรฐานการจับไม่ดี
การกินเน้นความหลากหลาย กินถั่วหลากหลายพันธุ์ เพราะอะมิโน แอซิด ในถั่วแต่ละชนิดมีไม่เหมือนกัน การใช้ข้าวหลายสีและเก็บเกี่ยวผักผลไม้ที่หลากหลาย จะช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ
เริ่มต้นจากการเข้าใจว่า "ทุกอย่างที่เราใช้ในชีวิตประจำวันมีที่มาที่ไปจากแหล่งธรรมชาติ" การเลือกใช้เกลือทะเลจากทะเลที่สะอาด การหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปมากเกินไป และการสนับสนุนการเกษตรออร์แกนิก
คำนึงถึงบทบาทของสัตว์ในระบบนิเวศ แม้แต่ฉลามที่ "มีบทบาทในระบบนิเวศ เขาจะกินซากวาฬซากต่าง ๆ ที่ตกค้างเหลืออยู่ ซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญในมหาสมุทร"
การเปลี่ยนวิถีเริ่มจากการตัดสินใจเลือกซื้อ การเลือกซื้อแบบอินทรีย์ มากกว่าอาหารแปรรูป (Processed food) และการอ่านฉลากและเข้าใจที่มาของอาหาร
การกินอย่างยั่งยืนในการปรุงอาหารคือการใช้วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น การ "ใช้น้ำผัดอย่างเดียว" แทนการใช้น้ำมัน การใช้ผลไม้แห้งแทนน้ำตาล และการใช้เครื่องเทศธรรมชาติ
การกินอย่างยั่งยืนมอบประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การเลือกอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดสารเคมี และมีสารอาหารครบถ้วน จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีพลังงานที่ดี
ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้น้ำ และช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ "เราสามารถเลือกความสะดวกของคุณให้มันสะดวกกับธรรมชาติได้ด้วย"
การกินอย่างยั่งยืนไม่ใช่เรื่องยากหรือต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างรุนแรง แต่เป็นการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน "วิถีของเราค่อนข้างที่จะเป็นมิตรกับธรรมชาติอยู่แล้ว" เราเพียงแต่ต้องกลับมาใส่ใจและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทั้งตัวเราเองและโลกใบนี้
การกินอย่างยั่งยืนคือการ "กินเพื่อชีวิตที่ดีของเราและความยั่งยืนของโลก" เป็นการลงทุนในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อไป และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าของประเทศไทย
ติดตามได้ในรายการกินอยู่คือ วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live